พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 หรือ พรบ. สิ่งแวดล้อมฯ ได้ประกาศใช้ในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2535 จัดเป็นมาตรการหนึ่งของนโยบายของรัฐ เพื่อทำให้สิ่งแวดล้อมอยู่ในสภาพดี และมีการจัดการทรัพยากรอย่างเหมาะสม กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรมีมากมาย ฉบับแรกที่ประกาศใช้ คือ พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2518 ซึ่งจัดเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อมโดยตรง และได้มีการแก้ไขจนกระทั่งมี พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ ดังนี้1. เพื่อเป็นการสนับสนุนและให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม หรืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ2. เพื่อเป็นการป้องกันแก้ไข ระงับหรือบรรเทาเหตุฉุกเฉิน หรือเหตุภยันตรายจากภาวะมลพิษ3. เพื่อประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ ข้อมูลหรือข่าวสาร เพื่อสร้างจิตสำนึกของสาธารณชนที่ถูกต้องเกี่ยวกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ 4. เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งริเริ่มโครงการหรือกิจกรรม เพื่อคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่นั้น5. เพื่อศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และเสนอแนะความคิดเห็นต่อรัฐบาลหรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง6. เพื่อให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนผู้ได้รับอันตรายหรือความเสียหายจากภาวะมลพิษอันเกิดจากการรั่วไหล หรือแพร่กระจายของมลพิษ รวมทั้งเป็นผู้แทนในคดีที่มีการฟ้องร้อง ต่อศาล เพื่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน หรือค่าเสียหายให้แก่ผู้ที่ได้รับอันตรายหรือความเสียหาย นั้นด้วยเนื่องจากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กลับทวีความรุนแรง ดังนั้นประเทศไทยต้องมีการปรับให้เข้ากับสภาวะการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยในประเด็นหลักของ พรบ. สิ่งแวดล้อมฯ พ.ศ. 2535 นี้ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ที่คล้ายกับกฎหมายสิ่งแวดล้อมทั่วไปของต่างประเทศ คือ1. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ2. กองทุนสิ่งแวดล้อม3. การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ซึ่งประกอบไปด้วยมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อม การวางแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม เขตอนุรักษ์และพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม การทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม4. การควบคุมมลพิษประกอบด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมมลพิษ มาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดมลพิษทางน้ำ มลพิษอื่นและของเสียอันตราย การตรวจสอบและควบคุม ค่าบริการและค่าปรับ5. การมีมาตรการส่งเสริม6. ความรับผิดชอบทางแพ่ง 7. บทกำหนดโทษและบทเฉพาะกาล รายละเอียดต่างๆ ในกฎหมายฉบับนี้ให้ความสำคัญกับการควบคุมร่วมกับการให้สิ่งจูงใจให้ปฏิบัติตาม และการกำหนดมาตรฐานของสิ่งแวดล้อมรายละเอียดที่บันทึกภายในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ประกอบด้วยทั้งหมด 7 หมวด 115 มาตราตารางที่ 8.3 หมวดและมาตราของกฎหมายสิ่งแวดล้อม หมวด มาตรา พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพ.ศ. 2535 หมวด 1 คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มาตรา 12-21 หมวด 2 กองทุนสิ่งแวดล้อม มาตรา 22-31 หมวด 3 การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตารางที่ 8.3 หมวดและมาตราของกฎหมายสิ่งแวดล้อม (ต่อ) หมวด มาตรา ส่วนที่ 1 มาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อม มาตรา 32-34 ส่วนที่ 2 การวางแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม มาตรา 35-41 ส่วนที่ 3 เขตอนุรักษ์และพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม มาตรา 42-45 ส่วนที่ 4 การทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม มาตรา 46-51 หมวด 4 การควบคุมมลพิษ ส่วนที่ 1 คณะกรรมการควบคุมมลพิษ มาตรา 52-54 ส่วนที่ 2 มาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด มาตรา 55-58 ส่วนที่ 3 เขตควบคุมมลพิษ มาตรา 59-63 ส่วนที่ 4 มลพิษทางอากาศและเสียง มาตรา 64-68 ส่วนที่ 5 มลพิษทางน้ำ มาตรา 69-77 ส่วนที่ 6 มลพิษอื่นและของเสีย มาตรา 78-79 ส่วนที่ 7 การตรวจสอบและควบคุม มาตรา 80-87 หมวด 5 มาตรการส่งเสริม มาตรา 94-95 หมวด 6 ความรับผิดทางแพ่ง มาตรา 96-97 หมวด 7 บทกำหนดโทษ มาตรา98-111 บทเฉพาะกาล มาตรา112-115 สรุปการอนุรักษ์พลังงาน คือ การผลิตและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัด การอนุรักษ์พลังงานนอกจากจะช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานแล้ว ยังจะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดจากแหล่งที่ใช้และผลิตพลังงานด้วยพลังงานมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม อุตสาหกรรม คมนาคม เกษตรกรรม และอื่นๆ การใช้พลังงานเพื่อตอบสนองการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง การอนุรักษ์พลังงานจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการอนุรักษ์พลังงานนอกจากจะช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานแล้วยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆ และยังจะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากแหล่งที่ใช้และผลิตพลังงานด้วย
พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 หรือ พรบ. สิ่งแวดล้อมฯ ได้ประกาศใช้ในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2535 จัดเป็นมาตรการหนึ่งของนโยบายของรัฐ เพื่อทำให้สิ่งแวดล้อมอยู่ในสภาพดี และมีการจัดการทรัพยากรอย่างเหมาะสม กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรมีมากมาย ฉบับแรกที่ประกาศใช้ คือ พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2518 ซึ่งจัดเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อมโดยตรง และได้มีการแก้ไขจนกระทั่งมี พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
1. เพื่อเป็นการสนับสนุนและให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม หรืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
2. เพื่อเป็นการป้องกันแก้ไข ระงับหรือบรรเทาเหตุฉุกเฉิน หรือเหตุภยันตรายจากภาวะมลพิษ
3. เพื่อประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ ข้อมูลหรือข่าวสาร เพื่อสร้างจิตสำนึกของสาธารณชนที่ถูกต้องเกี่ยวกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
4. เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งริเริ่มโครงการหรือกิจกรรม เพื่อคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่นั้น
5. เพื่อศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และเสนอแนะความคิดเห็นต่อรัฐบาลหรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
6. เพื่อให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนผู้ได้รับอันตรายหรือความเสียหายจากภาวะมลพิษอันเกิดจากการรั่วไหล หรือแพร่กระจายของมลพิษ รวมทั้งเป็นผู้แทนในคดีที่มีการฟ้องร้อง ต่อศาล เพื่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน หรือค่าเสียหายให้แก่ผู้ที่ได้รับอันตรายหรือความเสียหาย นั้นด้วย
เนื่องจากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กลับทวีความรุนแรง ดังนั้นประเทศไทยต้องมีการปรับให้เข้ากับสภาวะการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยในประเด็นหลักของ พรบ. สิ่งแวดล้อมฯ พ.ศ. 2535 นี้ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ที่คล้ายกับกฎหมายสิ่งแวดล้อมทั่วไปของต่างประเทศ คือ
1. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
2. กองทุนสิ่งแวดล้อม
3. การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ซึ่งประกอบไปด้วยมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อม การวางแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม เขตอนุรักษ์และพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม การทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
4. การควบคุมมลพิษประกอบด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมมลพิษ มาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดมลพิษทางน้ำ มลพิษอื่นและของเสียอันตราย การตรวจสอบและควบคุม ค่าบริการและค่าปรับ
5. การมีมาตรการส่งเสริม
6. ความรับผิดชอบทางแพ่ง
7. บทกำหนดโทษและบทเฉพาะกาล รายละเอียดต่างๆ ในกฎหมายฉบับนี้ให้ความสำคัญกับการควบคุมร่วมกับการให้สิ่งจูงใจให้ปฏิบัติตาม และการกำหนดมาตรฐานของสิ่งแวดล้อม
รายละเอียดที่บันทึกภายในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ประกอบด้วยทั้งหมด 7 หมวด 115 มาตรา
ตารางที่ 8.3 หมวดและมาตราของกฎหมายสิ่งแวดล้อม
หมวด
มาตรา
พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพ.ศ. 2535
หมวด 1
คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
มาตรา 12-21
หมวด 2
กองทุนสิ่งแวดล้อม
มาตรา 22-31
หมวด 3
การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ตารางที่ 8.3 หมวดและมาตราของกฎหมายสิ่งแวดล้อม (ต่อ)
ส่วนที่ 1 มาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อม
มาตรา 32-34
ส่วนที่ 2 การวางแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม
มาตรา 35-41
ส่วนที่ 3 เขตอนุรักษ์และพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม
มาตรา 42-45
ส่วนที่ 4 การทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
มาตรา 46-51
หมวด 4
การควบคุมมลพิษ
ส่วนที่ 1 คณะกรรมการควบคุมมลพิษ
มาตรา 52-54
ส่วนที่ 2 มาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด
มาตรา 55-58
ส่วนที่ 3 เขตควบคุมมลพิษ
มาตรา 59-63
ส่วนที่ 4 มลพิษทางอากาศและเสียง
มาตรา 64-68
ส่วนที่ 5 มลพิษทางน้ำ
มาตรา 69-77
ส่วนที่ 6 มลพิษอื่นและของเสีย
มาตรา 78-79
ส่วนที่ 7 การตรวจสอบและควบคุม
มาตรา 80-87
หมวด 5
มาตรการส่งเสริม
มาตรา 94-95
หมวด 6
ความรับผิดทางแพ่ง
มาตรา 96-97
หมวด 7
บทกำหนดโทษ
มาตรา98-111
บทเฉพาะกาล
มาตรา112-115
สรุป
การอนุรักษ์พลังงาน คือ การผลิตและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัด การอนุรักษ์พลังงานนอกจากจะช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานแล้ว ยังจะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดจากแหล่งที่ใช้และผลิตพลังงานด้วย
พลังงานมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม อุตสาหกรรม คมนาคม เกษตรกรรม และอื่นๆ การใช้พลังงานเพื่อตอบสนองการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง การอนุรักษ์พลังงานจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการอนุรักษ์พลังงานนอกจากจะช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานแล้วยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆ และยังจะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากแหล่งที่ใช้และผลิตพลังงานด้วย