3 มาตรา 16 ผู้ใดนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลง ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทําให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท ถ้าการกระทําตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทําต่อภาพของผู้ตาย และการกระทํานั้นน่าจะทําให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ผู้กระทําต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง ถ้าการกระทําตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง เป็นการนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยสุจริตอันเป็น การติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทํา ผู้กระทำไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งและวรรคสองเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย” Show
ที่ผ่านมาเราคงจะเห็นข่าวการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดียเพิ่มมากขึ้นโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลง ถึงแม้ว่าทางภาครัฐและเอกชนจะออกมาตรการป้องกันแค่ไหนก็ตามพวกมิจฉาชีพก็ยังคงหากลลวงใหม่ ๆ มาหลอกเหยื่ออยู่ดีนี่ยังไม่รวมภัยร้ายทางโลกไซเบอร์นะคะ วันนี้ทาง AIS อุ่นใจไซเบอร์ถือโอกาสเปิดตัวแคมเปญภายใต้แนวคิด “มีความรู้ก็อยู่รอด” เพื่อสะท้อนให้คนไทยเห็นถึงปัญหาภัยไซเบอร์ทุกรูปแบบได้อย่างเท่าทันโลกออนไลน์ ต้องทำอย่างไรเมื่อโดนคอมเมนต์แย่ๆ หรือโดนบูลลี่ในโซเชียล?ในยุคที่ใครก็สามารถมีชื่อเสียงขึ้นมาได้จากการสร้างสรรค์เนื้อหาลงใน Social Media ต่าง ๆ ทำให้เราเห็นคนเก่งมีความสามารถเกิดขึ้นกันเต็มไปหมดทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่สิ่งนึงที่ทุกคนที่ก้าวเข้าสู่วงการนี้ต้องเจอ คือ คอมเมนต์หรือคำวิจารณ์ต่าง ๆ ซึ่งถ้าได้คำชมก็เป็นกำลังใจที่ดีให้ทำต่อไป แต่ในทางกลับกันถ้าเจอในด้านลบ ก็อาจจะทำให้หมดแรงทำต่อ รวมถึงนำพาให้ชีวิตพัง เสียความมั่นใจในตัวเองกันไป รีวิว Mastodon แอปโซเชียลตัวสำรอง Twitter น่าเล่นขนาดไหน พร้อมแนะนำวิธีเริ่มใช้งานแบบง่าย ๆในช่วงที่โลกกำลังวุ่นวายจากการที่ Elon Musk เข้าครอง Twitter ก็ได้เกิดกระแสอพยพแพลตฟอร์มครั้งใหญ่ หนึ่งในจุดมุงหมายที่ทั้งสื่อและผู้ใช้งานพูดถึงกันอย่างมากคือ Mastodon สื่อโซเชียล open-source ที่มีหน้าตาและฟังก์ชันหลายอย่างละม้ายคล้ายกับ Twitter ทำให้เป็นเป้าหมายการย้ายถิ่นฐานและถูกแนะนำไปซะเยอะ แต่เมื่อใช้งานจริงแล้วมีประสบการณ์ยังไงบ้าง มีความน่าเล่นแค่ไหน คราวนี้เราลองมาให้แล้วครับ พาไปรู้จัก Blind เว็บบอร์ดลับสุดแซ่บ สำหรับพนักงานบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Google, Meta, Amazon, Microsoft, ฯลฯหากใครติดตามข่าวเทคโนโลยีก็จะพบเห็นชื่อ Blind ขึ้นมาบ่อย ๆ ในฐานะแพลตฟอร์มวงในของพนักงาน IT ในบริษัทระดับโลก ที่เอาไว้พูดคุยกันทุกเรื่องตั้งแต่ชีวิตการงาน จนไปถึงเรื่องฉาว ประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นในโลกผู้พัฒนา ดังนั้นคราวนี้เราเลยอยากพาทุกคนไปทำความรู้จัก Blind กันว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นแพลตฟอร์มอะไร มีวิธีเข้าไปใช้งานยังไง และที่ผ่านมีเว็บนี้ส่งผลอะไรกับโลกเทคโนโลยีบ้างครับ ดูเหมือนประเด็นกฎหมายดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับชาวเน็ตโดยตรงจะกลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมไทยอีกครั้ง หลังจากที่เกิดกรณีดาราชื่อดังไล่ฟ้องหมิ่นประมาทคู่กรณีบนโลกออนไลน์ที่เล่นเอาชนิดต้องชดใช้กันหลักล้าน หรือล่าสุดกับประเด็นดราม่าออกข่าวไปทั่วโลกกับกรณีนักท่องเที่ยวรีวิวเชิงลบกับรีสอร์ทในไทยบนโลกออนไลน์สุดท้ายได้นอนคุกเฉยเลย งานนี้ DroidSans จะพาไปทบทวนกันหน่อยว่า ชาวเน็ตสายลงทัวร์มีข้อจำกัดและความพอดีอยู่ตรงไหน หมิ่นประมาทคือกฎหมายสุดคลาสสิค ใช้กันมานานแล้ว แถมยังใช้ได้ดีในโลกออนไลน์อันดับแรกไปดูที่ตัวกฎหมายอาญาที่มีใช้กันมานานแล้ว แต่กลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยความที่โลกอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันนั้น การจะโพสต์เนื้อหาเชิงให้ร้ายบุคคลอื่นนั้นทำได้ง่ายกว่าแต่ก่อนมาก เรียกได้ว่าจัดทัวร์ไปลงได้ทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็น Facebook – Instagram หรือ Twitter ก็ตาม ซึ่งกฎหมายคดีหมิ่นประมาทมีสาระสำคัญชวนจำง่าย ๆ 3 ข้อ จะกระทำความผิดได้ต้องมีครบทุกข้อ คือ
หากผู้ถูกกระทำคิดว่าโดนครบทั้งสามข้อนี้แล้วก็ทำให้เกิดความเสี่ยงจะถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทได้ทันที ซึ่งอันที่จริงนั้นถูกฟ้องง่ายมาก ๆ แต่ต้องไปพิสูจน์กันต่อว่าผิดจริงหรือไม่ ซึ่งในความผิดนี้มีโทษทั้งจำคุก 1 ปี ปรับอีก 2 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ! นี่แค่โทษขั้นต้นเท่านั้น เพราะถ้าหากเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ซึ่งมีเงื่อนไขเพียงแค่เป็นการ ป่าวประกาศเผยแพร่กันในวงกว้าง (แน่นอนว่าโพสต์บน Facebook – Instagram เข้าข้อนี้หมด) ก็เตรียมใจเสี่ยงรับโทษหนักคุก 2 ปีปรับ 2 แสนหรือทั้ง 2 อย่างเป็นคอมโบกันได้เลยล่ะ อย่างไรก็ตามคดีประเภทนี้ เป็นความผิดที่เรียกว่า “ยอมความกันได้” ซึ่งหมายถึงว่าผู้เสียหายอาจยกฟ้องได้ง่าย ๆ ขอแค่คุยกันรู้เรื่อง จึงเป็นที่มาของการเรียกเงินค่าเสียหายหลักแสนหลักล้านอย่างที่เห็นกันอยู่จากประเภทดราม่าทั้งหลายนั่นเอง เพราะแน่นอนว่าผู้กระทำผิดย่อมเลือกเสียเงินดีกว่าได้นอนคุกเป็นปี ๆ อย่างแน่นอน พรบ.คอมพิวเตอร์ ฯ เอาไว้สู้กับข่าวปั่น ข่าวปลอม เป็นหลัก แต่ก็อย่าได้โพสต์กันส่งเดชนะ !สำหรับพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 หรือที่เรียกกันติดปากว่ากฎหมาย พรบ.คอม ฯ นั้นมีเจตนาในการบังคับใช้กับประชาชนทั่วไปในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปโดยมาตราที่เป็นใจความสำคัญและมักถูกพูดถึงที่สุดคือ มาตรา 14 เกี่ยวกับความผิดที่เรียกกันว่าการเผยแพร่ข่าวเท็จ หรือ Fake News นั่นเอง ซึ่งมีสาระสำคัญแบบย่อยง่าย ๆ แบบนี้
สำหรับโทษตามพรบ.คอม ฯ นี้ถือว่าแรงกว่ากันพอสมควรเลย โดยธรรมชาติที่มุ่งคุ้มครองดูแลเรื่องของ Fake News และก็ความมั่นคงของประเทศชาติเป็นหลัก ความผิดตามพรบ.นี้มีโทษสูงสุดจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับโดยจะนับเป็น “ความผิดประเภทยอมความไม่ได้” จะเห็นว่าไม่มีเรื่องของการต่อรองเข้ามาเกี่ยวข้องได้เลย ไม่เหมือนกับกรณีความผิดฐานหมิ่นประมาท กรณีตัวอย่าง | เคสดาราซึ่งเป็นเรื่องส่วนบุคคล – วิจารณ์เรื่องสาธารณะต้องมีขอบเขตหากเปรียบเทียบกันอย่างง่าย ๆ แล้วจะเห็นเลยว่า ดราม่ารายเดือนที่เราเห็นกันบนโลกออนไลน์กรณีฟ้องเรียกค่าเสียหายกันหลักแสนหลักล้านนั้น ล้วนเป็นการใช้กระบวนการตามกฎหมายความผิดฐานหมิ่นประมาทล้วน ๆ เพราะเป็นความผิดที่ยอมความกันได้ ก็คือเอาเงินมาแลกกับการถอนฟ้องจะได้ไม่ต้องเสี่ยงรอศาลตัดสินแล้วอาจได้ไปนอนคุกกันนั่นเอง อย่างกรณีดราม่าดาราฟ้องชาวเน็ตไม่ว่าจะเป็นคุณแมท ภีรนีย์ หรือ คุณทราย เจริญปุระ ต่างก็เข้ากรณีความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณากันทั้งหมด (แน่นอนล่ะ ให้ร้ายกันบนโลกออนไลน์ก็คือโฆษณาดี ๆ นี่เอง) ซึ่งยอมความกันได้และคู่กรณีส่วนมากถ้าพิจารณาถี่ถ้วนดีแล้วร้อยทั้งร้อยจะขอให้ยอมความกันทั้งหมดยอมเสียเงินหมดไม่ว่าจะหลักแสน หรือต้องเป็นหนี้เรือนล้านเพราะความปากพล่อยก็ตาม เคสของคุณแมทนั้นชัดเจนในตัวเองอยู่แล้วว่าเป็นการให้ร้ายกันทำให้เธอต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง อันที่จริงแน่นอนว่าการเป็นบุคคลสาธารณะอย่างเช่นดาราย่อมมีกรอบให้วิจารณ์กันได้ อย่างที่เจ้าตัวเองก็ยอมปล่อยมาร่วม 2 ปีได้ แต่เรื่องที่เห็น ๆ กันพวกเราก็รู้กันดีอยู่แล้วว่ามันเป็นเรื่องส่วนบุคคลโดยล้วน ๆ ของคุณแมทเอง ซึ่งการนำเรื่องแบบนี้มาให้ร้ายกัน ก็นับว่าผิดเต็ม ๆ ไม่ต้องสืบเลยล่ะ พูดถึงความเป็นเรื่องส่วนตัว… อันที่จริงแล้วความผิดฐานหมิ่นประมาท หากสืบหาข้อเท็จจริงกันได้ว่าข้อความหมิ่นประมาทนั้นเป็นเรื่องจริงก็จะไม่ต้องรับโทษ แต่กฎหมายอนุญาตเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสาธารณะเท่านั้น (การเมือง ศีลธรรม สังคมโดยรวม) ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องส่วนบุคคล กฎหมายห้ามพิสูจน์ต่อให้เป็นเรื่องจริง แต่ถ้าทำให้ผู้อื่นต้องเสื่อมเสียได้ ก็ผิดเต็ม ๆ ส่วนกรณีของคุณทราย เจริญปุระ นั้นถึงแม้เธอจะถูกให้ร้ายบนโลกออนไลน์ เนื่องมาจากความคิดเห็นทางการเมือง แต่ปรากฎว่าชาวเน็ตที่ถูกฟ้องนั้นให้ร้ายเธอในเรื่องส่วนบุคคลชนิดไม่เกี่ยวอะไรกับรสนิยมทางการเมืองแม้แต่นิดเดียวงานนี้ก็โดนกันไปเต็ม ๆ ไม่ต้องพิสูจน์เช่นกัน 💡 คิดสักนิดก่อนวิจารณ์กันมันส์มือในโลกออนไลน์ – งานนี้สายลงทัวร์ควรคิดให้มากขึ้นสำหรับเคสนักท่องเที่ยวที่ถูกจับนอนคุกเพราะดันไปรีวิวรีสอร์ทชื่อดังบนเกาะช้างแบบเชิงลบบน Google และ TripAdvisor นั้นก็ไม่ได้ต่างกันมาก เพราะตัวเค้าเองก็ถูกดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทเช่นกัน เรื่องนี้ถูกเล่นเป็นข่าวทั้งสำนักข่าวไทย และข่าวต่างประเทศชนิดไม่สนใจรายละเอียดกันเลยราวกับว่ากฎหมายบ้านเรามันป่าเถื่อนน่ากลัว ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวท่านเล่นรีวิวรีสอร์ทแรงมาก ๆ ความว่า “ที่นี่เหมือนใช้ระบบทาสแห่งยุคปัจจุบัน” หรือแม้แต่ “ให้หลีกเลี่ยงที่นี่เหมือนกับว่ามันเป็นโคโรน่าไวรัส” สาเหตุเพียงจากความไม่พอใจที่ทางรีสอร์ทจะขอค่าเปิดขวดเครื่องดื่มแอลกอฮล์ที่เขาพกมาเองในราคาค่อนข้างสูง ซึ่งเนื้อหาในรีวิวเกินเรื่อง เกินสาระหลักของคำวิจารณ์ไปมากและอาจส่งผลให้รีสอร์ทเสียหายจึงต้องใช้วิธีแจ้งความนั่นเอง งานนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ชั้นดีสำหรับชาวเน็ตอย่างเรา ๆ ให้เข้าใจกันโดยง่ายได้เลยว่า การวิจารณ์บนโลกออนไลน์ก็เหมือนบนโลกจริง ควรวิจารณ์แต่พอดี มีขอบเขตไม่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ครั้นจะมองเรื่องที่วิจารณ์ซึ่งเป็นเรื่องเหตุบ้านการเมือง หรือสังคมก็ตาม ต้องวิจารณ์โดยยึดสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ตัวอย่างง่าย ๆ เรื่องการเมืองก็คือไม่ว่าเพื่อน ๆ จะยืนฝั่งซ้ายหรือฝ่ายขวา การวิจารณ์ควรอยู่ที่หลักการและเหตุผล ไม่ใช่เป็นการให้ร้ายตัวบุคคลที่เรากำลังโต้เถียงอยู่ด้วยในสังคมออนไลน์ ไม่อย่างนั้นสายทัวร์ลงมีหวังได้ผลาญเงินเล่นไปกับการจ่ายค่าเสียหายในคดีหมิ่นประมาทเหมือนกรณีตัวอย่างเป็นแน่ แถมที่สำคัญคือ ในทางเทคนิคแล้ว ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะใช้แอ้คหลุมบนโลกทวิตภพหรือโปรไฟล์อวตารบนเฟซบุ๊ค เจ้าหน้าที่ก็สามารถตามหาเจ้าตัวผู้กระทำผิดเจอได้อยู่ดี (อ้างอิงจากกรณีของแมท ที่แอคหลุมหลายรายก็ไม่รอดโดนตามเจอและฟ้องไปด้วยกันเลย) งานนี้ควรคิดให้มาก ๆ ก่อนวิจารณ์ให้ร้ายหรือบูลลี่บุคคลอื่นกันเพียงเพื่อความสะใจส่วนบุคคลนะ
อ่านเพิ่มเติม :
Cyber BullyingFake NewsLawsLegalSocial Media บทความที่เกี่ยวข้อง
4 Comments
|