บริการตรวจสอบระบบดับเพลิง เครื่องสูบน้ำดับเพลิงทุกชนิด ทดสอบประสิทธิภาพปั๊มดับเพลิงตามมาตรฐาน NFPA โดยวิศวกรผู้ชำนาญ พร้อมออกรายงานรับรองข้อเสนอแนะในการปรับปรุงระบบดับเพลิงให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย อุปกรณ์ตรวจจับควันไฟ(Smoke Detector) มี 2 แบบ คือ แบบจุด (Spot Type) แบบต่อเนื่อง (Linear Type)โดยแบบจุด แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ (1) ประเภทลำแสง(Photoelectric Type) และ (2) ประเภทรวม (Combine Type) โดยแบบรวมนี้สามารถตรวจจับได้ทั้งควันไฟและความร้อน โดยอุปกรณ์ต้องได้รับการรับรองตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์สากลที่เป็นที่ยอมรับเช่น UL (Underwriters Laboratories), FM (Factory Mutual) เป็นต้น อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน(Heat Detector) มี 3 แบบ คือ (1) แบบความร้อนคงที่ (Fixed Temperature Type) เป็นการตรวจจับที่อุณหภูมิคงที่ เช่น ที่อุณหภูมิ 57 องศาเซลเซียส เมื่อเกิดเพลิงไหม้และในพื้นที่มีความร้อนถึงอุณหภูมินั้น อุปกรณ์จะทำงานทันที (2) แบบความร้อนผันแปร (Rate of Rise Type) อุปกรณ์จะทำงานทันทีเมื่ออุณหภูมิภายในพื้นที่มีการเปลี่ยนอุณหภูมิ 8 องศาเซลเซียส ภายในช่วงเวลา 1 นาที (3) แบบรวม (Combine Type) โดยแบบนี้เป็นการรวมอุปกรณ์ตรวจจับแบบ (1) และแบบ (2) มาใช้ในอุปกรณ์ตัวเดียวกัน ซึ่งสามารถตรวจจับความร้อนได้ทั้ง 2 แบบ (รูปตัวอย่าง Smoke Detector, Heat Detector) การเลือกใช้อุปกรณ์ตรวจจับจะจำแนกจากระยะเวลาของการเกิดไฟซึ่งสามารถแบ่งเป็น 4 ระยะได้ดังนี้ ระยะที่ 1 ระยะเริ่มต้น (Incipient Stage) ซึ่งระยะนี้จะไม่สามารถมองเห็นอนุภาคของควัน ควันไฟ เปลวไฟ และจะไม่รู้สึกถึงความร้อน อุปกรณ์ตรวจจับที่เหมาะสมคือ อุปกรณ์ตรวจจับไอออน และก๊าซจากการเผาไหม้ ระยะที่ 2 ระยะเกิดควัน (Smoldering Stage) ซึ่งระยะนี้เราไม่สามารถมองเห็นเปลว และจะไม่รู้สึกถึงความร้อน แต่จะมองเห็นควันไฟ อุปกรณ์ตรวจจับที่เหมาะสมคือ อุปกรณ์ตรวจจับควันไฟ ระยะที่ 3 ระยะเกิดเปลวไฟ (Flame Stage) ซึ่งระยะนี้เราสามารถมองเห็น เปลวไฟ ควันไฟ และเริ่มรู้สึกถึงความร้อน อุปกรณ์ตรวจจับที่เหมาะสมคือ อุปกรณ์ตรวจจับเปลวไฟ ระยะที่ 4 ระยะเกิดความร้อน ( Heat Stage) ซึ่งระยะนี้เราสามารถมองเห็นเปลวไฟควันไฟ จะไม่สามารถควบคุมความร้อนได้ อากาศร้อนจะแผ่ขยายตัวออกไป อุปกรณ์ตรวจจับที่เหมาะสมคือ อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน Incipient Stage Smoldering Stage Flame Stage Heat Stage (มาตราฐาน วสท. กำหนดไว้ว่า พื้นที่ที่ช่วยชีวิต เช่น ห้องนอน ห้องสำคัญๆ และทางเดินสำหรับอพยพ ต้องใช้อุปกรณ์ตรวจจับควันเท่านั้น แต่พื้นที่อื่นๆที่พิจารณาแล้วว่าเป็นแค่พื้นที่ป้งอกันทรัพย์สิน หมายถึงห้องทั่วไป ก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับแบบควันก็ได้ ให้ติดแบบตรวจจับความร้อนก็ได้ 2. เครื่องดับเพลิงแบบมือถือ (Protable Fire Extinguisher) - บังคับให้มีเครื่องดับเพลิง ให้เหมาะสมกับประเภทของเชื้อเพลิง และเป็นไปตามมาตรฐานมอก.หรือเทียบเท่า - เครื่องดับเพลิงต้องมีขนาดบรรจุ ไม่น้อยกว่า 4.5กก. หรือมีขนาดตั้งแต่ 10 ปอนด์ขึ้นไป - ต้องมีการตรวจสอบเครื่องดับเพลิงเป็นประจำ โดยมีระยะเวลาตรวจสอบอย่างน้อยทุกๆ 6 เดือน - เครื่องดับเพลิงต้องติดตั้งในระยะห่างกันไม่เกิน 20 เมตร (มีจุดประสงค์ให้สามารถหยิบใช้งานได้ภายในระยะ 20 เมตร) - ติดตั้งเครื่องดับเพลิง ให้ส่วมบนสุดเครื่องดับเพลิงมีความสูงไม่เกิน 1.5เมตรจากพื้น(เพื่อให้หยิบใช้ได้สะดวก) และให้มีป้ายสัญลักษณ์ที่มองเห็นได้ชัดเจนและไม่มีสิ่งกีดขวาง
(ระยะการห่างติดตั้ง) (ป้ายสัญลักษณ์ติดผนัง) (ป้ายขาตั้งวางพื้น) 3. ระบบน้ำดับเพลิง สำหรับโรงงานที่สถานที่มีสถานที่จัดเก็บวัตถุติดไฟได้เกิน 1,000 ตรม. ต้องมีระบบดับเพลิงอัตโนมัติ (ระบบหัวกระจายน้ำอัตโนมัติ หรือระบบอื่นที่เทียบเท่า) - สถานที่จัดเก็บวัตถุไวไฟ พื้นที่เกิน 14 ตรม. ต้องติดตั้งระบบอัตโนมัติให้เหมาะสมกับพื้นที่ 4. การตรวจสอบ ทดสอบและบำรุงรักษา ระบบและอุปกรณ์ต่างๆ 5. การฝึกอบรม เพื่อป้องกันและระงับอัคคีภัย - จัดให้คนงานได้รับการฝึกอบรมเรื่องการป้องกันและระงับอัคคีภัยตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด ทั้งนี้ต้องมีเอกสารหลักฐานที่สามารถตรวจสอบได้ โดยรายละเอียดการฝึกอบรมเรื่องการป้องกันและระงับอัคคีภัยให้เป็นไปตามประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม
มาตรฐาน NFPA ที่เกี่ยวข้องกับระบบน้ำดับเพลิงมีดังนี้ NFPA 13 Standard for Installation of Sprinkler Systems ระบบท่อยืน ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เช่น มาตรฐาน NFPA 14 Standard for Installation of Standpipe and Hose Systems โดยมาตรฐาน NFPA 14 แบ่งระบบท่อยืน ออกเป็น 3 ประเภทคือ - ท่อยืนประเภทที่ 1 ประกอบด้วยวาล์วสายฉีดน้ำดับเพลิง (Hose Valve) ขนาด 65 มิลลิเมตร (2.5 นิ้ว) สำหรับพนักงานดับเพลิงหรือผู้ที่ได้ผ่านการฝึกอบรมการใช้สายฉีดน้ำดับเพลิงขนาดใหญ่ - ท่อยืนประเภทที่ 2ประกอบด้วยชุดสายฉีดน้ำดับเพลิง (Hose Station) ขนาด 25 มิลลิเมตร (1 นิ้ว) หรือ 40 มิลลิเมตร (1.5 นิ้ว) สำหรับผู้ที่อยู่ในอาคารเพื่อใช้ในการดับเพลิงขนาดเล็ก - ท่อยืนประเภทที่ 3 ประกอบด้วยชุดสายฉีดน้ำดับเพลิง (Hose Station) ขนาด 25 มิลลิเมตร (1 นิ้ว) หรือ 40 มิลลิเมตร (1.5 นิ้ว) สำหรับผู้ที่อยู่ในอาคาร และวาล์วสายฉีดน้ำดับเพลิง (Hose Valve) ขนาด 65 มิลลิเมตร (2.5 นิ้ว) สำหรับพนักงานดับเพลิงหรือผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมในการใช้สายขนาดใหญ่
(ประเภทที่ 1) (ประเภทที่ 3) (ประเภทที่ 3) สำหรับการติดตั้งระบบท่อยืนภายในโรงงานควรติดตั้งเป็นระบบท่อยืนประเภทที่ 3 เพื่อสามารถใช้ในการดับเพลิงได้ในทุกสถานการณ์ โดยทั่วไปวาล์วสายฉีดน้ำดับเพลิงและชุดสายฉีดน้ำดับเพลิงจะติดตั้งภายในตู้สายฉีดน้ำดับเพลิง (Fire Hose Cabinet) ระยะห่างระหว่างตู้สายฉีดน้ำดับเพลิงต้องห่างกันไม่เกิน 64 เมตร วัดตามแนวทางเดิน มาตรฐาน NFPA 14 กำหนดอัตราการส่งน้ำดับเพลิงสำหรับท่อยืนประเภทที่ 1 และประเภทที่ 3 ดังนี้ ในกรณีที่ระบบท่อยืนมีมากกว่าหนึ่งท่อ ปริมาณการส่งจ่ายน้ำจะต้องไม่น้อยกว่า 500 แกลลอนต่อนาที (GPM) (30 ลิตรต่อวินาที) สำหรับท่อยืนท่อแรกและ 250แกลลอนต่อนาที (15 ลิตรต่อวินาที) สำหรับท่อยืนแต่ละท่อที่เพิ่มขึ้น ในกรณีที่ปริมาณการส่งน้ำรวมของท่อยืนเกิน 1,250 แกลลอนต่อนาที (95 ลิตรต่อวินาที) ให้ใช้ปริมาณการส่งน้ำที่1,250 แกลลอนต่อนาที (95 ลิตรต่อวินาที) หรือมากกว่าได้ ปริมาณน้ำสำหรับดับเพลิงต้องมีเพียงพอให้การส่งน้ำตามอัตราการไหลที่ระบบท่อยืนต้องการ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที(ตามประกาศในข้อ 10) ตัวอย่าง ท่อยืนจำนวน 4 เส้น • ระยะเวลาในการสำรองน้ำดับเพลิงอย่างน้อย 30 นาที • ปริมาณน้ำสำรองดับเพลิงอย่างน้อย = 1,250 x 30 = 37,500 แกลลอน (141,937 ลิตร) ระบบน้ำดับเพลิงของโรงงานจะต้องมีการติดตั้งหัวรับน้ำดับเพลิงFDC (Fire Department Connection) ชนิดข้อต่อสวมเร็วขนาด 2-1/2 นิ้ว เพื่อใช้สำหรับรับน้ำดับเพลิงจากภายนอก เช่น จากรถดับเพลิง ตำแหน่งในการติดตั้งหัวรับน้ำดับเพลิงต้องเป็นตำแหน่งที่สามารถเข้าถึงได้โดยสะดวกในเวลาที่เกิดเพลิงไหม้ การส่งน้ำดับเพลิงให้กับระบบดับเพลิงด้วยน้ำให้มีอัตราการไหลและความดันตามต้องการ สามารถทำได้โดยใช้เครื่องสูบน้ำดับเพลิง (Fire Pump) การติดตั้งเครื่องสูบน้ำดับเพลิงต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล ตัวอย่างเช่น มาตรฐาน NFPA 20 Standard for Installation of Stationary Pumps for Fire Protection มาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับสำหรับการติดตั้งระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น มาตรฐาน NFPA 13 Standard for Installation of Sprinkler Systems ได้แบ่งระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงอัตโนมัติออกเป็น 4 ประเภทคือ 1. ระบบท่อเปียก (Wet Pipe System) **นิยมใช้กันทั่วไปในประเทศไทย** (รูปตัวอย่างระบบ ท่อเปียกและท่อแห้ง) (รูปตัวอย่างระบบท่อแห้ง) 2. ระบบท่อแห้ง (Dry Pipe System) 3. ระบบท่อแห้งแบบชะลอน้ำเข้า (Pre Action System) 4. ระบบเปิด (Deluge System) ในการออกแบบและติดตั้งระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิง สำหรับอาคารใดๆ จะต้องพิจารณาถึงระบบส่งน้ำดับเพลิงที่น่าเชื่อถืออย่างน้อยหนึ่งระบบ ซึ่งจะต้องสามารถส่งน้ำดับเพลิงในปริมาณและความดันเพียงพอสำหรับดับเพลิงที่เกิดขึ้น ระบบส่งน้ำดับเพลิงที่สามารถนำมาพิจารณาเลือกใช้สำหรับการดับเพลิง เช่น เครื่องสูบน้ำดับเพลิงชนิดทำงานอัตโนมัติต่อกับแหล่งน้ำดับเพลิงถังเก็บน้ำสูง ถังน้ำความดันหรือท่อเมนสาธารณะที่มีความดันและปริมาณการไหลเพียงพอตลอดปี การหาปริมาณน้ำเพื่อใช้ในการดับเพลิงของระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิง จะต้องนำพื้นที่ครอบครองของอาคารมาพิจารณาด้วยเสมอ ซึ่งการแบ่งแยกว่าเป็นพื้นที่ครอบครองประเภทใด จะขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงว่ามีอยู่ในพื้นที่นั้น ๆ จำนวนมากน้อยเพียงใด ดังนั้นการแบ่งประเภทของพื้นที่ครอบครองสำหรับอาคารแบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้ 1. พื้นที่ครอบครองอันตรายน้อย (Light Hazard Occupancies) หมายถึง สถานที่ที่มีปริมาณเชื้อเพลิงและความสามารถในการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงต่ำ เช่น ที่พักอาศัย สำนักงานสถานศึกษา โรงพยาบาล ฯลฯ |