ตํานานพระนางเลือดขาว มัสสุหรี

เรื่องจริงไม่อิงนิยาย เรื่องมหัศจรรย์ เรื่องปาฏิหาริย์ ความดีเป็นสิ่งไม่ตาย... http://winne.ws/n18403

ตํานานพระนางเลือดขาว มัสสุหรี

โดย Pak Chan

28 ส.ค. 2560 - 17.27 น. , แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 2560 - 09.10 น.

1.6 หมื่น ผู้เข้าชม

Tags :

เรื่องย่อพระนางมัสสุหรี หรือ พระนางเลือดขาว

มัสสุหรี เป็นคนไทยลูกหลานชาวภูเก็ต พ่อแม่ทำการค้าทางเรือระหว่างเกาะภูเก็ตกับเกาะปีนังได้เกิดเรือล่มกลางทะเล ทั้งสามพ่อแม่ลูกรอดตายปาฏิหาริย์จากการอธิษฐานขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยไปติดที่เกาะลังกาวี  ต่อมาได้เกิดวิกฤตภัยแล้งอย่างหนักบนเกาะผู้คนเดือดร้อน บ้างก็ต้องอพยพ มัสสุหรีได้ขอพรจากพระเจ้าให้ประทานแหล่งน้ำ  ระหว่างอธิษฐานก็ไปสะกิดก้อนกรวดหินทำให้พบตาน้ำไหลออกมาได้ประกาศแจ้งให้ชาวบ้านทราบ ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วเกาะ  ชาวบ้านได้มาดื่มกินและนำกลับบ้านอีกทั้งยังช่วยให้หายจากโรคได้ด้วย

มัสสุหรี เป็นเด็กขยัน เด็กดีของพ่อแม่ ช่วยเหลืองานบ้านงานเรือนซื่อสัตย์ และเชื่อฟังพ่อแม่ ยามใดมีคนตกยากหรือขอทานผ่านมา ก็จะให้ทานเป็นน้ำข้าวปลาอาหารสม่ำเสมอจนกระทั่งโตเป็นสาว เนื่องจากความงามและความมีน้ำใจ ได้ดังกระฉ่อนไปถึงหูของเจ้าชายวันดารุดลูกชายของสุลต่านผู้ปกครองเกาะลังกาวี  โดยได้ปลอมตัวเป็นคนขอทาน มาขอข้าวขอน้ำที่หน้าบ้านของมัสสุหรี  นางมัสสุหรีก็นำข้าวปลามาให้จนเป็นที่พอใจของเจ้าชายวันดารุดจึงได้ให้พระมารดาไปสู่ขอ แต่เมื่อพระมารดาทราบว่าเป็นหญิงสาวชาวบ้านคนไทยอพยพมาจากภูเก็ต ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ก็ปฏิเสธทันที

เจ้าชายวันดารุดจึงยื่นคำขาดว่าจะฆ่าตัวตายเมื่อเกรงว่าเจ้าชายจะฆ่าตัวตายจึงยอมตามคำขอ แต่ก็เกลียดมัสสุหรีมากหวังจะกำจัดมัสสุหรี โดยกลั่นแกล้งตลอด

พระนางมัสสุหรี คลอดบุตรชายได้เพียง 3 วันเจ้าชายวันดารุดต้องไปออกศึก จึงได้มอบหมายองครักษ์คู่ใจให้มารับใช้พระนางมัสสุหรี  ด้วยความเกลียดชังและความริษยาของพระมารดา เมื่อสบโอกาสก็ให้ทำงานหนัก และหาเรื่องใส่ร้ายว่าพระนางมัสสุหรีเป็นชู้กับองครักษ์  มีโทษประหารสถานเดียวเพชฌฆาตพยายามฆ่าพระนางมัสสุหรีแต่ก็ทำอะไรไม่ได้  พระนางจึงบอกว่ามีเพียงกริชของพระนางเท่านั้นที่จะฆ่าพระนางได้   ก่อนที่เพชฌฆาตจะลงมือประหาร  พระนางมัสสุหรีได้กล่าวว่า “ฟ้าดินเป็นพยาน  ข้านี้ถูกใส่ร้าย  ข้าไม่เคยคบชู้สู่ชายหากข้าไม่ผิดขอให้โลหิตของข้าเป็นสีขาว และอย่าให้โลหิตของข้าหลั่งลงพื้นดิน  ฟ้าดินเป็นพยาน”  สิ้นคำกล่าวของพระนาง เพชฌฆาตก็ปักกริชลงบนคอเสียงร้องของพระนางดังไปทั่วบริเวณเลือดสีขาวของพระนางพุ่งขึ้นเหมือนร่มโดยไม่ตกลงพื้นแม้แต่หยดเดียว  

ก่อนสิ้นใจหันไปดูบุตรชายซึ่งร้องเสียงดังเหมือนรับรู้ความเจ็บปวดของแม่ได้อ้อนวอนพระมารดาขอกอดลูก และขอให้นมบุตรเป็นครั้งสุดท้าย  แต่พระมารดาไม่ยอม  พระนางมัสสุหรีจึงสาปแช่งว่า “หากนางเป็นผู้บริสุทธิ์มันผู้ใดที่อยู่บนเกาะลังกาวี จงประสบทุกข์เข็ญนานตราบชั่ว 7 อายุคนและบอกพ่อกับแม่ของพระนางให้เอากล้วยน้ำว้าป้อนลูกแทนนม แล้วจึงสิ้นใจ

เจ้าชายระหว่างกลับได้นิมิตเห็นพระนางมัสสุหรีจึงประกาศว่าใครทำร้ายพระนางมัสสุหรีจะฆ่าให้ตายตามไปแต่เมื่อกลับมาถึงเกาะลังกาวี ก็กลายเป็นเหมือนเกาะร้างเมื่อทราบว่าเป็นการกระทำของพระมารดา  จึงได้สละราชสมบัติ  หอบลูกไปอยู่ภูเก็ตบ้านเดิมของ พระนางมัสสุหรี  จนกระทั่งทายาทรุ่นที่ 7 ได้กลับมาถอนคำสาป ซึ่งก็คือพระนางมัสสุหรีกลับชาติมาเกิดนั่นเอง

กล่าวถึงพระมารดาเมื่อสิ้นพระชนม์ พระศพก็ไม่สามารถฝังที่ใดได้เลย ฝังที่ใดทรายก็จะดันขึ้นมาเสมอจนกระทั่งต้องไปทำพิธีบนบานที่สุสานของพระนางมัสสุหรีจึงสามารถนำพระศพไปฝังไว้บริเวณหาดทราย และสีของหาดทรายกลายเป็นสีดำในทันที

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : krishnadragon, 9palaceและบันทึกตำนาน

: https://www.youtube.com/watch?v=tKBn3ValdqY&t=75s

: https://www.youtube.com/watch?v=VrHnDQvnxfI

: https://www.youtube.com/watch?v=b6CbweQhIeo

: https://www.youtube.com/watch?v=ZkSssqSgJhU

ตํานานพระนางเลือดขาว มัสสุหรี

           

สวัสดีครับ พี่ลาเต้ เชื่อว่าหลายคนต้องเคยได้ยินเรื่องนี้.. พระนางมัสสุหรีผู้รับเคราะห์กรรมจากการทรยศหักหลัง จนถูกตัดสินให้นางถึงแก่ความตาย นางสิ้นชีวิตลงพร้อมกับคำสาปแช่งว่า ''จะไม่เกิดสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองบนเกาะแห่งนี้ เป็นเวลา 7 ชั่วอายุคน" ซึ่งเกาะที่ว่านี้ ปัจจุบันคือเกาะลังกาวี วันนี้ พี่ลาเต้ จะพามาย้อนรอยเรื่องราวตำนานในครั้งนี้กันครับ

           เกาะต้องคำสาป หรือเกาะลังกาวี เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวของประเทศมาเลเซีย อยู่ใกล้กับเกาะภูเก็ตของประเทศไทย ตำนานเล่าว่า เมื่อหลายร้อยปีก่อนบุตรสาวของพ่อค้าจากเกาะภูเก็ตชื่อ มัสสุหรี เป็นเด็กจิตใจดีเป็นที่รักของคนทั่วไปได้แต่งงานกับองค์รัชทายาท (เจ้าชายวันดารุส) ผู้ครองเกาะลังกาวี และมีโอรสด้วยกัน 1 พระองค์ นามว่า  "วันฮาเกม" ต่อมาพระนางมัสสุหรีถูกพระมารดาขององค์รัชทายาทกล่าวหาว่าคบชู้ ตอนพระสวามีออกไปทำศึกสงคราม จึงถูกตัดสินประหารชีวิต


 

ตํานานพระนางเลือดขาว มัสสุหรี

(ซ้าย) ภาพวาดจำลองพระนางมัสสุหรี
(ขวา) ภาพหาดทรายสีดำ หลังจากการถอนคำสาป เริ่มกลายเป็นสีขาว
ขอบคุณภาพจาก http://board.postjung.com/760781.html และ http://chanelnews.sayhibeauty.com/

 

           ก่อนตายนางได้อธิษฐานว่าหากตนบริสุทธิ์ขอให้เลือดไหลออกมาเป็นสีขาว พร้อมสาปแช่งให้ผู้คนบนเกาะลังกาวีประสบแต่ความทุกข์ยากตลอด 7 ชั่วอายุคน ขณะที่คมกริชจดลงไปบนคอโลหิตสีขาวก็พวยพุ่งขึ้นสู่เบื้องบน แสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ของนาง

           เมื่อองค์รัชทายาทพระสวามีของพระนางมัสสุหรีเสด็จกลับมา สภาพเกาะเหมือนเกาะร้าง แทนที่จะมีเสียงประชาชนเข้ามาล้อมต้อนรับเช่นทุกครั้ง แต่กลับเงียบเหมือนเมืองร้าง ผู้คนไม่รู้หายไปไหนหมด และเมื่อทรงทราบเรื่องภรรยาผู้เป็นที่รักตายจากไป ก็ทรงโศกเศร้าเป็นอย่างมาก ทรงตัดสินพระทัยสละราชสมบัติ แล้วหอบโอรสกลับไปยัง จ.ภูเก็ต บ้านเกิดของพระนางมัสสุหรีแล้วอาศัยอยู่ที่นั้นจนช่วงสุดท้ายของชีวิต

           ทางด้านพระมารดาขององค์รัชทายาท เมื่อสิ้นพระชนม์ พระศพก็ไม่สามารถฝั่งที่ใดบนเกาะลังกาวีได้เลย ฝังที่ใดทรายก็จะดันร่างขึ้นมาเสมอ จนต้องไปกลับทำพิธีบนบานที่สุสานพระนางมัสสุหรี จึงสามารถนำพระศพไปฝั่งไว้ที่บริเวณหาดทรายได้ แต่สีของหาดทรายกลายเป็นสีดำในทันทีเมื่อร่างถูกฝังลงไป อย่างที่ปรากฏหาดทรายสีดำในปัจจุบัน

           สำหรับสุสานของพระนางมัสสุหรีนั้น ปัจจุบันตั้งอยู่บนเกาะลังกาวี สร้างด้วยหินอ่อน และคำจารึกภาษามาเลเซียและภาษาอังกฤษ ซึ่งมีข้อความว่า.... "มัสสุหรีผู้รับเคราะห์กรรมจากการทรยศหักหลัง และความอิจฉาริษยาจนถูกตัดสินให้นางถึงแก่ความตายลง เมื่อศักราช (อิสลาม) 1235 หรือ คริสต์ศักราช 1819 (พ.ศ. 2362) นางสิ้นชีวิตลงพร้อมกับคำสาปแช่งที่แห่งนี้ว่า ''จะไม่เกิดสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองบนเกาะแห่งนี้ เป็นเวลา 7 ชั่วอายุคน'' และนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา "เกาะลังกาวี" ก็กลายเป็นดินแดนที่เงียบเหงา ผู้คนอยู่กันอย่างไม่มีความสุข มาตั้งแต่ พ.ศ.2362 กินเป็นเวลา 181 ปี เป็นอาถรรพ์ครอบคลุมมาถึง 7 ชั่วอายุคน จนกลายเป็นที่มาของการตามหาทายาทรุ่นที่ 7 ของพระนางมัสสุหรี เพื่อไปถอนคำสาป


 

ตํานานพระนางเลือดขาว มัสสุหรี

สุสานพระนางมัสสุหรี บนเกาะลังกาวี
ขอบคุณภาพจาก http://oknation.nationtv.tv/blog/mickeyjal/2013/10/27/entry-1

ตํานานพระนางเลือดขาว มัสสุหรี

นี่คือ "กริซ" ที่ใช้ในการปลงพระชนม์พระนางมัสสุรี จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์พระนางมัสสุหรี บนเกาะลังกาวี
ขอบคุณภาพจาก http://oknation.nationtv.tv/blog/mickeyjal/2013/10/27/entry-1

           จนกระทั่งในช่วงปีราวๆ พ.ศ.2542 หนังสือพิมพ์หลายสำนักของมาเลเซีย และรัฐบาลมาเลเซีย ต่างพากันออกตามหาผู้สืบทอดเชื้อสายของพระนางมัสสุหรี จนมาพบว่าทายาทรุ่นที่ 7 ได้อาศัยอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย ซึ่งก็คือ นางสาวศิรินทรา ยายี มีหลักฐานมากมายที่แสดงถึงความเป็นทายาทผู้ถอนคำสาป ไม่ว่าจะเป็นกริซประจำตระกูล รูปภาพ และบรรพบุรุษชื่อ "วันฮาเกม" ทางรัฐบาลจึงเชิญพระนางทายาทรุ่นที่ 7 กลับสู่เกาะลังกาวี เพื่อถอนคำสาป

           จากคำบอกเล่าของ นางสุนี ยายี (แม่ของศิรินทรา ยายี) เล่าว่า.. นับจากรุ่น "วันดารุส" และ "วันมัสสุหรี" แล้ว ก็เป็นรุ่น "วันฮาเกม" สู่รุ่น "วันฮาเก" สู่รุ่น "วันฮูเซน" สู่รุ่น "วันฮาเฉน" สู่รุ่น "วันนาวาวี" โดย 6 ชั่วคนนี้ สืบทอดเชื้อสายเป็น 4 ตระกูล คือ "ยายี" "ดุมลักษณ์" "สังวาล" และ "แสงทอง"

           นางสาวศิรินทรา ยายี ทายาทรุ่นที่ 7 ของพระนางมัสสุหรี ได้ให้สัมภาษณ์ในวันที่เดินทางไปเกาะลังกาวีอีกครั้งว่า... "ตอนนั้นอายุ 13-14 เขาก็ชวนให้มาทำพิธีแก้คำสาปที่ลังกาวี วันที่มาก็ได้พบกับ ดร.มหาธีร์ (นายกรัฐมนตรีมาเลเซียขณะนั้น) ท่านก็ถามว่าหนูเกิดวันที่ 8 เดือนสิงหาคม พ.ศ.2528 แรม 8 ค่ำ ใช่มั้ย หนูบอกว่าใช่ค่ะ ท่านก็บอกว่าเราเป็นคนลังกาวีเหมือนกันนะ ได้คุยกันนิดเดียว

           วันนั้นเขาพาไปที่พิพิธภัณฑ์ มีการแสดงละครเรื่องวันมะห์ซูรี แดดออกอยู่ดีๆ พอถึงฉากประหารฝนก็ตก พอจบฉากประหารฝนหยุด ฟ้ากลายเป็นแดดเปรี้ยงเหมือนเดิม วันนั้นทุกคนที่ดูละครร้องไห้กันหมด หนูก็ร้องด้วย ละครจบเขาก็พาไปที่สุสาน ให้กินข้าวเหนียวกับไก่เหมือนเป็นพิธีแก้คำสาป แต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้บอกอะไร วันรุ่งขึ้นก็มีโอกาสได้เข้าเฝ้าสุลต่านรัฐเคดาห์"

ตํานานพระนางเลือดขาว มัสสุหรี

นางสาวศิรินทรา ยายี ทายาทรุ่นที่ 7 ของพระนางมัสสุหรี ผู้ไถ่ถอนคำสาปที่จองจำมานานกว่า 200 ปี
ขอบคุณภาพจาก http://oknation.nationtv.tv/blog/tastesunday/2009/02/18/entry-5

รายการช่อง 7 ได้เชิญ คุณศิรินทรา ยายี ทายาทรุ่นที่ 7 ของพระนางมัสสุหรี
ไปสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวหลังการเดินทางไปถอนคำสาป

เรื่องราวของพระนางมัสสุหรี ได้ถูกนำมาเล่าผ่านบทเพลงลูกทุ่งโดยศิลปินชื่อดังหลายท่าน
อาทิ เอกชัย ศรีวิชัย, ดวงจันทร์ สุวรรณี สองนักร้องลูกทุ่งผู้โด่งดังของภาคใต้

            หลังเหตุการณ์ในวันนั้น น้องเมย์เด็กหญิงธรรมดาในประเทศไทย ก็กลายเป็นเจ้าหญิงทายาทพระนางมัสสุหรีที่ชาวมาเลเซียให้การเคารพนับถือเป็นอย่างมากในฐานะทายาท และผู้ปลดเปลื้องคำสาป เรื่องราวและภาพถ่ายของเธอได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารหลายฉบับในมาเลเซีย

            โดยหลังการไปถอนคำสาปที่เกาะลังกาวีในครั้งนั้น ทำให้เกาะต้องคำสาปแห่งนี้ เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ประกอบทางรัฐบาลมาเลเซียได้ใช้งบประมาณมหาศาลในการฟื้นคืนชีพเกาะลังกาวี จนกลายเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ในปัจจุบัน แม้วันนี้เวลาจะผ่านไปนานร่วม 7 ชั่วอายุคน ยาวนานกว่า 200 ปี แต่เรื่องเล่าและหลักฐานความบริสุทธิ์ของพระนางมัสสุหรียังคงปรากฏชัดอยู่ ณ เกาะลังกาวี ให้ระลึกถึงตลอดไป


 

ตํานานพระนางเลือดขาว มัสสุหรี

แผนที่ตั้ง "เกาะลังกาวี" อยู่ในเขตปกครองประเทศมาเลเซีย
อยู่ใกล้กับเกาะตะรุเตา และจังหวัดสตูลมาก

ตํานานพระนางเลือดขาว มัสสุหรี

ตํานานพระนางเลือดขาว มัสสุหรี

ภาพล่าสุดบนเกาะลังกาวี หลังสิ้นสุดคำสาป กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนใฝ่ฝัน
ขอบคุณภาพจาก http://www.manager.co.th/travel/viewnews.aspx?NewsID=9570000015413
หากน้องๆ คนไหนมีโอกาสเดินทางไปเที่ยว อย่าลืมแวะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์และสุสานพระนางมัสสุหรีกันนะครับ

แม้วันนี้.. เวลาจะผ่านไปนานร่วม 7 ชั่วอายุคน
แต่เรื่องเล่าและหลักฐานความบริสุทธิ์ของพระนาง
ยังคงปรากฏชัดอยู่ ณ เกาะลังกาวี ให้ระลึกถึงตลอดไป