แอร์เคลื่อนที่ ใช้ไฟกี่ แอ ม ป์

แอร์เคลื่อนที่กินไฟไหม ?

แอร์เคลื่อนที่ ใช้ไฟกี่ แอ ม ป์

เนื่องจากแอร์เคลื่อนที่ก็เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทหนึ่ง ดังนั้นวิธีการคำนวณค่าไฟก็คิดเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่น ๆ โดยดูที่กำลังการใช้ไฟฟ้า (หน่วยเป็นวัตต์) จากสูตรนี้
กำลังไฟฟ้า (วัตต์ ) x จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้า ÷ 1000 x จำนวนชั่วโมงที่ใช้ใน 1 วัน = จำนวนหน่วยต่อวัน (ยูนิต)

ยกตัวอย่าง การคิดค่าไฟสำหรับแอร์เคลื่อนที่ 9000 BTU ของ JPX

แอร์เคลื่อนที่ 9000 BTU กินไฟไหม ? ให้พลิกคู่มือหรือข้างเครื่องดูว่ากินไฟกี่วัตต์
หากเปิดเครื่องวันละ 10 ชั่วโมง และใช้ไฟ 1180 วัตต์

1,180 x 1 ÷ 1000 x 10 = 11.8 จำนวนหน่วยต่อวัน (ยูนิต) (คิดหน่วยละ 4 บาท) หรือคิดเป็นวันละ 47.20 บาท ตกเดือนละ 1,416 บาท / เดือน

เพราะฉะนั้นหากจะเทียบการกินไฟ กับแอร์บ้านก็ต้องเทียบในแอร์บ้าน 9,000 BTU เท่ากัน ในขณะเดียวกัน เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กำลังไฟประมาณ 1,000 วัตต์ใกล้เคียงกัน ได้แก่ เตาไฟฟ้า, หม้อหุงข้าว, เครื่องซักผ้า, เครื่องอบผ้า เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่าแอร์เคลื่อนที่เป็นตัวช่วยประหยัดไฟไหมก็ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนที่ใช้งานเป็นหลัก

แอร์เคลื่อนที่กินไฟไหม

เมื่อพิจารณาเรื่องความประหยัดไฟ และกินไฟของแอร์เคลื่อนที่เทียบกับแอร์บ้าน จะต้องแยกกันพิจารณา ประเด็นนี้น่าสนใจเพราะมีผลต่อการจ่ายค่าไฟทุกเดือน หากคำนวณแล้วถ้าต้องจ่ายค่าไฟพอ ๆ กับค่าตัวเครื่องแอร์ทั้งสองแบบที่ต้องจ่ายตั้งแต่แรก ก็พอจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้

ข้อที่ทำให้แอร์เคลื่อนที่ทำงานหนักก็คือ ชั่วโมงที่เปิดใช้งาน และการทำงานของ Compressor หากวัสดุอุปกรณ์ไม่ช่วยระบายความร้อนจะทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้นกว่าช่วงเวลาปกติ หาก Compressor ร้อนมาก ๆ จะไปเพิ่มอุณหภูมิรอบ ๆ แอร์เคลื่อนที่ทำให้อากาศในห้องปิดไม่เย็นลงสักที หรือทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกร้อนอยู่ ดังนั้นหากจะซื้อแอร์เคลื่อนที่แล้วต้องจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม
วิธีการช่วยแอร์เคลื่อนที่ไม่ให้ทำงานหนัก

เลือกติดตั้งเครื่องในบริเวณที่อากาศไหลเวียน และควรตั้งอยู่ในห้องปิดเพื่อลดการทำงานหนักขึ้นของแอร์เคลื่อนที่ ไม่วางของที่อุณหภูมิสูงไว้ในห้องเพื่อลดการถ่ายเทความร้อน และจำกัดชั่วโมงการใช้งาน เพื่อที่ว่าสิ้นเดือนจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าไฟแพงเกินกว่าที่จำเป็น

สรุปแล้ว แอร์เคลื่อนที่ ตอบโจทย์กับผู้ที่ต้องการปรับความเย็นในห้องขนาดเล็ก อย่างเช่น หอพัก คอนโด บูธขายของ ที่มีของวางอยู่ในห้องไม่เยอะมาก และอาจจะมีการเปลี่ยนย้ายที่อยู่บ่อย ๆ แต่หากต้องการอยู่ระยะยาวในพื้นที่ห้องขนาดกว้าง ควรเลือกติดตั้งแอร์บ้านมากกว่า ตอนซื้ออย่าลืมดูกำลังไฟนำมาคำนวณค่าไฟที่ต้องจ่ายในอนาคต เพื่อความคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก mea.or.th

หน้าร้อน ค่าไฟพุ่งแรง ทำให้ใครต่อใครมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นทางเลือกเพื่อดับร้อน ในบางวันที่เปิดพัดลมอย่างเดียวอาจไม่พอ จนต้องลุกไปเปิดแอร์ แต่การเปิดแอร์นาน ๆ ก็ยิ่งกินไฟ เพราะฉะนั้นการมองหาตัวช่วยอื่น ๆ เพื่อลดค่าไฟกลายเป็นสิ่งที่หลายคนตามหา

แอร์เคลื่อนที่เป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่ได้รับความสนใจ เนื่องจากมีขนาดที่เล็กกว่า และการใช้งานที่ง่ายกว่า จึงน่าจะเหมาะนำมาช่วยลดค่าไฟ แต่หากคุณกำลังตัดสินใจว่าแอร์เคลื่อนที่ดีไหม ลองมาดูรายละเอียดเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้กันก่อน

แอร์เคลื่อนที่ดีไหม ต่างจากแอร์บ้านอย่างไร

แอร์เคลื่อนที่ หรือเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ (Portable Air Conditioning) เป็นเครื่องปรับอากาศที่ช่วยลดอุณหภูมิภายในห้องให้เย็นลง โดยไม่ต้องเจาะผนังเพื่อวางท่อสายไฟ และสายน้ำทิ้ง เป็นทางเลือกให้กับห้องขนาดเล็ก อย่างหอพัก คอนโด บูธจำหน่ายสินค้า ร้านค้าขนาดเล็ก โดยมีข้อแตกต่างจากแอร์บ้าน ดังนี้

  • มีขนาดที่เล็กกว่า ทั้งขนาดและ BTU เพื่อการใช้งานที่สะดวก
  • ต้องทำความสะอาดถี่กว่าแอร์บ้าน อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง
  • ใช้งานง่าย เสียบปลั๊กแล้วพร้อมใช้ทันที เคลื่อนย้ายได้ด้วยการยกหรือเลื่อน

คำแนะนำก่อนซื้อแอร์เคลื่อนที่

จุดเด่นของแอร์เคลื่อนที่ก็คือคุณสามารถเคลื่อนย้ายไปยังห้องต่าง ๆ โดยไม่จำกัดว่าต้องติดตั้งอยู่ในห้องเดียว แต่ก็มีรายละเอียดเล็กน้อยเพื่อให้คุณประกอบการซื้อ ดังนี้

  • ต้องเติมน้ำยาแอร์ตามรุ่นเฉพาะของเครื่องเท่านั้น
  • วิธีการเลือกแอร์เคลื่อนที่ ต้องดูค่า BTU เช่นเดียวกับแอร์บ้าน
  • ชิ้นส่วนแอร์เคลื่อนที่ที่บริษัทส่วนใหญ่รับประกัน คือ Compressor เพราะฉะนั้นควรเลือกยี่ห้อที่มีบริการหลังการขายที่ดี
  • แอร์เคลื่อนที่ 1 ตัว ไม่สามารถทำให้ห้องทั้งห้องเย็นทั่วถึงได้ หากห้องนั้นกว้างเกินกำลังการทำงานของเครื่อง
  • ปัญหาที่ผู้ซื้อมักเจอคือ แอร์เคลื่อนที่มีเสียงดัง ดังนั้นควรมีโอกาสได้ลองและศึกษาเครื่องรุ่นนั้นก่อนซื้อ

แอร์เคลื่อนที่ประหยัดไฟไหม

เนื่องจากแอร์เคลื่อนที่ก็เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทหนึ่ง ดังนั้นวิธีการคำนวณค่าไฟก็คิดเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่น ๆ โดยดูที่กำลังการใช้ไฟฟ้า (หน่วยเป็นวัตต์) จากสูตรนี้
กำลังไฟฟ้า (วัตต์ ) x จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้า ÷ 1000 x จำนวนชั่วโมงที่ใช้ใน 1 วัน = จำนวนหน่วยต่อวัน (ยูนิต)

ยกตัวอย่างเช่น


แอร์เคลื่อนที่ 9000 BTU กินไฟไหม ? ให้พลิกคู่มือหรือข้างเครื่องดูว่ากินไฟกี่วัตต์
หากเปิดเครื่องวันละ 10 ชั่วโมง และใช้ไฟ 1,010 วัตต์

1,010 x 1 ÷ 1000 x 10 = 10.1 จำนวนหน่วยต่อวัน (ยูนิต)
หรือคิดเป็นวันละ 23.72 บาท
เดือนละ 711.69 บาท

เพราะฉะนั้นหากจะเทียบการกินไฟ กับแอร์บ้านก็ต้องเทียบในแอร์บ้าน 9,000 BTU เท่ากัน ในขณะเดียวกัน เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กำลังไฟประมาณ 1,000 วัตต์ใกล้เคียงกัน ได้แก่ เตาไฟฟ้า, หม้อหุงข้าว, เครื่องซักผ้า, เครื่องอบผ้า เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่าแอร์เคลื่อนที่เป็นตัวช่วยประหยัดไฟไหมก็ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนที่ใช้งานเป็นหลัก

แอร์เคลื่อนที่กินไฟไหม

เมื่อพิจารณาเรื่องความประหยัดไฟ และกินไฟของแอร์เคลื่อนที่เทียบกับแอร์บ้าน จะต้องแยกกันพิจารณา ประเด็นนี้น่าสนใจเพราะมีผลต่อการจ่ายค่าไฟทุกเดือน หากคำนวณแล้วถ้าต้องจ่ายค่าไฟพอ ๆ กับค่าตัวเครื่องแอร์ทั้งสองแบบที่ต้องจ่ายตั้งแต่แรก ก็พอจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้

ข้อที่ทำให้แอร์เคลื่อนที่ทำงานหนักก็คือ ชั่วโมงที่เปิดใช้งาน และการทำงานของ Compressor หากวัสดุอุปกรณ์ไม่ช่วยระบายความร้อนจะทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้นกว่าช่วงเวลาปกติ หาก Compressor ร้อนมาก ๆ จะไปเพิ่มอุณหภูมิรอบ ๆ แอร์เคลื่อนที่ทำให้อากาศในห้องปิดไม่เย็นลงสักที หรือทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกร้อนอยู่ ดังนั้นหากจะซื้อแอร์เคลื่อนที่แล้วต้องจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม

วิธีการช่วยแอร์เคลื่อนที่ไม่ให้ทำงานหนัก

เลือกติดตั้งเครื่องในบริเวณที่อากาศไหลเวียน และควรตั้งอยู่ในห้องปิดเพื่อลดการทำงานหนักขึ้นของแอร์เคลื่อนที่ ไม่วางของที่อุณหภูมิสูงไว้ในห้องเพื่อลดการถ่ายเทความร้อน และจำกัดชั่วโมงการใช้งาน เพื่อที่ว่าสิ้นเดือนจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าไฟแพงเกินกว่าที่จำเป็น

สรุปแล้ว แอร์เคลื่อนที่ตอบโจทย์กับผู้ที่ต้องการปรับความเย็นในห้องขนาดเล็ก อย่างเช่น หอพัก คอนโด บูธขายของ ที่มีของวางอยู่ในห้องไม่เยอะมาก และอาจจะมีการเปลี่ยนย้ายที่อยู่บ่อย ๆ แต่หากต้องการอยู่ระยะยาวในพื้นที่ห้องขนาดกว้าง ควรเลือกติดตั้งแอร์บ้านมากกว่า ตอนซื้ออย่าลืมดูกำลังไฟนำมาคำนวณค่าไฟที่ต้องจ่ายในอนาคต เพื่อความคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์