จากความเข้าใจดังกล่าวทำให้มีผู้ใช้รถส่วนหนึ่งมีความคิดที่ว่าถ้าการเลือกใช้น้ำมันเครื่องแปรผันกับระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายแบบนี้ สู้ใช้น้ำมันเครื่องธรรมดาแต่เปลี่ยนถ่ายบ่อย ๆ ดีกว่า เครื่องยนต์ได้ใช้น้ำมันเครื่องที่ใหม่สดกว่าทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร ในขณะที่การใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์นอกจากมีราคาสูงกว่าแล้ว ระยะเวลาในการใช้งานที่นานกว่าอาจทำให้ช่วงท้ายของการใช้งานประสิทธิภาพหรือคุณสมบัติของการเป็นสารหล่อลื่นคงไม่ดีสักเท่าไร
ไม่ว่าจะใช้น้ำมันเครื่องประเภทไหน จะเป็นน้ำมันธรรมดาคุณภาพต่ำ น้ำมันกึ่งสังเคราะห์ หรือ น้ำมันสังเคราะห์แท้ 100% การให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนถ่ายตามระยะเป็นสิ่งที่ดีและช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ได้ แต่ในเชิงเปรียบเทียบดังกล่าวถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะการทำหน้าที่ปกป้องเครื่องยนต์ของน้ำมันเครื่องนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เครื่องยนต์เริ่มทำงาน ทันทีที่เราสตาร์ทการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นน้ำมันสังเคราะห์แท้ 100% ที่ผลิตขึ้นจากน้ำมันพื้นฐานสังเคราะห์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการปกป้องที่เหนือกว่าน้ำมันธรรมดาที่ผลิตขึ้นจากน้ำมันแร่ อีกทั้งยังมีสารเพิ่มประสิทธิภาพ (Additives) ในการลดการสึกหรอ ทำความสะอาดเครื่องยนต์ ป้องกันสนิม และอื่น ๆ ที่เหนือกว่า ดังนั้นประสิทธิภาพในการเพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์และปกป้องเครื่องยนต์ย่อมดีกว่าและคงคุณสมบัติความเป็นสารหล่อลื่นที่คงที่ได้นานกว่าด้วยจึงมีการการันตีการใช้งานที่ระยะ 10,000 – 15,000 กิโลเมตร แล้วในมุมของค่าใช้จ่ายล่ะ? แน่นอนว่าน้ำมันสังเคราะห์มีราคาต่อหน่วยที่สูงกว่าเพราะมีกระบวนการผลิตและสารเพิ่มประสิทธิภาพที่ดีกว่าอย่างที่บอกไป ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อครั้งสูงกว่าการใช้น้ำมันธรรมดา แต่อย่าลืมเปรียบเทียบในเรื่องของความคุ้มค่าเพราะในการเปลี่ยนถ่ายแต่ละครั้ง ยังมีค่าบริการ ค่ากรองน้ำมันเครื่อง รวมถึงเวลาที่เราต้องเสียในการนั่งรอรับบริการแต่ละครั้ง สุดท้ายแล้วจ่ายสูงกว่าแต่อาจไม่ได้แพงกว่าเมื่อแลกกับประสิทธิภาพในการปกป้องเครื่องยนต์ การยืดอายุของเครื่องยนต์ในระยะยาว และระยะการเปลี่ยนถ่ายที่นานกว่า เราลองเปรียบเทียบกันดูนะครับว่า ว่าแบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน
หากใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ในระยะการใช้งานที่ 10,000 กิโลเมตร ต้องเข้ารับเปลี่ยนถ่าย 2 ครั้ง
จะเห็นได้ว่าที่ระยะ 10,000 กิโลเมตร น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ต้องเปลี่ยนถ่าย 2 ครั้ง อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% และน้ำมันสูตรเทคโนโลยีสังเคราะห์เกรดสูง (Technosynthese®) ของ MOTUL ที่เปลี่ยนถ่ายเพียงครั้งเดียวก็เป็นได้ คุณสมบัติของน้ำมันพื้นฐานที่ใช้ในน้ำมันเครื่องธรรมดากับน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% ที่สำคัญซึ่งต่างกันอย่างชัดเจนก็คือ ห่วงโซ่โมเลกุลของน้ำมันซึ่งน้ำมันพื้นฐานที่ผ่านการสังเคราะห์จะมีโมเลกุลที่สม่ำเสมอส่งผลให้การหล่อลื่นดีกว่า เมื่อทำงานร่วมกับสารเพิ่มประสิทธิภาพต่างๆ ที่เพิ่มเติมเข้าไปทำให้คุณสมบัติในทุกๆ ด้านเหนือกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดาและน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ซึ่งใช้น้ำมันพื้นฐานผสมกันระหว่างน้ำมันดิบและน้ำมันสังเคราะห์ เมื่อทราบถึงกระบวนการผลิตน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% แล้วจะเห็นว่าที่จริงแล้วในราคาที่สูงกว่านั้นไม่ได้หมายความว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แพงกว่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่จะได้รับ ประการแรกเลย น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% มีอายุการใช้งานที่นานกว่า 10,000 – 15,000 กิโลเมตร ในขณะที่ความคุ้มค่าของการใช้งานผู้ใช้รถก็จะได้รับทันทีตั้งแต่เริ่มใช้ เช่น การลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ทั้งในขณะที่เครื่องยนต์เย็น เนื่องจากน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% มีคุณสมบัติเรื่องของความข้นใสที่สามารถขึ้นไปหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ได้ดีกว่า และยังคงทำหน้าที่ลดการสึกหรอได้ดีในช่วงที่เครื่องยนต์มีอุณหภูมิสูงจากคุณสมบัติของค่าดัชนีความหนืดที่มีความเสถียร ในเรื่องของการขับขี่ผู้ใช้ยังได้รับอัตราเร่งที่ดีขึ้นด้วยจากคุณสมบัติของห่วงโซ่โมเลกุลที่มีความสม่ำเสมอส่งผลให้การเคลื่อนตัวของลูกสูบมีความคล่องตัว และในระยะยาวการที่น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% มีความทนต่อการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ (Oxidation) ทำให้คุณสมบัติของความเป็นสารหล่อลื่นมีความทนนานไม่เสื่อมสภาพง่าย หมายความว่ามีประสิทธิภาพในการปกป้องเครื่องยนต์ที่ดีตั้งแต่เริ่มใช้งานจนถึงระยะเวลาเปลี่ยนถ่ายที่กำหนด เป็นเหตุผลที่ทำให้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% มีอายุการใช้งานที่นานกว่า MOTUL มีน้ำเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% ให้เลือกใช้หลากหลายรุ่น คือ MOTUL 300V (Racing Grade) เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน หรือเครื่องยนต์สมรรถนะสูง, MOTUL 8100 (Premium Grade) เหมาะสำหรับรถยนต์เบนซิน และดีเซลรุ่นใหม่สมรรถนะสูง, MOTUL H-TECH (Advance Grade และ High Grade) เหมาะสำหรับเครื่องยนต์เบนซินทุกชนิด และรถสมรรถนะสูง, MOTUL Specific CRDi (High Grade) เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลยุคใหม่รองรับระบบกรอง DPF |