“อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย” หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.สุโขทัยนอกเหนือจากการเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ที่นี่ยังมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ เป็นโบราณสถานสำคัญของไทย และยังได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร” ตั้งแต่ปี 2534 (ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร)อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตั้งอยู่ใน อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย มีโบราณสถานทั้งในและนอกกำแพงเมืองรวมทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 200 แห่ง ซึ่งหากว่าจะเดินชมให้ครบทุกแห่งในทริปเดียวก็อาจจะเป็นเรื่องยากมาก เราเลยขอรวบรวม 13 ไฮไลต์ “อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย” สำหรับคนที่มีเวลาเที่ยวน้อย แต่ก็ได้ชมความงดงามของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งนี้วัดมหาธาตุ“วัดมหาธาตุ” เป็นวัดขนาดใหญ่ที่สำคัญที่สุดแห่ง(อดีต)อาณาจักรสุโขทัย มีเจดีย์อยู่มากมายรวมแล้วกว่า 200 องค์ โดยมีเจดีย์ประธานเป็นเจดีย์ทรง“ดอกบัวตูม” หรือ “ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์” ที่คงความเป็นเอกลักษณ์และความคลาสสิกแห่งงานสถาปัตยกรรมสุโขทัยอย่างเด่นชัด สืบตกทอดมาจนถึงปัจจุบันองค์เจดีย์ประธานวัดมหาธาตุสันนิษฐานว่าเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยชั้นล่างสุดมีพระพุทธสาวกเดินพนมมือประทักษิณ ส่วนบนฐานเดียวกันยังมีปรางค์ 4 องค์ประจำอยู่บริเวณมุมทั้ง 4 ทิศ และบริเวณมุมทั้ง 4 ทิศยังมีเจดีย์ทรงปราสาทแบบศรีวิชัยผสมลังกา 4 องค์นอกจากนี้ที่วัดมหาธาตุยังมี “เจดีย์ 5 ยอด” เป็นเจดีย์รองประธานของวัด ซึ่งสันนิษฐานว่าภายในเจดีย์บรรจุอัฐิของพระมหาธรรมราชาลิไท และมี “วิหารพระศรีศากยมุนี” หรือ “วิหารหลวง” เป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ในวิหารหลวงประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยที่มีพระวรกายอวบอิ่ม พระพักตร์อมยิ้ม ดูอิ่มบุญเปี่ยมศรัทธาในช่วงยามเย็นวัดมหาธาตุ นับเป็นอีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ตกแสนสวยแห่งดินแดนมรดกโลกสุโขทัย ซึ่งแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวมาเฝ้ารอถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกที่วัดมหาธาตุกันเป็นจำนวนมากวัดตระพังทองเริ่มต้นยามเช้าที่เมืองเก่าสุโขทัยด้วยกิจกรรมตักบาตรยามเช้า ใส่บาตรสะพานบุญ รับอรุณสุโขทัย ที่ “วัดตระพังทอง” โดยจะมีการตักบาตรทุกวัน เวลาประมาณ 06.20 น. บริเวณสะพานบุญ วัดตระพังทอง ตั้งอยู่ทางเข้าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยตักบาตรยามเช้าแล้วก้เดินเข้ามาชมภายในวัดกันต่อ วัดตระพังทอง เป็นวัดบนเกาะกลางน้ำ ซึ่งคำว่าตระพัง มีรากศัพท์มาจากภาษาเขมรว่า “ตรฺพำง” (อ่านว่า ตรอ-เปียง) แปลว่า บ่อหรือสระน้ำที่ขุดขึ้น และคติการสร้างวัดบนเกาะกลางน้ำ เชื่อว่าได้รับอิทธิพลมาจากการเผยแผ่พุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ซึ่งแพร่หลายในสมัยสุโขทัยเป็นราชธานีภายในวัดมี “เจดีย์ประธาน” เป็นเจดีย์ทรงลังกา หรือทรงระฆัง มีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่าเจดีย์ทรงระฆังสมัยสุโขทัย ด้านหลังของเจดีย์ประธาน มี “พระอุโบสถ” ที่สร้างขึ้นใหม่บนฐานพระอุโบสถหลังเก่าสมัยสุโขทัย ภายในประดิษฐาน “หลวงพ่อขาว” เป็นพระประธาน นอกจากนี้ ยังมีมณฑปจัตุรมุข ประดิษฐาน “รอยพระพุทธบาทเบื้องขวา” ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระมหาธรรมราชาลิไท กรุงสุโขทัยวัดศรีสวายเชื่อว่าแต่เดิมเคยเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูมาก่อนแล้วแปลงเป็นพุทธสถาน โดยต่อเติมวิหารขึ้นที่ด้านหน้าเป็นวัดในพุทธศาสนาในภายหลัง โดดเด่นไปด้วยพระปรางค์ 3 องค์เรียงกัน ศิลปะแบบลพบุรี บนยอดขององค์ปรางค์มีลวดลายปูนปั้นบางส่วนที่ยังคงมีสภาพสมบูรณ์สวยงามอีกทั้งยังมีการค้นพบทับหลังสลักรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูปและศิวลึงค์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวัดนี้เคยเป็นเทวสถานของพราหมณ์มาก่อนแล้วจึงแปลงเป็นพุทธสถานวัดสระศรีตั้งอยู่บนเกาะกลางสระน้ำขนาดใหญ่ชื่อ“ตระพังตระกวน” ภายในวัดมีเจดีย์รายขนาดเล็ก และเจดีย์ประธานองค์ใหญ่ทรงลังกาเป็นจุดเด่นสำคัญ ด้านหน้าวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปางมารวิชัย จากฝั่งไปบนเกาะมีสะพานเล็กๆสร้างทอดเชื่อมดูมีเสน่ห์สวยงามวัดสระศรีได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ตกที่งดงาม โดยเฉพาะในมุมมองผ่านสระน้ำสะท้อนเงาองค์เจดีย์ที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมากพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช“พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช” สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นราชสักการะแด่พ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระมหากษัตริย์ในสมัยสุโขทัยผู้มีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่และทรงมีพระปรีชาสามารถนานัปการ อาทิ การประดิษฐ์อักษรไทย การปกครองแบบพ่อปกครองลูก บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข และอุดมสมบูรณ์มีลักษณะพระพักตร์และทรวดทรงของพระบรมรูป ที่ทางกรมศิลป์ได้จินตนาการตามลักษณะของสุภาพชนและเจ้านายสมัยสุโขทัย อีกทั้งลักษณะของพระพักตร์ยังเป็นการจำลองแบบตามพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยอีกด้วยวัดศรีชุม“วัดศรีชุม” ตั้งอยู่ด้านนอกกำแพงเมือง เป็นที่ประดิษฐาน “พระอจนะ” (อจนะหมายถึงผู้ไม่หวั่นไหว หรือการบูชานับถือ) พระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยปางมารวิชัยสูง 15 เมตร กับพุทธลักษณะอันงดงามสมส่วน จัดเป็นหนึ่งในงานพุทธศิลป์ชิ้นเอกและเป็นพระพุทธรูปสุโขทัยโบราณองค์ใหญ่ที่สุดที่ยังหลงเหลือตกทอดมาจนถึงปัจจุบันพระอจนะ ได้ชื่อว่า “พระพุทธรูปพูดได้” เพราะในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้มาชุมนุมทัพที่วัดศรีชุม พระองค์ทรงวางแผนสร้างกำลังใจให้กับทัพทหารโดยการให้คนปีนบันไดขึ้นไปทางด้านหลังองค์พระเพื่อและพูดให้กำลังใจแก่เหล่าทหาร ทำให้เกิดตำนานพระพุทธรูปพูดได้ขึ้นที่วัดแห่งนี้ นับเป็นภูมิปัญญาคนโบราณที่น่าทึ่งเป็นอย่างยิ่งวัดพระพายหลวง“วัดพระพายหลวง” ตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง ใกล้กับวัดศรีชุม ผังบริเวณวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีคูน้ำล้อมรอบ 3 ชั้น คูชั้นนอกเรียก "คูแม่โจน" วัดพระพายหลวงนี้เป็นศูนย์กลางของชุมชนในระยะแรกก่อนการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย ซึ่งโดดเด่นด้วยองค์ปรางค์ศิลาแลง 3 องค์ เป็นศิลปะในยุคเดียวกับศิลปะเขมรแบบบายน สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ส่วนด้านหน้าของวัดเป็นอาคารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น 4 อิริยาบถ คือนั่ง นอน ยืน เดินหอพระพุทธสิริมารวิชัยภายในประดิษฐาน "พระพุทธสิริมารวิชัย" พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยสมัยสุโขทัยองค์เก่าแก่ที่แต่เดิมได้หักพังเสียหายหลังจากเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นในเมืองสุโขทัยเมื่อปี 2511 แต่ต่อมามีการบูรณะซ่อมแซมองค์พระขึ้นใหม่ รวมทั้งสร้างหอพระที่ประดิษฐานให้แก่พระพุทธรูปใครที่มากราบองค์พระพุทธสิริมารวิชัยแล้ว ก็ไม่ควรพลาดการชื่นชมความงามของภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่เขียนขึ้นอย่างสวยงามด้วยเทคนิคสมัยใหม่ด้วยการเขียนภาพลงบนผืนผ้าใบ ก่อนนำไปติดบนฝาผนังเพื่อให้ภาพคงทนยืนยาว และตัวอาคารหอพระพุทธอันงดงามซึ่งสร้างขึ้นตามแบบงานสถาปัตยกรรมยุคสุโขทัย โดยพลอากาศตรีอาวุธ เงินชูกลิ่น ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ อดีตอธิบดีกรมศิลปากรวัดช้างล้อมเป็นวัดในเขตนอกกำแพงเมืองทางฝั่งตะวันออก เชื่อว่าสร้างเพื่ออุทิศให้กับพระมหาธรรมราชาที่ 1 ราวศตวรรษที่ 20 จุดเด่นที่ตัวเจดีย์ทรงลังกา หรือระฆังคว่ำ มีช้างล้อมรอบคล้ายคลึงกับเจดีย์วัดสรศักดิ์ (มีช้างล้อมชั้นเดียว) และเจดีย์วัดช้างล้อม อีกแห่งในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย แต่ที่นี่จะต่างกันตรงที่มีฐานช้างล้อมสูงสองชั้น ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ โดยรอบฐานประกอบด้วยช้างจำนวน 32 เชือก และยังมีฐานกำแพงแก้วก่อด้วยอิฐล้อมรอบวัดเจดีย์สี่ห้องเป็นโบราณสถานทางตอนใต้ของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย คาดว่าสร้างราวพุทธศตวรรษที่ 20 เป็นวัดที่มีคูน้ำล้อมรอบ มีเจดีย์ประธาน เป็นทรงระฆังกลมส่วนยอดของเจดีย์ได้พังทลายลง คงปรากฏส่วนปล้องไฉนตกอยู่ที่ฐานเจดีย์ ฐานเจดีย์ประธานมีภาพปูนปั้นประดับอยู่โดยรอบ ปั้นเป็นรูปบุคคล รูปบุรุษและสตรี สวมอาภรณ์และเครื่องประดับต่าง ๆ กัน ในมือถือภาชนะมีพันธุ์พฤกษางอกโผล่พ้นออกมาแสดงถึงความเจริญงอกงามและความอุดมสมบูรณ์ ภาชนะนี้เรียกว่า หม้อปูรณฆฏะวัดเชตุพนเป็นวัดโบราณขนาดใหญ่ ตั้งอยู่นอกอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย รอบวัดมีคูน้ำล้อมรอบเพื่อแสดงเขตพุทธาวาส ซึ่งเป็นแบบแผนของวัดในอาณาจักรสุโขทัย ด้านในมี "มณฑปจัตุรมุข" ทรงสี่เหลี่ยม ประดิษฐานพระพุทธรูปสี่อิริยาบท ซึ่งประกอบด้วย อิริยาบถยืน เดิน (ลีลา) นั่ง นอน (ไสยาสน์) ส่วนแกนกลางมณฑปนี้ใช้รองรับโครงสร้างของหลังคา โดยมณฑปนี้ยังมีอยู่ที่วัดอื่นๆ อีกเช่น วัดพระพายหลวง และวัดพระสี่อิริยาบถด้านหลังมณฑปจัตุรมุขมี เจดีย์ทรงวิมานย่อมุมไม้ยี่สิบ มีเสาก่อซ้อนกันเป็นหลังคา ที่ผนังมีลายเขียนเส้นสีดำลวดลายพรรณพฤกษา ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว ซึ่งเป็นลูกกรงสร้างจากหินชนวน เป็นแท่งขนาดใหญ่และหนา มีการสกัดทำเป็นรูเดือยเพื่อรับซี่ลูกกรงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหงตั้งอยู่ตรงทางเข้าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จัดแสดงโบราณวัตถุที่ได้จากการขุดแต่งบูรณะโบราณสถานในเขตเมืองเก่าสุโขทัย เมืองโบราณใกล้เคียง และอีกส่วนหนึ่งเป็นโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่พระโบราณวัตถาจารย์(พระราชประสิทธิคุณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดราชธานีและเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย ได้อนุญาตให้เคลื่อนย้ายจากพิพิธภัณฑ์ในวัดราชธานีมาเก็บรักษาและจัดแสดงตลาดท่าน้ำรับเสด็จเป็นตลาดยามเย็นที่จะเปิดขายเฉพาะคืนวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา16.00-20.00น. บริเวณริมหนองน้ำในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยภายในตลาดท่าน้ำรับเสด็จ มีร้านค้าขายสินค้าพื้นบ้าน เครื่องปั้นดินเผา เครื่องเงิน ขนมผิง ถั่วทอด ผลไม้กวน เสื้อผ้าพื้นเมือง รวมทั้งร้านขายอาหาร มีจุดนั่งรับประทานอาหารริมน้ำ สามารถชมพระอาทิตย์ตกดินยามเย็นไปพร้อมๆ กับลิ้มรสอาหารท้องถิ่นสำหรับการท่องเที่ยวในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จะแบ่งออกเป็นภายในเขตกำแพงเมืองและนอกเขตกำแพงเมือง โดยด้านนอกเขตกำแพงเมืองอาจจะต้องเดินทางโดยรถยนต์หรือเช่ารถท้องถิ่น แต่หากว่าใครมีแรงพออาจจะใช้จักรยานปั่นชมรอบๆ ก็ได้ส่วนในเขตกำแพงเมือง นักท่องเที่ยวนิยมปั่นจักรยานชมโบราณสถานรอบๆ ในแบบไม่รีบเร่ง จะได้ซึมซับบรรยากาศรอบๆ ได้เต็มอิ่ม แต่ถ้าใครไม่อยากปั่นจักรยาน ก็ยังมีบริการรถรางชมรอบๆ และรถไฟฟ้านำเที่ยวอีกด้วย#########################################สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ [email protected] หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline