เตรียมวิศวะ พระนครเหนือ Pantip

เด็กมอขอแจม – ผม ตุลา ชีวชาตรีเกษม ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ก่อนผมจะเข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ ส่วนตัวผมสนใจในด้านวิศวกรรมมาตั้งแต่มัธยมต้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเครื่องยนต์กลไก หรือกระทั่งประตูเซเว่น ผมก็อยากจะรู้ว่ามันทำงานยังไง

Advertisment

หลังจบมัธยมต้น เลยตั้งใจสอบเข้าโรงเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ไทย-เยอรมัน ของ มจพ.และก็ได้ตามที่หวัง ที่โรงเรียนเตรียมวิศวะ ผมได้สัมผัสประสบการณ์มาก ยิ่งมาทำหุ่นยนต์แล้วยิ่งชอบ และสนใจเรื่องของวิศวกรรมมากขึ้น

“การมาเรียนที่นับเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตผมเลย”

Advertisement

หลังเรียนเตรียมวิศวะมา 3 ปี ผมตัดสินใจเรียนต่อสาขาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ เพราะยิ่งผมเรียนรู้ศาสตร์ของวิศวกรรมเท่าไหร่ ผมยิ่งสนใจด้านวิศวกรรมมากขึ้นเท่านั้น ได้ยินคำท้าทายจากรุ่นพี่ และอาจารย์ ใครๆ ก็บอกว่า สาขานี้เรียนยากนะ ยิ่งทำให้ผมยิ่งอยากเรียนต่อในสาขานี้มากขึ้นอีก แล้วก็…ยากจริงๆ ครับ

นอกจากรางวัลด้านหุ่นยนต์ อาทิ รองชนะเลิศอันดับที่ 1 จากการแข่งขัน World Robot Games 2016 (WRG) รายการ SUMO RC 5 KG รอบนานาชาติ รางวัลชนะเลิศรอบพิเศษ Battle robot 2017 รางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันหุ่นยนต์ World Robot Games 2017 รายการ Battle Ball OPEN ระดับประเทศ รองชนะเลิศอันดับที่ 2 จากการแข่งขันหุ่นยนต์ ส.ส.ท.ชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2562 และรางวัลความคิดสร้างสรรค์ จากการแข่งขันหุ่นยนต์ ABU ชิงชนะเลิศประเทศไทย ประจำปี 2562

เตรียมวิศวะ พระนครเหนือ Pantip

Advertisement

ยังมีรางวัลของกิจกรรมอื่นๆ เช่น เกียรติบัตรผู้ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ จาก มจพ.ปี 2560 การจัดบูทในวัน Open house นำเสนอผลงาน ของนักศึกษาวิศวะ ปีที่ 1 ปีการศึกษา 2561 และเข้าร่วมการประกวดดนตรีโฟล์คซอง (Folksong) โรงเรียนเตรียมวิศวะ ปี 2561

ความประทับใจในรั้ว มจพ.ซึ่งผมอยู่ที่นี่มา 5 ปี มีเรื่องมากมายที่ผมประทับใจ ระดับปริญญาตรี ผมประทับใจมากกับอาจารย์ ผมเจออาจารย์ท่านหนึ่ง มีความคิดที่ไม่ล้าหลังคือ “พร้อมรับฟังนักศึกษา และยอมรับความคิดนักศึกษาอย่างเท่าเทียม” แล้วก็ความพร้อมของชมรมหุ่นยนต์ มหาวิทยาลัยสนับสนุนอย่างดี เรียกได้ว่าไม่ขัดสนเรื่องเงินเลยสำหรับการสร้างหุ่นยนต์สักตัว นี่คือความประทับใจหลักที่ผมมี

สิ่งที่ผมอยากให้มีเพิ่มคือ สิ่งที่ผมไม่ค่อยเห็นจากมหาวิทยาลัยคือ “นวัตกรรม” ที่ใช้งานได้จริง ผมอยากให้มหาวิทยาลัยสนับสุนนการทำวิจัยด้านสิ่งประดิษฐ์ อาจก่อตั้งเป็นชมรมนักประดิษฐ์ หรืออะไรทำนองนั้น เนื่องจากเรามีบุคลากรที่เก่ง และนักศึกษาที่สนใจอยู่บ้าง ผมเลยอยากให้มีเงินทุนสนับสนุนในส่วนนี้ เพราะการแข่งขันจะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าเราปล่อยให้มันอยู่แค่ในสนามแข่ง

สุดท้ายผมบอกได้เลยว่า “คิดไม่ผิดที่เลือกเรียนต่อที่ มจพ.ได้เป็นลูกพระจอมสมใจ” น้องๆ คนไหนหากสนใจในเรื่องวิศวกรรมศาสตร์ มาที่ มจพ.ได้ครบทุกเรื่อง ทั้งประสบการณ์ ความรู้ การวางแผนงาน การออกแบบ และสังคมที่ดีด้วยครับ ผมได้อะไรจากการทำหุ่นยนต์มากมายจริงๆ เพื่อนๆ ที่มีโอกาสมาเรียนคณะวิศวะ มาลองสัมผัสประสบการณ์ “สร้าง” ที่มีแต่วิศวะเท่านั้นที่ทำได้

ประสบการณ์เรียนนี่เป็นของตัวผมเองที่อยู่ สาขา โยธา ต้องบอกก่อนเลยว่าสาขาต่างๆจะมีแค่วิชาหลักที่เรียนเหมือนกันเช่น แม็ธ,ฟิสิกส์,เคมี,อังกฤษ ส่วนวิชาภาคอื่นๆ เช่น วิชาที่ต้องช็อป ซึ่งย่อมาจาก(Workshop นั้นเอง)เด็กที่นี่ส่วนใหญ่จะเรียกว่าลงช็อปนะครับและก็จะมี เขียนแบบ และวิชาต่างๆอีกมากมาย  ซึ่งแต่ละสาขาก็จะเรียนไม่เหมือนกัน  ส่วนตึกอาคารเรียนนั้นที่ส่วนใหญ่พวกเราจะเรียนอยู่กันคือมีหลักๆอยู่แค่ ตึก 90 ส่วนตึกลงช็อปก็จะอยู่ใกล้ๆกัน และจะมีตึก 91 ที่ ชั้น 2 เป็นโรงอาหารข้างล่างเป็นช็อปของสาขาเครื่องกล รวมทั้ง 97 ด้วย

สำหรับเนื้อหาที่จะลงลึกจะอยู่ใน หัวข้อที่ 2 และ 3 นะครับ และนี่ก็จะเป็นแผนที่ในมหาลัยนะครับ

แผนที่มหาลัย

2.การศึกษาและประสบการณ์

ปรับพื้นฐานก่อนเข้าการศึกษา : ช่วงที่ต้องเรียนก่อนเข้าการศึกษาจริงคือ การเรียนปรับพื้นฐาน ซึ่งตอนผมนั้นเรียนเพียง 10 วัน ซึ่งการเรียนนั้นก็จะเรียนพื้นฐานทั้งหมดเพื่อที่จะทำให้ทุกคนมีความรู้เท่าๆกัน ซึ่งวิชานั้นจะเรียนวิชาหลักที่ทุกสาขาต้องเรียนนั้นก็คือ แม็ธ เคมี ฟิสิกส์ เคมี อังกฤษ แถมในตอนเรียนก็จะได้เพื่อนทั้งต่างสาขาและสาขาเดียวกันอีกด้วยนะครับ

ปี 1 ภาคการศึกษาที่ 1 : เปิดเทอมมาก็จะมีการรับน้องตามสาขาต่างๆแล้วก็จะมีการจับสายรหัสซึ่งก็จะมีพี่เอาไว้คอยปรึกษาปัญหาต่างๆได้ หรือจะขอของก็ได้เช่นกัน เช่นขอหนังสือจากพี่หรืออุปกรณ์อะไรต่างๆ(ผมจะไม่ขอลงลึกเกี่ยวกับการรับน้องหรือกิจกรรมต่างๆนะครับอยากให้ลองได้สัมผัสและสนุกกับกิจกรรมตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ส่วนเรื่องรับน้องที่ผมขอไม่ลงลึกเพราะว่า โยธา รับน้องแบบโซตัส แต่ทางประธานรุ่นต่างๆก็ประกาศยกเลิกระบบนี้ไปแล้วนะครับ ) ช่วงสัปดาห์แรกในการเรียนรวมถึงกิจกรรมรับน้องตอนนั้นเรียกได้ว่าสนุกมากสำหรับผม เพราะด้วยความที่ยังไม่ได้เริ่มเรียนจริงๆจังๆด้วยแหละเลยยังไม่ต้องคิดอะไรมาก ซึ่งการเรียนก็จะเป็นสัปดาห์แรกที่ได้รับรู้เกณฑ์การเรียนต่างๆว่า คะแนนเก็บแต่ละวิชารวมถึงคะแนนสอบด้วย และในวันนั้นทุกคนก็จะได้พอรู้คร่าวๆแล้วว่า จะมีระบบ รีไทร์ โปรต่ำ,โปรสูง(เกรดที่ต่ำกว่า 2 ถ้าเกรดต่ำกว่า 2 ถึง 2เทอมติดกันก็จะรีไทร์ทันที ) ระบบประเมินอาจารย์

การเข้าเรียนในเทอมแรกนั้นมันใหม่สำหรับผมมากการเข้าห้องเรียนนั้นไม่ได้มีห้องเป็นของตัวเอง พอเรียนเสร็จส่วนใหญ่แล้วก็จะต้องเดินเพื่อเปลี่ยนห้อง และแน่นอนว่าที่นั่งก็จะเปลี่ยนตามกันไปใครมาเร็วก็ได้จองที่ก่อนแล้วก็บางวิชาจะต้องเปลี่ยนตึกเรียนด้วยบางทีก็ต้องไปใช้อาคารในมหาลัย มจพ.  ในส่วนของอุปกรณ์เพื่อใช้ในการเรียน จะให้ก่อนวันเปิดเรียนนะครับซึ่งเป็นกล่องสีฟ้าซึ่งหนักมาก (แต่ละสาขาสีจะไม่เหมือนกันและจะมีอุปกรณ์ที่ไม่เหมือนกัน) สำหรับโยธาเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในวิชาช็อปไม้เท่านั้น ซึ่งถ้าวิชาอื่นๆทางอาจารย์จะแจ้งให้ทราบเหมือนกันเช่นวิชาเขียนแบบ ช็อปโยธา เป็นต้นนะครับ ซึ่งตอนผมเรียน จะมีวิชาเขียนแบบที่ต้องเดินไปเรียนที่ตึก 42 ของ มจพ. และพละที่ตึก 63 แน่นอนว่าการเรียนการสอนนั้นเป็นรูปแบบมหาลัยเพราะฉะนั้นการเรียนแต่ละวิชานั้นจะเรียนวันละแค่ 2-3 วิชา และชั่วโมงในการเรียนก็จะ 2-3 ชั่วโมงเช่นกัน

ซึ่งเนื้อหาวิชาผมจะไม่ขอพูดนะครับซึ่งมันมีเยอะมากๆและหลักสูตรก็อาจจะเปลี่ยนแน่นอนซึ่งผมจะบอกแค่สิ่งที่เป็นพื้นฐานจากตัวของผมเองที่ได้เรียนมาเท่านั้นนะครับ

CONSTRUCTION PRACTICE I : หรือวิชาช็อปโยธาจะเรียนทั้งวันซึ่งวิชาช็อปทุกวิชาจะเรียนทั้งวันกัน ซึ่งวิชานี้จะกลับดึกหน่อย ตอนผมเรียนนั้นจะกลับประมาณช่วง 5-6 โมงเย็น มีบางช่วงที่มีงานกลุ่มก็ต้องรีบทำส่งก็จะกลับดึกหน่อยหรือมาช่วงดึกของแต่ละวัน เพราะจะมีเพื่อนๆทุกคนแต่ละ sec ก็จะมาทำด้วยเหมือนกันเพราะเป็นงานกลุ่ม ซึ่งตอนผมเรียน โยธามีแค่ 3 ห้องนะครับห้องละประมาณ 40 คนสำหรับช็อปก็สนุกดีนะครับไม่เคยเรียนแล้วต้องมาทำอะไรแบบนี้ได้พูดคุยกับเพื่อนแล้วก็ช่วยเหลือกันใครที่ไม่ได้ก็มาช่วยให้เสร็จก่อนที่จะกลับหอกัน ตอนสมัยผมจะเรียนที่ อาคาร 97 นะครับ และที่นี่ก็พึ่งสร้างเสร็จใหม่ๆตอนเปิดเทอมอาจารย์ก็จะให้สร้างของเพิ่มเติมเช่นบ่อเก็บ ทราย,หิน,ปูน เป็นต้นซึ่งเทอมถัดๆก็จะเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ซึ่งแต่ละวันตอนผมอยู่ก็จะแบ่งกลุ่มสำหรับทำงานย่อยต่างๆก่อนกลับบ้าน ส่วนใหญ่ทำเพื่อทำความสะอาดภายในอาคาร ตอนผมทำก็ล้างห้องน้ำ (วิชาช็อปไม่มีการสอบมิดเทอมหรือไฟนอลนะครับ) ตอนผมเรียนเป็นพวกเกี่ยวกับ ปูนนะครับ เช่น ก่ออิฐ ฉาบปูน

CIVIL CONSTR DRAWING I : งานเยอะมากๆและได้คะแนนยากมากเพราะอาจารย์เป็นคนตรวจละเอียดมากตอนยุคผมแต่ ยุคนี้น่าจะไม่ได้เรียนกับแกแล้ว สำหรับวิชานี้สิ่งสำคัญเลยคือต้องละเอียดและต้องพิถีพิถันอย่างมาก กระดาษต้องสะอาด เส้นต้องคมชัด คำนวณตรงเป๊ะ ถ้าอยากได้คะแนนเยอะๆนะครับ แล้วก็ต้องขยันมากๆรวมถึงส่งงานตรงเวลาด้วย การเรียนจะเรียนพื้นฐานเขียนแบบทั้งหมด

MATHEMATICS I , PHYSICS I ,CHEMISTRY I : 3 วิชานี้เป็นตัวหลักสำคัญในการเรียนเลยเพราะว่ามีทุกเทอมเรียนทั้งหมด 18 ตัว เรียกได้ว่าหน่วยกิตคณิตวิทย์เกินกำหนดเลยสำหรับใครที่จะสอบเข้ามหาลัยที่อื่นตอนเรียนจบไม่ต้องกังวลเรื่องหน่อยกิตเลยรวมถึงวิชาอื่นๆด้วยนะครับจะผ่านเกณฑ์หมดเหมือนเด็กสามัญเลย แต่ถ้ามหาลัยใช้หน่วยกิตที่เอามาจากวิชาเรียนที่เราเรียนได้ก็ต้องแล้วแต่เกรดของแต่ละคนนะครับ ซึ่ง 3 วิชานี้ตอนผมเรียนก็ต้องไปเรียนกวดวิชาเพื่มเพราะมันยากจริงๆมิดเทอมคะแนนเต็ม 30 ได้เลขหลักเดียวคือเป็นเรื่องธรรมดามากซึ่งตอนผมเรียนจะตัด F ที่ 35-40 ซึ่งถ้าใครได้คะแนนหลักหน่วยก็ต้องไปปรึกษากับอาจารย์ที่สอนหรือครูที่ปรึกษาว่าควรดรอปดีไหมหรือว่าจะสู้ต่อ การดรอปคือการถอนวิชานั้นไปเรียนตอนซัมเมอร์ ซึ่งอยู่ในช่วยปิดเทอมนั้นเอง โดยส่วนใหญ่แล้วก็อย่าที่บอกไปข้างต้นคะแนนเก็บมีเพียงแค่ 20 แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะได้คะแนนเก็บเต็มด้วยเลยเป็นเรื่องที่ยากที่จะได้เกรดดีๆ ทั้ง 3 วิชานี้ส่วนใหญ่คนจะนิยมติวกันเป็นส่วนมากรวมถึงการจับกลุ่มอ่านหนังสือกัน (3 วิชานี้เรียนทุกเทอม) การเรียนเป็นเนื้อหาม.ปลายทั้งหมดนะครับสำหรับใครจะอ่านเตรียมตัวก่อนก็ซื้อหนังสือม.ปลายมาอ่านก่อนได้นะครับ

FUNDAMENTAL ART COMPOSITION : ซึ่งจะเรียนพื้นฐานศิลป์เบื้องต้น ไปจนถึงทำโปรเจคเอง ซึ่งงานจะเหมือนกับงานของคณะสถาปัตเลยถ้าใครอยู่ที่มหาลัยจะเห็นรุ่นพี่เดินแบกงานที่เป็นโครงสร้างต่างๆแน่นอน เป็นวิชาที่งานเยอะไม่แพ้เขียนแบบ ซึ่งโปรเจคจะมีตั้งแต่เรียนเลยซึ่งจะมีทั้ง มิดเทอม และไฟนอล  เป็น 2 ชิ้นงานใหญ่

ส่วนอย่างเช่นวิชาอื่นๆเช่น ภาษาไทย,อังกฤษ,พละ ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษส่วนมากก็จะเรียนแบบทั่วๆไป

Midterm : หรือที่รู้จักกันคือสอบกลางภาค การสอบครั้งนี้จะเป็นตัวบอกคร่าวๆได้เลยว่าวิชาไหนเราไม่ไหวบ้าง ซึ่งตามที่ได้บอกไปว่าถ้าวิชาไหนคะแนนไม่ดีให้ไปปรึกษากับอาจารย์ที่สอนหรือครูที่ปรึกษาเขาจะแนะนำทางให้เราได้ดีที่สุด แล้วก็เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตเล็กๆของใครหลายๆคนด้วยผมเคยเห็นแบบว่าคะแนนน้อยมากๆหลักหน่วยใครๆก็บอกว่า F แน่นอน แต่ก็ยังผ่าน F ไปได้แล้วหลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนตัวเองไปเลยจากคนที่เรียนไม่เก่งเป็นคนเก่งได้ จุดเปลี่ยนชีวิตมีอยู่เยอะมาก ขึ้นอยู่กับว่าคนไหนจะจับทางถูกตอนปีไหนแล้วเมื่อไหร่ ซึ่งส่วนตัวผมก็กว่าจะจับจุดเปลี่ยนชีวิตได้ก็ปี 2 แล้ว

Final  : หรือที่เรียกกันว่าสอบปลายภาค เป็นทางผ่านของเทอมสุดท้ายที่จะตัดสินอนาคตคร่าวๆได้เลยว่าจะเรียนต่อไปเทอมต่อไปไหวไหม บางคนมิดเทอมได้คะแนนน้อย มาสู้ไฟนอลก็ไม่รอด สุดท้ายก็ F แล้วถ้า ติด F แล้วก็จะต้องแก้ F และถ้าแก้ไม่ผ่านก็จะต้องไปลงซัมเมอร์พร้อมคนที่ดรอปไป

เทอมแรกผ่านไปแล้วถ้าใครเรียนได้เกรดเกิน 2.5 ขึ้นก็คือว่าเรียนใช้ได้เลยเรียนเก่งเลยแหละ เกรด 2.5 อาจจะเทียบได้ กับ เกรด 3 กว่าๆบางโรงเรียนเลยเพราะได้ยากมาก อย่างที่บอกไปเลยครับ ใครเข้ามาจะรู้เลยเพราะมัน งานเยอะ+ข้อสอบข้อเขียน+สอบยากมีวิชาปฏิบัติ+คะแนนเก็บน้อย+การใช้ชีวิตแบบใหม่ที่เด็ก 15-16 ต้องมาเจอยิ่งคนที่อยู่หอต้องเปลี่ยนเยอะเลย แล้วเทอมนี้ก็จะเป็นตัวตัดสินคร่าวๆได้เลยว่าจะเรียนต่อดีไหม ซึ่งเทอมนี้จะเป็นเทอมแรกที่ได้เห็นเพื่อนบางคนที่เรียนไม่ไหวหรือปัจจัยต่างๆ ได้ออกไปตั้งแต่เริ่มแรกเลย และก็จะมีเพื่อนที่มีเกรดต่ำหรือที่เรียกกันว่าติดโปรนั้นเองตามที่บอกไปข้างต้นถ้าทำเกรดต่ำกว่า 2.00 ลงไปได้ก็จะต้องติดโปร และถ้าติดโปร 2 เทอมก็จะโดนรีไทร์ ซึ่งตอนผมอยู่ก็เห็นเพื่อนออกไปตั้งแต่เทอมแรกเลยแล้วก็รอเข้า ม.4 ที่อื่นใหม่ปีหน้า อย่าลืมว่านี้แค่เทอมแรก ยังมีอีก 5 เทอม ซึ่งแต่ละเทอมหรือปีนั้นตอนผมเรียนจะมีคนออกไปทีละคน ส่วนสำหรับใครที่คิดว่าวิศวะคงไม่ใช่สายตัวเองหรือถ้าใจไม่อยากสู้ต่อจริงๆย้ำนะครับจริงๆ ผมก็ต้องขอแนะนำให้ออกเลยนะครับ เพราะว่าผมเห็นเพื่อนออกไปกันทุกปี แม้ปีที่ 2 จะขึ้น 3 ก็ยังมี เพื่อไม่ให้เสียเวลาตัวเองนะครับ และนี้แหละครับคือการเรียนที่เข้มข้นมากๆต้องอาศัยความตั้งใจและความขยันจริงๆถึงจะเรียนรอดได้ผมรับรองคุ้มแน่นอนครับกับความพยายามที่แลกด้วยชื่อเสียงและสังคมรวมถึงประสบการณ์ชีวิตต่างๆในรั้วโรงเรียนผมว่าใครที่จบไปแล้วคงจะรู้สึกภูมิใจและเล่าต่อกันฟังได้เลยว่าช่วงชีวิตตอนนั้นเราได้ทำอะไรต่างๆมากมาย โดยที่เด็กโรงเรียนอื่นๆจะไม่มีโอกาสแบบนี้เลย

ปี 1 เทอม 1 ในชีวิตของผม : ผมนั้นอยู่หอมาตั้งแต่เริ่มต้นการศึกษาอย่างที่ได้กล่าวไป ซึ่งผมก็ยังจำความรู้สึกตอนเรียนสัปดาห์แรกได้อยู่เลยเพราะว่ามันสนุกมากรู้สึกมีความสุข แต่ก็เริ่มหายไปเรื่อยๆตอนเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 -3 เพราะการเรียนเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆงานเพิ่มมากขึ้น แต่ภาพรวมแล้วผมรู้สึกมีความสุขในที่แห่งนี้มากเลยมีเพื่อนที่เก่งๆเยอะมากทำให้ผมนั้นก้าวหน้าเสมอไม่หยุดอยู่กับที่

ผมบอกเลยว่าถ้าใครเรียน รด. ด้วยจะหนักมากๆนะครับ ถ้าโรงเรียนอื่นปกติจะเรียนวันธรรมดาครึ่งวัน ใช่ไหมครับ แต่ที่นี่ จะเรียนวันเสาร์ เต็มวัน ซึ่งจะมีเวลาพักแค่วันเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่าเจอศึกหนักเลยไม่ว่าจะที่ โรงเรียน ไม่ว่าจะงานค้างการบ้าน,การเรียนที่เข้มข้นหรืออะไรต่างๆ แล้วเรายังต้องเรียน รด. อีกซึ่งต้องจัดเวลาดีๆเลยนะครับรวมถึงเตรียมใจกันก่อนสำหรับใครที่จะเข้ามาเรียนในที่แห่งนี้ แล้วจะเป็นแบบนี้ 3 ปีเลยนะครับเพราะ รด. เรียนทั้งหมด 3 ปี ซึ่งจะใช้ 3 เทอม แล้วก็อย่าลืมนะครับถ้าใครจะเรียน รด. ฟิตเยอะๆนะครับจะได้สอบผ่าน

ส่วนเรื่องเวลาในการเรียนปกตินั้นอย่างที่บอกไปว่าเขาจะจัดตารางมาให้เราซึ่งบางวิชาก็จะเริ่มเรียน 10 โมงบ้าง หรือ ช่วงบ่ายบ้าง อะไรประมาณนี้นะครับ ซึ่งตอนผมเรียน บางวันนั้นผมเรียน 8-10 แล้วก็จะพักซึ่งอาจจะไปอยู่หอบ้าง หรือไปกินข้าวกับเพื่อนตามหลัง ม. แล้วถ้ามีวิชาบ่ายก็จะกลับมาเรียน หรือ บางวันก็จะมีการยกคลาส เกิดได้จากอาจารย์ที่สอนนั้นมีธุระต่างๆซึ่งวันนั้นก็จะไม่มีการเรียนการสอนวิชานั้นซึ่งก็จะต้องมาเรียนชดเชยกันวันหลังซึ่งก็ต้องคุยกันว่าจะเรียนกันวันไหนไม่ให้ทับกับตารางเรียน

ส่วนทางเข้าออกมหาลัยมีทั้งหมด 4 ทาง

🚪 ทางออกที่ 1 คือหน้าม.ซึ่งเป็นทางเดียวที่รถสามารถเข้าออกได้ และหน้าม.ก็ยังมีป้ายรถเมย์อยู่ด้วย

🚪 ทางออกที่ 2 คือประตูกลางม. เป็นทางสำหรับไปหลังม.คนเดินผ่านได้อย่างเดียวนะครับ จะเห็นในแผนที่ว่ามีตึก 73 ซึ่งประตูจะอยู่ทางด้านขวามือถ้าเราหันหน้าเข้าตึกนะครับ ซึ่งจะเป็นประตูกลางคืน ม. เพื่อเดินทางไปหลังม.ก็จะมีร้านข้าวมากมาย รวมถึงร้านต่างๆเช่น ร้านตัดผม,ร้านซ่อมคอม เป็นต้น

🚪 ทางออกที่ 3 ไม่มีชื่อเรียกตายตัวนะครับแล้วแต่จะเรียนกัน ซึ่งผมจะเรียกว่าซอยหมาเดิน เพราะเป็นทางที่เล็กมาก เดินผ่านได้แค่คน ซึ่งจะอยู่ข้างหอในนะครับซึ่งเป็นทางสะดวกมากๆสำหรับพวกเรานะครับเพราะทางอยู่ใกล้กับ ตึก 90 มากที่สุดสำหรับใครที่จะกินข้าวหลัง ม. หรือกลับหอ ทางนี้จะเร็วที่สุดถ้าอยู่ บริเวณตึก 90

🚪 ทางออกที่ 4 หมู่บ้านพิบูลย์เป็นประตูใกล้กับตึก 97 แต่ผมไม่แน่ใจว่าเดี๋ยวนี้จะให้เข้าออกได้อยู่ไหมเพราะตอนผมเรียนเขาเริ่มให้เฉพาะ คนในหมู่บ้านใช้กันท่านั้น

มาพูดถึงสังคมกันบ้างดีกว่า สังคมเป็นอะไรที่สำคัญมากจริงๆนะครับสำหรับใครที่ไม่เข้าใจคำนี้จริงๆก็คิดตามผมนะครับ เพราะเมื่อก่อนผมไม่เคยเข้าใจเลยนะครับทั้งๆได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ให้คิดก็คงประมาณว่าถ้าเราอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งแล้วไม่ได้มีคนเก่งเลยเราก็จะซึมซับอะไรเดิมๆความรู้อยู่กับที่ไม่ไปไหนเหมือนกับขาดอินเทอร์เน็ตก็ว่าได้ แต่ถ้าเราอยู่ในหมู่บ้านที่มีแต่คนเก่งๆเราจะเรียนรู้อะไรได้อีกเยอะมากเราจะมีความรู้ที่เพิ่มขี้นแบบไม่รู้ตัวเลย ก็เหมือนกับสถานที่ศึกษาครับ ไม่งั้นคงไม่มีการสอบกันเพื่อแย่งกันเข้ามหาลัยดังๆกัน อย่างที่ผมบอกไปข้างต้นว่าผมเป็นคนไม่มีเป้าหมายในชีวิตรู้สึกว่าใช้ชีวิตชิวๆไปวันๆแต่ความคิดมันก็เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆผมเลยเข้าใจคำว่าแค่สังคมดีชีวิตคุณเปลี่ยนแล้ว อย่างลึกซึ้งเลยล่ะครับ

( สำหรับผมนะครับด้านการเรียน ยุคนี้ผมยังมองว่ายังสำคัญอยู่ทั้งการสอบเข้ามหาลัยดังๆเพื่อเอาสังคม คอนเนคชั่น แต่ถ้าอนาคตผมก็ไม่รู้นะครับว่ามหาลัยจะสำคัญอีกไหมแต่ก็ผมคาดว่ากว่าจะไปขนาดนั้นคงอีกหลายศตวรรษเลยแหละ ขอแบ่งเป็น 3 ทางหลัก สำหรับการเรียน คือ

1.ถ้าใครไม่มีความสามารถไม่ว่าจะด้านไหนๆนะครับอยากให้เรียนจบป.ตรีเอาไว้ดีกว่าเพราะมันเป็นตัวยืนยันได้ว่าแม้คุณจะไม่มีความสามารถที่โดดเด่นอะไรแต่ว่าอย่างน้อยคุณก็มีวิชาติดตัวไปแถมยังต่อยอดได้อีกด้วยดีกว่าที่ไม่มีอะไรเลย

2.สำหรับทางนี้ยืดหยุ่นมากเป็นทางที่ไม่จำเป็นต้องเรียนจบก็ได้เพียงแค่คุณมีความสามารถพิเศษบางอย่างก็สามารถเริ่มทำได้แล้วหรือว่าจะเรียนไปด้วยทำไปด้วยก็ได้ ได้หมดเลย  ขอยกตัวอย่างเพียงแค่ 1 อย่าง คือ  การทำ youtube เห็นได้ตามทั่วไปเลยครับจะเห็นได้ว่าบางคนก็ไม่ได้เรียนต่อมหาลัยแต่ก็ยังสามารถใช้ความสามารถด้านการเอนเตอร์เทนในการหาเงินได้เช่นกัน อันนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเดียวนะครับยังมีอีกหลายๆอาชีพเลย

3.ทางนี้ผมมองว่าทางประเทศเรามีโอกาสน้อยแบบน้อยมากๆๆๆๆๆๆจริงๆที่จะมีคนเก่งที่จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ใหม่ๆได้ เพราะคุณจะเห็นทั้งนั้นเลยว่าคนดังๆเก่งๆมีเยอะมากๆไม่ว่าจะออกข่าวต่างๆทั่วโลก ออกจนทางบ้านเขาชินจนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ทุกอย่างของต่างประเทศล้ำหน้าไปไกลมากในทุกเรื่องเลย ถ้าคุณเป็นคนพิเศษจริงๆความสามารถของคุณสามารถคุณสามารถหาเงินหรืออาจจะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ได้ ก็จะมีหลายทางเลือกมากกว่าคนอื่นมากๆ อย่างเช่น คนดังๆมากมาย สตีฟ จ็อบส์ บิล เกตส์ หรือคนดังต่างๆที่ไม่ได้เรียนต่อมหาลัย แต่ต่างก็สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ๆของเทคโนโลยีให้เราได้ใช้ตามทุกวันนี้ แต่อย่างที่ผมบอกครับต้องเป็นอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะจริงๆ

(แต่จะยังไงก็แล้วแต่ผมก็ยังยืนยันว่าการเรียนในไทยของยุคนี้ยังสำคัญอยู่มากๆนะครับอย่าทิ้งการเรียนนะครับ )

เอาล่ะกลับมา ที่ โรงเรียนเตรียม ผมรู้สึกว่าจะมีคนน้อยมากที่จะได้รู้ว่าเด็กที่เรียนที่นี่มันสนุกและยากแค่ไหนเพราะมันคือการเรียนแบบมหาลัย อ่านหนังสือกันดึกๆจับกลุ่มติวกันตามหอหรือสิ่งต่างๆที่ได้กล่าวไป

ผมเสียใจมากตอนเกรดออกเป็นเกรดที่ไม่ดีนักแต่ว่าผมไม่เคยคิดอยู่ในหัวเลยว่าผมจะเรียนต่อไม่ไหวแม้ว่าจะเห็นเพื่อนทยอยออกกันไปแล้วก็ตามตั้งแต่เทอมแรกและห้องผมก็ออกกันเยอะที่สุดเลย ถึงแม้จะอย่างนั้นแต่ผมก็ตัดสินใจสู้ต่อ และแล้วก็ปิดเทอม 1 จากความรู้สึกสนุกในตอนเปิดเทอมใหม่ๆก็กลายเป็นความเศร้าไปตลอดนับตั้งแต่นั้นมา

ปี 1 ภาคการศึกษาที่ 2 : เปิดมาแบบไม่ได้ดีมีความสุขเท่าไหร่ถ้าเทียบกับเทอมแรกเพราะว่าสำหรับคนที่เกรดไม่ดีหรือเกรดน้อยนั้นจะรู้สึกเครียดและต้องพยายามให้มากขึ้นนอกจากนั้นก็ได้เจอเพื่อนๆที่น้อยลงจากเทอมแรกอีกด้วยเทอมนี้ไม่ได้มีอะไรแต่ต่างจากเทอมแรกมากในวิชาเรียน

วิชาเรียนส่วนใหญ่จะตัวเดียวกันกับเทอมแรก ซึ่งเนื้อหาและระดับก็จะเปลี่ยนจาก 1 เป็น 2 เช่น Math I ==> Math II

ซึ่งตั้งแต่เทอมนี้ผมจะเขียนถึงชีวิตผมที่มากขึ้นเพราะว่าวิชาเรียนจะค่อนข้างเหมือนเทอมแรกและจะมีบางวิชาที่เข้ามาเพิ่ม

เทอมนี้ผมก็เรียนรู้อะไรมากขึ้นแต่ผมก็ยังปรับปรุงเรื่องการเรียนได้ไม่มากนักเพราะตอนนั้นผมก็อาศัยเรียนพิเศษค่อนข้างมากจุดที่ผมพลาดของผมคือไม่ขยันอ่านหนังสือหรือไม่ค่อยทบทวนหลังการเรียนพิเศษเสร็จเพราะว่าตอนเรียนผมรู้สึกว่าผมทำได้เลยคิดว่าไม่ต้องทบทวนอะไรมากแล้ว แค่ไปอ่านช่วงสอบก็พอ กว่าผมจะรู้และแก้ไขได้ก็ปาไปปี 2 แล้ว เดี๋ยวผมจะไปพูดอีกที่ตอน ปี 2 เทอม 2

เอาล่ะในช่องเทอม 2 นี้ขยันกว่าเดิมตามงานส่งไวขึ้นทำการบ้านล่วงหน้าอ่านหนังสือเยอะขึ้นตอนนั้นผมก็ยังเรียนพิเศษอยู่ก็ไปถามรุ่นพี่มากขึ้นว่าการสอบการเตรียมตัววิชานี้ๆต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งเทอมนี้ผมก็จะมุ่งมั่นกับการเรียนพิเศษมากกว่าปกติ

BASIC METAL WORK PRACTICE : เป็นวิชาตะไบซึ่งก็จะทำชิ้นงานคนละอันเลยตั้งแต่ต้นเทอมจนจบเทอม วิชานี้ต้องใช้ความสามารถค่อนข้างเยอะหน่อยนะครับเพราะต้องทำหลายอย่างมาก และถ้าทำพลาดแล้วขนาดมันไม่ได้ตามที่เขากำหนดก็อาจจะได้คะแนนไม่ดีนะครับซึ่งการเรียนก็จะได้ใช้เครื่องจักรต่างๆด้วยนะครับและที่สำคัญพยายามทำให้ทันทุกสัปดาห์นะครับจะได้ไม่เหนื่อย บางคนก็ทำล่วงหน้าไปเยอะนะครับหรือบางคนก็อาจจะตามไม่ทันเลยก็มีนะครับซึ่งก็ไม่ต้องห่วงเรียกเพื่อนมาคอยสอนให้ได้นะครับยังไงก็ผ่านไปด้วยกันอยู่ดี ตอนผมเรียนก็ ok นะครับเพื่อนช่วยกันดีเรียนไม่เครียด ตอนผมเรียนทำเป็น c-clamp นะครับ

BASIC WOODWORKING PRACTICE : ช็อปไม้เป็นวิชาที่ไม่ได้เครียดมากตอนระหว่างทำก็พูดคุยกันปัญหาต่างๆได้ วิชานี้ก็จะได้ใช้อุปกรณ์จากกล่องฟ้าแล้วซึ่งใช้สำหรับวิชานี้เท่านั้นแล้วกล่องนี้สำคัญมากเพราะเทอมไหนที่มีช็อปไม้จะต้องใช้อุปกรณ์ในกล่องนี้ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะต้องตามงานให้ครบตามสัปดาห์ไม่งั้นจะหนักแน่นอน ตรงไหนทำกันไม่ได้ก็จะให้เพื่อนมาคอยสอนให้เป็นวิชาแห่งมิตรภาพเลยก็ว่าได้เหมือนกับวิชาช็อปโยธา เทอมนี้จะเรียนพื้นฐานของงานไม้เพื่อเป็นพื้นฐานต่อเทอมต่อๆไปเพราะว่าจะมีชิ้นงานเป็นของตัวเองทุกเทอม ซึ่งการเรียนรู้วิชานี้มีเยอะมากๆ ตัวอย่างเช่น การเลื่อยไม้,ทำเดือย,ไสไม้ เป็นต้น สำหรับผมตอนทำงานเสร็จแล้วก็จะมีไปช่วยเพื่อนบ้างผมเป็นคนช่วยงานเพื่อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วแต่ผมก็คงเล่าได้ไม่หมดนะครับผมช่วยเพื่อน จนมีบางคนต้องบอกให้ผมหยุดเลย เดี๋ยวผมจะมาเล่าเพิ่มเติมให้ตอนท้ายนะครับว่าจุดจบของการทำแบบนี้มันจะเป็นอย่างไร

CIVIL CONSTRUC DRAWING II : ใช้ความรู้จากเทอม 1 เต็มๆ งานเยอะมากๆเหมือนเดิมคะแนนได้ยากเหมือนเดิมเพราะเรียนกับอาจารย์คนเดิมแล้วเทอมนี้ก็มีโปรเจคด้วย อย่างที่ผมบอกไปนะครับต้องพิถีพิถันมากงานต้องเรียบร้อยงานต้องสะอาดทุกอย่างต้องดูดีนะครับ ส่วนการเรียนตอนผมเรียนจะเรียนเกี่ยวกับงานไม้นะครับ

CONSTRUCTION TECHNIQUES I : เรียนเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างซึ่งงานเขียนจะเยอะมากเพราะต้องส่งทุกสัปดาห์แล้วก็จะมีโปรเจคงานกลุ่ม ซึ่งทำเยอะมาก ตอนเรียนต้องทำทั้งวิดีโอและรายงานทำเป็นร้อยหน้าคุณภาพต้องเหมือนเด็กมหาลัย มีเทคนิคการจัดหน้ากระดาษเยอะมากอาจารย์ตรวจละเอียด

MATHEMATICS II , PHYSICS II ,CHEMISTRY II : ตั้งแต่เทอมนี้ 3 วิชานี้ผมค่อนข้างจะจับหลักถูกแล้วไม่ค่อยมีปัญหาอะไรแล้ว นะครับสำหรับแม็ธกับ เคมี แต่ส่วนฟิสิกส์ก็ยังยากอยู่เหมือนเดิมครับผมแนะนำว่าต้องทำข้อสอบเก่าแล้วก็ทบทวนบทเรียนประจำนะครับสำคัญมากๆ แต่สำหรับผมตอนนั้นผมไม่ได้ขยันมากนะครับ แต่ผมก็ยังคงเรียนพิเศษไปเหมือนเดิมนะครับสำหรับ วิชาเหล่านี้

Midterm : ก่อนสอบก็อ่านไปไม่ได้เยอะมากแต่อ่านมากกว่าเทอมที่แล้ว คะแนนออกมาก็ถือว่า ok เลยยกเว้น ฟิสิกส์ที่ยังไม่ดีเหมือนเดิม และก็ตัดสินใจดรอปไป สำหรับใครจะดรอปนะครับ สามารถทำได้จากในเว็ปเลยหรือว่าถ้าทำไม่เป็นให้ไปติดต่อชั้น 2 ของ ตึก 90 นะครับหรือฝ่ายการศึกษาก็ได้

Final : อ่านเตรียมตัวมาดีกว่ามิดเทอม ผลออกมาก็เกรดถือว่าไม่ได้ดีมากแต่ก็ถือว่ารับได้อยู่

Summer : เรียนฟิสิกส์ก็ผ่านไปได้ด้วยดีตอนซัมเมอร์จะง่ายกว่าเรียนเทอมธรรมดาเพราะคนเรียนน้อยมีแค่ไม่กี่ห้อง ซึ่งก็จะมี ปี 2-3 มาเรียนด้วยบางคน

ปี 1 เทอม 2 ในชีวิตของผม : แม้ว่าเทอมนี้จะเริ่มไม่ค่อยดีแต่ก็ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี เทอมนี้ค่อนข้างเรียนรู้และปรับตัวได้ดีขึ้น

เทอมนี้สำหรับผมค่อนข้างงานหนักและเยอะมาก และสำหรับวิชาเขียนแบบเทอมนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ไม่ได้นอน ใน 1 วัน ซึ่งเป็นการแก้และเคลียร์งานต่างๆรวมถึงโปรเจคด้วยซึ่งถ้าผมทำเสร็จแล้วก็จะไปคอยช่วยเพื่อน เอาง่ายๆว่า ไปเรียนมาทั้งวันเสร็จแล้วก็ต้องรีบกลับมาทำงานเลย จากนั้นตอนเช้าก็ออกไปส่งกัน ซึ่งวันนั้น งานจะเต็มมือทุกคนเลย

ส่วนเรื่องหอ ผมออกมาจากที่เดิมแล้ว ผมย้ายมาอยู่กับเพื่อน แต่ยังอยู่ไม่ครบปีก็ต้องออกอีกแล้วเนื่องจากมีปัญหากับเจ้าของแล้วก็ต้องไปหาหอใหม่ ผมแนะนำว่าการเลือกหอตัดสินใจดีๆนะครับลองคิดยาวๆว่าถ้าเราอยู่ที่แบบนี้ 3 ปีเราจะอยู่ได้ไหม รูมเมทดีไหม หรือตัดปัญหาเลยก็คือยู่คนเดียว สำหรับผม แนะนำว่าอยู่คนเดียวดีสุดครับมีความเป็นส่วนตัวและไม่ต้องมาคอยมีปัญหาในอนาคตอีกด้วย

ปีที่ 2 ภาคการศึกษาที่ 1 : เปิดเทอมสดใสกันพอสมควรเพราะว่าทุกคนเกรด ok กันหมดแล้วมีแค่บางคนเท่านั้นที่ยังเกรดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ซึ่งเทอมนี้ผมยังจับจุดเพื่อเปลี่ยนชีวิตไม่ได้นะครับจะมีก็เทอมหน้า และที่ทำให้ความรู้สึกเก่าๆของการรับน้องในปี 1 ก็กลับมาอีกครั้ง  สำหรับหอผมก็เข้ามาที่ใหม่อยู่กับเพื่อนเหมือนเดิม

เปิดเทอมนี้ก็ได้เป็นพี่แล้วก็จะมีน้องรหัสเป็นของตัวเองเมื่อเราเป็นฝ่ายรับแล้วเราก็ได้เป็นฝ่ายให้บ้างแล้วซึ่งก็ต้องคอยแนะนำน้องๆไปนะครับ

CONSTRUCTION PRACTICE II : ช็อปโยธาปีนี้เริ่มทำงานแบบกลุ่มแล้วซึ่งก็จะใช้เพื่อนฐานจากปี 1 มาใช้บ้าง โดยงานจะเป็นอะไรนั้นขึ้นอยู่กับอาจารย์ผู้สอนนะครับ ส่วนตัวผมคิดว่าสนุกกว่าเทอมที่แล้วนะครับเพราะช่วยกันทำมีการแบ่งกลุ่มกันต่างๆ ตอนผมเรียนก็ทำงานทั่วไปครับแล้วแต่ว่ากลุ่มนั้นทำเกี่ยวกับอะไร ตอนผมเรียนก็ปูกระเบื้องหน้า 90 ครับ สนุกดีเหมือนไซต์งานก่อสร้างเล็กๆ ซึ่งหลังมิดเทอมก็ได้ทำบ้านเป็นงานไม้ 1 ชั้นจะได้เรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่เริ่มเลยนะครับ

WOODWORKING MACHNINERY PRACTICE I : ช็อปไม้เริ่มใช้เครื่องจักรจริงๆแล้วซึ่งใช้พื้นฐานจากปี 1 ซึ่งก็จะย้ายจากอาคาร 42 มา 91 แล้วนะครับ เรียกได้ว่าเรียนใกล้ขึ้นมาก วิชานี้จะมีงานให้ทำทั้งเทอม คน ละ 1 ชิ้นทำตั้งแต่ต้นเทอมจนจบเทอม ตอนผมทำเก้าอี้นะครับ มีอะไรให้ทำเยอะมาก ตั้งแต่ ตัดไม้เองไปจนถึงทาสีเอง ซึ่งเครื่องจักรก็มีให้ใช้เยอะพอสมควรเลยครับ

CIVIL CONSTR DRAWING III : งานเยอะเหมือนเดิมแต่ ok ขึ้นน่าจะเพราะมีพื้นฐานมาบ้างแล้วด้วย เทอมนี้ไม่ได้เรียนกับอาจารย์คนเดิมแล้วนะครับเพราะอาจารย์น่าจะสอนแค่ปี 1  แล้วก็เปลี่ยนจากตึก 42 มาเรียนตึก 97 ด้วยสำหรับผมแล้วผมไม่เครียดมากเท่าปี 1 เรียนสนุกมากเรียกได้ว่างานมีทุกอาทิตย์ผมก็เสร็จทุกอาทิตย์ เรียกได้ว่าไม่มีงานค้างเลย มีไปช่วยเพื่อนบ้างเล็กน้อย เป็นอีก 1 วิชาที่สนุกจริงๆครับสำหรับผม ส่วนการเรียนก็จะเน้นแบบแปลนบ้านนะครับ

CONSTRUCTION TECHNIQUES II : วิชาเหมือนเทอม 1 เลย การบ้านยังคงเหมือนเดิมเขียนส่งทุกสัปดาห์

ปี 2 เทอม 1 ในชีวิตของผม : หลักจากที่มีน้องแล้ว น้องผมก็มีปัญหาเลยเพราะว่าน้องคะแนนไม่ค่อยดี ซึ่งก็คุยกันว่าต้องดรอป 1 วิชาเลย ถ้าอยากให้เกรดดีขึ้นซึ่งน้องผมคนนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าผมได้คุยกัน น้อยมาก ส่วนเรื่องหอ พอจบเทอมนี้ผมก็ออกอีกนะครับ เพราะว่าผมชอบการอยู่คนเดียวมากกว่า

เทอมนี้สำหรับผม ผมเริ่มรู้สึกสนุกกับการเรียนและเพื่อนมากขึ้นเพราะผมก็เริ่มสนิทกับเพื่อนต่างกลุ่มมากขึ้นแล้ว เช่นวิชาเขียนแบบก็จะช่วยเพื่อนมากเป็นพิเศษ

ส่วนเรื่องรด.ถ้าปี 2 ก็จะเริ่มต้องไปอยู่เขาชนไก่แล้วนะครับติดตามรายละเอียดด้วยนะครับว่าไปช่วงไหนบ้าง ตอนผมน่าจะไปกัน 3 วัน 2 คืนครับ

ปีที่ 2 ภาคการศึกษาที่ 2 : และแล้วก็มาถึงเทอมที่ผมรู้สึกดีที่สุดเทอมนี้จะเปลี่ยนทั้งชีวิตในการเรียนที่นี่ไปเลย เอาล่ะเปิดเทอมมาพร้อมหอใหม่ซึ่งหอนี้ผมก็จะอยู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่งนะครับหอนี้ก็จะอยู่ยาวเลยไม่มีเปลี่ยนแล้วนะครับ

COMPUTER AND PROGRAMMING :ตอนผมเรียนภาษา c นะครับแนะนำว่าให้เริ่มเรียนด้วยตัวเองก่อนนะครับเพราะภาษาโปรแกรมค่อนข้างหาเรียนงานในการเรียนพื้นฐานนะครับ ตอนเรียนก็จะได้สบาย วิชานี้ก็จะมีโปรเจคด้วยเป็นงานกลุ่มด้วย

WOODWORKING MACHINERY PRACTICE : เทอมนี้จะทำเป็นงานกลุ่ม 3 คนสำหรับผมมันสนุกมากจริงๆครับ ถ้าเทอมที่แล้วอาจจะต่างคนต่างทำ แต่เทอมนี้ต้องทำงานร่วมกันคอยช่วยและแก้ปัญหากันสนุกมากๆครับ เพราะมีการแบ่งหน้าที่ในการทำกันแล้วก็ ตอนผมทำโต๊ะนะครับ

CIVIL CONSTRUC DRAWING IV : เรียนกับอาจารย์คนเดิมครับที่ตึก 97 เป็นการเรียนเขียนแบบเทอมสุดท้ายแล้วซึ่งทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิมคืองานเยอะมาก แต่ก็เหมือนเทอมแรกนะครับผมทำงานวิชานี้เสร็จต่อสัปดาห์เลยไม่มีงานค้างเลย เรียนสนุกมากครับ ส่วนการเรียนจะเน้นทำพวกโครงสร้างบ้านเป็น font view

CONSTRUCTION PRACTICE III : การเรียนช็อปโยธาปีนี้เหมือนกับเทอมที่แล้วคือการทำงานแบบกลุ่มสนุกเหมือนกันครับ ส่วนจะทำอะไรนั้นอาจารย์ผู้สอนจำกำหนดเองนะครับ ส่วนตอนผมนั้นเป็นการเรียนเกี่ยวกับคอนกรีตเสริมเหล็ก

CONCRETE TECHNOLOGY , PLUMBING & SAFETY SYSTEM : 2 วิชานี้เป็นการเรียนเกี่ยวกับพวกวัสดุช่างต่างๆ คอนกรีตต่างๆนะครับ 2 วิชานี้ก็จะมีงานกลุ่มด้วยทั้ง 2 วิชาเลย

ปี 2 เทอม 2 ในชีวิตของผม :ผมจำได้ว่าตอนเรียน มีงานเยอะมากเทอมนี้แต่ก็เป็นงานกลุ่มซึ่งผมก็อยู่กับเพื่อนกลุ่มเดิมด้วยกัน ทั้ง 3 วิชาเลย กลุ่มละ 2-3 คนนะครับ

หลังจากเกรดออกผมก็รู้สึกดีใจมากครับเพราะเกรดเป็นที่น่าดีใจมากสำหรับผม ดีใจแบบว่าไม่เคยเป็นมาก่อนมันคุ้มค่ามากกับความเหนื่อย ไปเที่ยวที่ไหนก็คือโล่งมากสำหรับเทอมนี้

สิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนของผมนะครับผมเริ่มอ่านหนังสือเยอะขึ้นขยันทำงานมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งมันไม่มีอะไรเลยนอกจากความขยันครับ สำหรับการเรียนพิเศษผมก็ย้ายมาเรียนแบบกลุ่มเล็กครับก็ดีขึ้นนะครับมีอะไรถามได้เลย และก็อย่างที่ผมบอกครับต้องทำข้อสอบเก่าเยอะๆและเน้นทบทวนบทเรียนต่างๆอยู่เสมอ เหนื่อยตอนนี้สบายตอนหน้าครับ ผมรับรองได้ว่าเกรดได้ตามที่คุณต้องการแน่ ซึ่งผลลัพธ์มันคุ้มค่ามากจริงๆและเชื่อผมได้เลยจะมีหลายๆอย่างที่คุณพัฒนาขึ้น การที่คุณมีพื้นฐานที่ดีมันจะต่อยอดอะไรได้อีกเยอะมากครับ และคุณจะติดมันมากแน่ๆเพราะผลลัพธ์แบบนี้มันทำให้คุณรู้สึกสบายใจ คุณจะทำและสนุกไปกับสิ่งที่คุณชอบครับ ก็เหมือนกับการเล่นเกมเมื่อคุณสนุกไปกับมันแม้เวลาผ่านไป เป็นปี แต่คุณก็ยังสนุกกับมัน แรกๆอาจจะขึ้เกียจหน่อยอาจจะอ่านหรือทบทวนได้แค่ 5 นาทีแต่ถ้าคุณทำต่อๆไปเวลาก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้น อาจจะเป็น 10 นาที ครึ่งชั่วโมง แล้วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนติดเป็นนิสัย ซึ่งก็ต้องแบ่งเวลาให้ดีนะครับว่าชั่วโมงนี้จะอ่านวิชาอะไร ทางที่ดีก็จัดตารางรายวันเลยก็ดีครับ ในส่วนนี้ก็จะเป็นวิธีที่ผมทำนะครับ แต่วิธีมันไม่ได้ตายตัวนะครับต้องพยายามปรับใช้ให้เข้ากับตัวเอง และที่สำคัญคุณต้องลงมือทำเลยนะครับอย่าผลัดวันประกันพรุ่งผมเป็นกำลังใจให้นะครับ

เทอมนี้ผมได้เข้าไปเล่นใต้หอในมากขึ้นเพราะมีเพื่อนคอยหาอะไรมาเล่นด้วยกัน ตั้งแต่เทอมนี้เป็นต้นไปชีวิตผมก็จะเปลี่ยนไปในการที่ดีอีกขั้น

ปีที่ 3 ภาคการศึกษาที่ 1 : เทอมนี้เปิดมานั้นพวกผมต้องเป็นคนทำหน้าที่รับน้องสำหรับปี 1 ที่พึ่งเข้ามาซึ่งผมก็ได้รับหน้าที่สำคัญในการรับน้องด้วย และการรับน้องได้หมดไป ก็ต้องเป็นการจับสายรหัสสำหรับน้องผมจากตอนปี 2 น้องของผมก็ได้ออกไปแล้วนะครับตอนผมรู้เรื่องก็เสียใจมาก ผมไม่ได้พูดคุยกับน้องมากเท่าไหร่ มันทำให้ผมปรับปรุงเรื่องการพูดคุยเป็นอย่างมากนี้ก็คือข้อผิดพลาดในชีวิตของผมเลย และน้องก็กลับมาตอนจับสายผมก็ได้เจอน้องที่ได้ออกไปแล้วได้มาจับสายอีกครั้งแต่สำหรับการดูแลเรื่องต่างๆก็เป็นผมที่จะต้องรับผิดชอบน้องปี 1อยู่ดีโดยปกติแล้วปีใกล้กันต้องดูแลกัน เช่นปี 1 จะสนิทกับพี่ปี 2 มากกว่าปีอื่นๆ แต่สำหรับผม ปี 3 จะเป็นคนให้คำแนะนำแทน น้องปี 2 ที่ได้ออกไปแล้ว แต่น้องคนนี้เรียนเก่งมากผมไม่จำเป็นต้องให้คำแนะนำอะไรเขาเลยเพราะปี 1 เกรดของน้องเขาก็ดีมากอยู่แล้ว

สำหรับเทอมนี้ก็เป็นเทอมสุดท้ายที่จะใช้เกรดไปคำนวณเพราะว่าเกรดจะสะสมแค่ 5 เทอมแล้วก็เทอมนี้เริ่มยื่นเรื่องเข้ามหาลัย

WOODWORKING PRACTICE I : เทอมนี้ทำงานเป็นของตัวเองนะครับซึ่งก็จะใช้เครื่องจักรเหมือนเดิม ตอนผมทำเก้าอี้นะครับ

BASIC CAD FOR CONSTRUCTION : เป็นวิชาเขียนแบบในคอมซึ่งตอนผมเรียนจะใช้ autocad ในการทำถึงงานจะมีทุกสัปดาห์เหมือนเขียนแบบปกติแต่ก็ไม่ได้หนักมากเพราะว่าเราไม่ต้องมากังวลเรื่องจุกจิกเลยอย่างเช่น กระดาษดำ ขีดเส้น ไม่ตรง ลบเส้นแล้วเละ ซึ่งพอมาอยู่ในคอมก็ไม่ต้องคิดเรื่องพวกนั้นเลยก็สบายไปอีกแบบ

PLUMBING AND SANITARY PRACTCE I : เทอมนี้เรียนช็อปประปานะครับซึ่งจะแตกต่างจากเทอมที่ผ่านๆมาซึ่งก็จะทำงานเป็นกลุ่มซะส่วนใหญ่นะครับส่วนวิชาเรียนจะทำเกี่ยวกับท่อทั้งนั้นเลยนะครับ

BASIC STRUCTURES : เป็นการคำนวณโครงสร้างต่างๆนะครับ วิชานี้ยากมากแต่งานไม่ค่อยเยอะ

INDUSTRIAL ELECTRICITY : เป็นวิชาไฟฟ้าเรียนเกี่ยวกับพื้นฐานของไฟฟ้าวิชานี้ ตอนผมเรียนงานนั้นมีแค่ทำแบบฝึกหัดทุกบทเยอะมาก ข้อสอบเป็นปรนัย

CONSTRUCTION LAW : กฏหมายของโครงสร้างอาคารต่างๆเป็นวิชาจำล้วนๆ

ปี 3 เทอม 1 ในชีวิตของผม : เทอมนี้ผมขอไปเขียนทีเดียวตอนเทอม 2 เลยนะครับ

ปีที่ 3 ภาคการศึกษาที่ 2 : เทอมสุดท้ายของการเรียนที่แห่งนี้แล้วนะครับ เปิดเทอมมาเป็นความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมเพราะว่าผมจะต้องจบจากที่นี่ไปแล้วมันเป็นความรู้สึกที่ตื้นตันใจและก็เสียใจไปตามๆกันผมคงพูดความรู้สึกได้ไม่หมดเพราะบางอย่างทำให้มันเป็นคำพูดไม่ได้จริงๆ ผมจะไม่ได้ไปกินข้าวกับเพื่อนกลุ่มเดิมแล้ว จะไม่ได้มาเล่นหรือพูดคุยเพื่อนในห้องหรือในโรงเรียนอีกแล้ว ไม่มีการทำงานกลุ่มด้วยกันอีกแล้ว ไม่มีการติวด้วยกันพร้อมหน้ากัน จะไม่มีการเดินไปซื้อข้าวแล้วเดินกลับหอพร้อมกันอีกแล้ว ต่างคนต่างก็ต้องไปเรียนในห้องใหม่สังคมใหม่ๆ สำหรับผมสังคมเพื่อนที่นี่จะสนิทกันมากโดยเฉพาะคนที่อยู่หอเพราะว่ามันเป็นการใช้ชีวิตร่วมกันต่างจากคนทั่วไปที่เลิกเรียนแล้วก็จะกลับบ้าน ความรู้สึกคงจะเหมือนโรงเรียนประจำแต่มีอิสระในการใช้ชีวิตที่มากกว่าไม่ว่าจะเละเทะแค่ไหนแต่ตอนเรียนต้องเรียนให้รอดเพราะเราเป็นคนควบคุมชีวิตตัวเองไม่มีใครคอยสั่งให้ไปเรียนจะหยุดอะไรกี่วันก็ได้ และมีสิ่งเร้ามากมายนะครับตามชีวิตมหาลัยเลย

สำหรับโควตาเรียนต่อ มจพ. นะครับ มีแต่ วทอ. และ วิศวะใหญ่ ซึ่ง 2 คณะนี้คือวิศวะเหมือนกัน ซึ่งจะต่างกันก็คือ วทอ. เข้าได้ถ้าเรามี 2.00 ขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะได้กันทุกคน และ วิศวะใหญ่ เข้าได้ตั้งแต่เกรด 2.75 ขึ้นไป แต่สำหรับใครเกรดไม่ถึงวิศวะใหญ่ก็สามารถไปสอบตรงได้ หรือ ถ้าใครไม่เอาทั้ง 2 อย่างก็สามารถไปสอบเข้ามหาลัยอื่นได้เช่นกันแต่ผมขอเตือนไว้หน่อยนะครับ วุฒิ ปวช. ไม่ค่อยมีที่ไหนรับ หรือถ้ารับก็จะรับในเกรดที่สูง ซึ่งถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ก็จะรู้นะครับว่าเกรดมันไม่ได้มาง่ายๆ แค่ได้เกรดรวมเกิน 2.5 ขึ้นผมว่าก็เก่งแล้ว ซึ่งผมไม่ชอบ มจพ. อยู่อย่างหนึ่งคือการแบ่งคณะแบบนี้ถ้าใครได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนเตรียมแล้วจะรู้ได้เองครับว่ามันเป็นอย่างไร

แล้วก็จะมีกิจกรรมสำหรับนักเรียนนะครับซึ่งเป็นการที่น้องจัดของตกแต่งๆต่างๆไว้ให้สำหรับรุ่นพี่ที่จะได้ถ่ายรูปร่วมกับน้องๆนะครับ คล้ายๆวันรับปริญญาเลยครับแต่ไม่อลังการเท่า ซึ่งปี 1 ตอนผมก็ทำนะครับซึ่งผมไม่รู้จะบอกตอนต้นยังไงเลยมาเขียนตอนท้ายดีกว่า

เอาล่ะมาต่อที่วิชาเรียน

WOODWORKING PRACTICE II: เทอมนี้ทำงานเป็นกลุ่มเหมือนเดิม ซึ่งตอนผมทำเป็นตู้เคลื่อนที่ได้

COST ESTIMATION : เป็นวิชาคำนวณของงานไม้และวัสดุต่างๆ

SURVEYING PRACTICE : เป็นวิชาสำรวจซึ่งจะทำงานกันเป็นกลุ่มนะครับ เป็นวิชาที่ได้เดินเยอะมากน่าจะเกือบทั่วมหาลัยเลยและเหนื่อยมากด้วยครับเพราะเป็นการคำนวณและจะเจออุปสรรคต่างๆมากมายให้ปวดหัวแน่นอนครับ ซึ่งก็จะแบ่งหน้าที่กันซึ่งก็มี ส่องกล้องคอยอ่านค่าตัวเลขให้แม่นที่สุด คนถือไม้สต๊าฟ ทำหน้าที่ยืนอย่างเดียว และสุดท้ายก็คนคำนวณ ซึ่งผมแนะนำว่าให้สลับกันทำนะครับจะได้เป็นกันทุกคน

SURVEYING : เป็นวิชาคำนวณล้วนๆครับซึ่งจะมีโจทย์มาให้แล้วก็ต้องคำนวณเองข้อสอบมีทุกแบบที่เคยลงช็อปมา แต่ถ้าใครทำงานในส่วนของการคำนวณก็จะสบายๆหน่อยผมแนะนำว่าต้องผลัดกันเป็นนะครับตอนลงช็อป ส่วนงานก็เยอะครับทำทุกสัปดาห์ส่งทุกสัปดาห์และก็จะมีการรวบรวมส่งทั้งหมดในท้ายสัปดาห์

FUNDAMENTAL ARCHITECTURAL DESIGN : ทำพวกโครงสร้างจำลองครับเพื่อเอาไว้รับน้ำหนักว่ารับได้กี่กิโล

ปี 3 ในชีวิตของผม :ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วที่ผมจะได้เรียนที่นี่ก็เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับผมมากเป็นเหมือนกับที่ผมคิดเลยไม่ว่าผมจะแย่แค่ไหนผมก็ไม่เคยคิดเลยว่าผมจะไปไม่รอด และผมก็ทำได้แล้วเรียนมาจนถึงปี 3 ได้ผ่านอะไรมามากมายมีทั้งสุขและเศร้าเหนื่อยบ้างท้อบ้าง แต่ก็ไม่เคยยอมสุดท้ายผมกำไรของมันคือ สิ่งต่างๆรอบตัว ไม่ว่าจะเป็น อาจารย์ สังคมเพื่อน,รุ่นพี่,รุ่นน้อง การศึกษา การใช้ชีวิต สิ่งเหล่านี้เป็นกำไรในที่แห่งนี้ทั้งหมดซึ่งผมชอบและรักที่นี่มากและเป็นโรงเรียนเดียวที่ผมรักและเป็นความทรงจำที่ดีต่อผมมากๆผมจะไม่มีวันลืมที่แห่งนี้เด็ดขาด และแล้วชีวิตปี 3 ของผมก็จบไปได้ด้วยดี

ซึ่งก็จะมีกิจกรรมตามสาขานั้นจะมีทุกปีเลยแล้วแต่ว่าจะจัดกันที่ไหน ของผมก็มีทั้ง 3 ปีเลย ซึ่งบายเนียร์เป็นกิจกรรมสุดท้ายที่ทุกๆคนจะมากันไม่ว่าจะรุ่นน้องรุ่นพี่และพวกเรารุ่นที่จบจะได้มาสังสรรค์กันสนุกมากๆ และสุดท้ายงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา แต่สิ่งที่ไม่เคยหายไปคือความรู้สึกดีๆทั้งหมดในที่แห่งนี้ครับ คือเหมือนภาพมันย้อนเองเลยนะครับตั้งแต่ความรู้สึกดีๆที่ได้เข้ามาแรกๆ และก็ต้องเครียดกับเกรดที่ไม่ค่อยดีและก็เจออุปสรรคมากมาย แต่เราก็จบมาได้มันชั่งมีความสุขจริงๆครับเพราะการที่ผมทำไปทั้งหมดมันไม่สูญเปล่าเลยแม้แต่น้อย และอะไรที่มันได้มายากๆมันมักจะภูมิใจเสมอครับ

3.บทสรุป

ปี 1 เป็นปีที่เหนื่อยมากๆครับมีอะไรหลายๆอย่างที่ยังไม่รู้เพราะว่าไม่มีใครมานั่งบอกรายละเอียดทั้งหมดนะครับต้องศึกษาเองมีอะไรหลายๆสิ่งที่ผมทำพลาดความเครียดเริ่มมีมากขึ้น เพื่อนๆที่เคยเรียนด้วยกันต่างทยอยออกไป ด้วยระบบที่กลั่นกรองคนและการศึกษาที่เข้มงวด(แต่ไม่ต้องห่วงครับหลักจากนี้ถ้าใครได้อ่านรีวิวนี้จะไม่เป็นแบบผมแน่นอนแล้วคุณจะปรับตัวเร็วมาก และก็อย่าลืมส่งต่อให้คนอื่นด้วยนะครับ และผมก็จะรออ่านรีวิวตลอดนะครับสำหรับยุคสมัยที่เปลี่ยนใครเรียนจบแล้วอย่าลืมมาเขียนรีวิวกันเยอะๆนะครับ )

สำหรับการช่วยเพื่อนที่ผมบอกนะครับมีอะไรผมช่วยหมดไม่ว่าจะ วิชาปฏิบัติ ทฤษฎี แต่มันเหมือนอาถรรพ์นะครับ อย่างที่ผมบอกไปผมช่วยจนมีเพื่อนเข้ามาเตือนต่างๆ และที่มันอาถรรพ์ก็เพราะว่าคนที่ผมช่วยงานมากๆทุกคนต่างเรียนกันไม่ไหวแล้วก็ออกกันไปหรือก็โดนรีไทร์ไปและมันก็จะไม่ดีสำหรับเขาเองด้วยเพราะถ้าเขาจบไปแล้วเขาจะทำอะไรเองไม่เป็นซึ่งถ้าใครเป็นแบบผม ผมอยากจะบอกว่าอยากให้ช่วยเท่าที่จำเป็นเท่านั้นหรือให้เป็นคำแนะนำก็ได้ แต่อย่าไปลงมือช่วยทุกงานนะครับ

การจะอยู่รอดนั้นต้องก้าวหน้าขึ้นเท่านั้น อย่างที่ผมบอกไปว่ามันจะใหม่มากเพราะว่าเราเรียนระบบมหาลัยกันตั้งแต่อายุ 15-16 แต่ทุกอย่างก็แลกมาด้วยประสบการณ์ที่มากกว่าคนทั่วไปไม่ว่าจะการเรียนสังคมการใช้ชีวิตต่างๆ และสิ่งที่ติดตัวคุณไปตลอดก็คือสังคมวิศวะรอบๆตัวคุณทั้งหมดไม่ว่าจะรุ่นพี่รุ่นน้องหรือเพื่อนเพราะสำหรับใครที่จบจากที่นี่ก็จะต่อในคณะวิศวะกันนะครับ

แล้วถ้าใครสงสัยว่าถ้าเรียนเข้มขนาดนี้ถ้ามีคนโดนรีไทร์จะมีคนที่เรียนเกิน 3 ปีขึ้นไปไหมครับ ผมบอกเลยว่ามีแน่นอนเหมือนมหาลัยเลยทุกสิ่งที่เป็นมหาลัยก็จะอยู่ในโรงเรียนเตรียมหมด ซึ่งก็มาจากการดรอปที่มากเกินกว่าจะเรียนจบได้ทันเพราะลิมิตสูงสุดที่เรียนได้คือ 6 ปี หรืออาจจะเรียนๆไปถึง ปี 4 หรือ 5 และ แต่ทำเกรดได้ไม่ดีอีกก็โดนรีไทร์หรือจบออกมาก็เกรดน้อยมากๆ จะเห็นได้ว่าทั้งเสียเวลาและเสียกำลังใจในด้านอื่นๆอีกมาก ผมแนะนำว่าตอนเรียนต้องตั้งใจเรียนมากๆเลยนะครับ หรือถ้าดรอป ก็อย่าดรอปเยอะ และก็ต้องลงซัมเมอร์เพื่อเก็บตัวที่ดรอปทันทีเลยนะครับอย่าดอง เพราะผมมีเพื่อนที่เจอปัญหานี้แล้วนะครับ บางทีดรอปเยอะมากๆ แต่พอขึ้นปี 2 ไม่ดรอปสุดท้ายก็เรียนไม่ไหวโดนรีไทร์ หรือ ดรอปๆดองทุกๆเทอมผ่านทุกๆเทอม มาจนถึงปี 3 ย้ำนะครับปี 3 เลยนะปีสุดท้ายของการเรียนเลยนะครับผมไม่แน่ใจว่าดรอปถึงเท่าไหร่แต่เกิน 10 ตัวแน่ๆ สุดท้ายก็เรียนต่อไปไม่ไหวก็ลาออกไป หรือ ถ้าเจอเคสดีหน่อยก็จะประมาณว่าเรียน 4 ปีจบช้าหน่อยแต่จบแน่นอน ตัวอย่างเคสเหล่านี้มีทั้งคนที่เลิกเรียนไปเลยหรือก็กลับไปเรียน ม.ปลายใหม่เลยมีหมดนะครับ อย่างที่ผมบอกไปตอนต้นว่าถ้ารู้ตัวว่าทางนี้ไม่ใช่ทางของเราก็ต้องลองคุยกับทางผู้ปกครองดูนะครับว่าจะเรียนต่อดีไหม ถ้าออกไปตั้งแต่เนิ่นๆบางทีอาจจะเรียนมหาลัยไปแล้วถ้าเทียบกับเพื่อนที่ยังดันทุรังเรียนแต่เรียนเกิน 3 ปี ซึ่งก็อาจจะเป็นทางที่ดีกว่าและมีหลายคนที่เป็นแบบนั้นนะครับ

ถ้าอ่านมาจนครบแล้วทุกคนจะเห็นได้ว่ามีงานเยอะมาก แล้วก็ยังมี แม็ธ ฟิสิกส์ เคมี แม้จะไม่ค่อยมีงานหนักมากแต่การเรียนการสอบคือโหดมากทุกๆคนต้องพยายามปรับตัวให้ทันนะครับเพราะเรียนทุกเทอม

การใช้ชีวิตผมคงอธิบายเป็นความรู้สึกไม่หมดจริงๆครับต้องลองมาอยู่เท่านั้น ซึ่งมันมีหลายอย่างมากๆ อ่านหนังสือดึกๆ ช่วยกันติว ช่วยกันทำงาน  สำหรับใครที่อยู่หอผมมั่นใจว่าคุณจะมีประสบการณ์รวมทั้งความรู้สึกมากกว่า คนอายุเท่ากันค่อนข้างมากเลยทีเดียว และคุณก็จะใช้ชีวิตมหาลัยสบายมากๆเพราะคุณรู้ทุกอย่างหมดแล้วว่าควรทำอย่างไรบ้าง

สำหรับผมนั้นที่นี่เปลี่ยนความคิดผมเยอะมากเพราะเจอสังคมที่มีแต่คนเก่งทำให้ผมต้องเก่งขึ้นเรื่อยๆ จากที่ผมไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตผมก็ได้มีก็เพราะที่นี่ ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบการอ่านหนังสือที่ทำให้ต้องอ่านก็เพราะที่นี่ ที่นี่สอนอะไรหลายๆอย่างให้กับผม สุดท้ายนี่ผมก็รู้ว่าผมอยากจะเป็นอะไร แม้ผมจะเรียนโยธาแต่ผมนั้นก็ชอบคอมมาก ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่ผมไม่เอาโควตานะครับ

มีอยู่ 1 อย่างที่ผมจะบอกก็คือ การสอบเข้ามหาลัยอื่น ทุกคนจะสังเกตได้ว่าผมไม่ได้เขียนเรียนนี่เลย เพราะในช่วงชีวิตของผมนั้นไม่ได้อ่านหนังสือเพื่อที่จะสอบเข้าที่อื่นเลย  การอ่านหนังสือสอบเข้าที่อื่นนั้นสำหรับผมนั้นมันทำยากมากอย่างที่ทุกคนรู้ว่า การเรียนมันเข้มข้นมาก การได้เลขหลักหน่วย ก็มีโอกาสติด F สูงอยู่แล้ว ยังมีงานที่ล้อมตัวคุณอีกมากมาย แล้วถ้าจะเรียนตอนเสาร์อาทิตย์ ก็ลำบากอีก เพราะวันเสาร์เรียนรด.ทั้งวัน เหลือแค่วันอาทิตย์วันเดียว เวลาส่วนใหญ่ก็หมดไปกับ การบ้าน และการอ่านสอบ ซึ่งถ้าจะอ่านนะครับมีเวลาเดียวคือช่วงปิดเทอมแต่การปิดเทอมที่นี่ก็จะไม่ตรงกับที่อื่นนะครับ โรงเรียนอื่นเปิดโรงเรียนเราปิด ประมาณนี้ครับ เปิดปิดเหมือนมหาลัยเลย แต่คนส่วนใหญ่ที่เรียนที่นี่จะไม่ค่อยมีใครไปที่อื่นส่วนใหญ่แล้วเขาจะเอาโควตาต่อที่ มจพ.เลย ซึ่งรายละเอียดผมก็เขียนไปในตอน ปี 3 เทอม 2 แล้วนะครับ

ปัจจุบันผมเรียน วิศวะไฟฟ้า อยู่ เกษตรศาสตร์ นะครับผมเลยอยากแนะนำว่าถ้าใครมาเรียนที่โรงเรียนเตรียมวิศวะจะมี อยู่ 3 เส้นทางหลักๆที่คุณจะเลือกได้สำหรับการเรียนมหาลัย คือ

1.โควตาของ มจพ. วิศวะใหญ่ และ วทอ. (เข้าได้ด้วยเกรดสะสมที่ 2.00 ขึ้นไป) และ วิศวะใหญ่ (เข้าได้ด้วยเกรดสะสมที่ 2.75 ขึ้นไป) หรือใครเกรดไม่ถึง วิศวะใหญ่ แล้วอยากเข้าก็อย่างที่ผมบอกนะครับ ไปสอบตรงของ มจพ. ได้ถ้าอยากเข้าวิศวะใหญ่

2.โควตาตามมหาลัยต่างๆ สำหรับใครที่เก่งซึ่งโดยปกติก็จะมีเกรดสะสมเกิน 3 ขึ้นไปต้องรอดูประกาศว่าจะเอา 3.xx เท่าไหร่ซึ่งสำหรับสาขาโยธาก็จะได้ไปต่อที่ บางมด กันส่วนใหญ่

3.ไปต่อในมหาลัยที่อื่น วิธีนี้ยากสุดนะครับ เพราะว่า

3.1.ถ้าไปสอบตรง ในปัจจุบันมีระบบ tcas จะเป็นรอบ 3 กับ 4 และการสอนนั้นรับน้อยมากๆๆๆๆๆๆ ส่วนใหญ่แล้วมหาลัยเขาจะรับรอบโควตาเยอะที่สุดนะครับ ลองดูตามประกาศเก่าๆได้เลย

3.2.ปวช.ไม่ค่อยมีที่ไหนรับต่างถ้าเปรียบเทียบกับเด็กสามัญที่เข้าได้ทุกที่ทุกคณะถ้าคะแนนถึง

3.3.ถึงจะรับแต่เกรดก็ต้องสูงด้วยเช่นกันอย่างต่ำต้อง 2.5 อย่างที่ผมบอก 2.5 ที่นี่ยากอยู่นะครับ บางทีเกรด 2.5 อาจะเทียบได้ กับเกรด 3 กว่าๆ ของโรงเรียนอื่นเลยนะครับ

3.4.ไม่มีเวลาอ่าน ถ้าใครเลือกทางนี้แล้วต้องแบ่งเวลาเรียนกับเวลาการอ่านสอบให้ดีถ้าใครลองทำแล้วผมมั่นใจว่าเหนื่อยมาก ครับถ้าคุณบาลานซ์ไม่ดี ต่อให้สอบคะแนนผ่านเกณฑ์ของมหาลัย แต่ว่าเกรดคุณไม่ถึงก็ไม่สามารถเข้าได้นะครับ แล้วอย่างที่ผม      บอกไปมหาลัยเขาไม่ค่อยรับปวช. ถ้าใครดูตอนปี 62 - 64 มหาลัยจะรับเฉพาะเด็กสามัญทั้งนั้น ต้องเก่งมากจริงๆครับถึงจะเข้าได้ เกิน10%-20% ซึ่งมหาลัยส่วนจะใหญ่คณะวิศวะจะรับปวช ซึ่งผมเปรียบเทียบแค่มหาลัยที่อยู่ top 1-10 เท่านั้นนะครับ สิ่งหล่านี้ เป็นสิ่งที่ผมเจอมาในระบบ tcas ปัจจุบันนะครับ ปวช มีโอกาศน้อยมากจริงๆที่จะได้เข้า

ผมนั้นเป็นเด็กที่ไม่ได้มีเป้าหมายในการเรียนเลยและขาดเป้าหมายในการใช้ชีวิต ซึ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนไปเมื่อผมได้เข้ามาศึกษาในที่แห่งนี้ ที่นี่นั้นถึงผมจะเรียนโยธาแต่ผมกับชอบคอมและผมก็จะเรียนถึง ป.เอก ในสาขา วิศวะคอม (แต่ป.ตรีผมก็สอบวิศวะคอมไม่ติดนะครับได้ไฟฟ้าแทน เดี๋ยวผมจะมารีวิวการเรียนที่เกษตรศาสตร์ให้อีกทีนะครับตอนเรียนจบ) และนี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงไม่อยากเรียนต่อในสาขาโยธา ซึ่งตอนผมเรียนนั้นเพื่อนๆก็จะมาถามเรื่องคอมกับผมซะส่วนใหญ่ ทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจตัวเองว่ามาทางคอมนี้แหละดีที่สุดแล้ว บวกกับตอนปิดเทอมผมจะมาฝึก เรื่องที่สนใจ เช่น กราฟิฟิก,การเขียนโปรแกรม,ทำโมเดล 3D เป็นต้น

ถ้าพูดถึงยุคเดี๋ยวนี้ยุคมันค่อยๆเปลี่ยนไปแล้วครับ ทุกอย่างมีต่างมี case study หรือ ประสบการณ์ต่างๆ เพื่อคอยให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และปรับตัวได้ทันก่อนเกิดเหตุการณ์จริง ซึ่งผมก็อยากให้คนรุ่นต่อๆไปได้มาลองแชร์ประสบการณ์ต่อๆไปด้วยนะครับจะได้อัปเดตข้อมูลไปเรื่อยๆเพราะบางทีข้อมูลเก่าก็อาจจะใช้อ้างอิงไม่ได้แล้ว ผมมั่นใจเลยครับว่าประสบการณ์เรียนที่นี่แต่ละคนจะต่างกันและมีเรื่องให้เล่าเยอะแน่นอน

จบไปแล้วนะครับสำหรับการรีวิว ที่ โรงเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ ไทย-เยอรมันทุกอย่างที่ผมบอกไปเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตผมสำหรับที่นี่เท่านั้นนะครับมีหลายๆเรื่องที่มีทั้งไม่รู้จะบรรยายเป็นความรู้สึกยังไงหรือบางเรื่องก็ไม่สามารถบอกได้ สำหรับข้อมูลพื้นฐานหรือการเตรียมตัวทั้งหมดไม่ว่าจะ การเรียน งานที่ทำแต่ละเทอม นั้นผมก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการตัดสินใจที่จะเข้าที่นี่นะครับ อย่าลืมนะครับ ต้องขยัน และก้าวหน้าขึ้นเท่านั้นถึงจะผ่านไปได้ไม่ว่าคุณจะเหนื่อยหรือท้อแค่ไหนอย่าได้ยอมแพ้ถ้าทางนี้คือทางของคุณจริงๆ ผมรับรองได้ว่าเมื่อคุณไปแล้วทั้งวิชาความรู้ สังคมต่างๆจะเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีเยี่ยมและน้อยคนที่จะได้สัมผัสสำหรับอายุ 18 -19 เลยแหละครับ(และก็แนะนำเลยนะครับ ถ่ายรูปตอนเราลงช็อปเยอะๆนะครับเพราะมันมีทุกเทอมและมันจะเป็นความทรงจำที่ดีมากเลยครับ อย่างของผมก็มีถ่ายไว้แต่ว่าส่วนใหญ่มันก็หายไปพร้อมกับโทรศัพท์เครื่องเก่าครับที่อยู่ดีๆก็หน้าจอดำก็ต้องซื้อใหม่เลยเพราะทำไรไม่ได้ผมใช้มาตั้งแต่ ปวช ปี1 เลย ก็น่าเสียดายครับแนะนำว่าต้องหาที่เก็บไว้ครับ Google Drive ก็ได้ครับ จะได้ไม่เป็นแบบผม)

ภาพบรรยากาศบางส่วนในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

89สนามบอลหอในห้องสมุด

สุดท้ายนี้ นี่เป็นประสบการณ์ของผมในช่วงของปี 59-61 เท่านั้นรายละเอียดต่างๆอาจมีเปลี่ยนแปลงได้เสมอ และผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อหลายๆคน ไม่ว่าจะทั้งคนที่สนใจจะเข้ามาเรียนหรือที่กำลังตัดสินใจอยู่ แล้วอย่าลืมมาเป็นครอบครัวเดียวกับเรานะครับ ที่ โรงเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ ไทย-เยอรมันที่ที่จะสร้างทั้งอนาคตและองค์ความรู้มากมายสำหรับการเป็นวิศวะต่อไปยังอนาคต