ด้วยสภาพการณ์ปัจจุบันที่เราต้องทำงาน Work from Home และทำให้เราต้องใช้เวลาอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ นานมากขึ้นกว่าตอนที่ทำงานในออฟฟิต เพราะไหนจะต้องเตรียมเอกสาร หาข้อมูล อีกทั้งต้องประชุมออนไลน์ หรือบางครั้งก็ต้องจ้องหน้าจอสมาร์ทโฟน เพื่อสั่งซื้อของเข้าบ้าน ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวอาจส่งผลให้ตาของเรา เกิดอาการ ตาแห้ง เคืองตา แสบตา ปวดรอบกระบอกตา ร่วมกับปวดกล้ามเนื้อ หรืออาจมีอาการแพ้แสงร่วมด้วย โดยอาการนี้เรียกว่า โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (Computer Vision Syndrome) หรือ CVS 6 โรคที่มนุษย์ออฟฟิศพึงระวัง แนะ 6 วิธี ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม Work from home ลดเสี่ยงเป็นออฟฟิศซินโดรม รู้จักโรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (Computer Vision Syndrome) หรือ CVS คือกลุ่มอาการทางตาและการมองเห็นที่เกิดจากการใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน โดยความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาของการใช้งาน และจากการศึกษาประเทศอเมริกา รายงานว่าพบภาวะนี้ได้ถึง 90% ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลา 3 ชม. โดยไม่หยุดพัก ส่วนมากมักพบโรคนี้ได้ในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทํางาน เนื่องจากคนกลุ่มนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือเกือบตลอดเวลา ทั้งทํางาน คุยผ่านโปรแกรมสนทนา หรือแม้แต่เล่นเกมส์
ปัจจัย ที่ทำให้เกิดโรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรมมี 3 ปัจจัยหลัก คือ 2. สิ่งแวดล้อมในห้องทำงาน เช่น แสงสว่างในห้องไม่เหมาะสม ระยะห่างจากจอไม่เหมาะสม มีแสงสะท้อนจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ตาต้องเพ่งมากขึ้น เกิดอาการเมื่อยล้า ปวดตา หรือตาพร่ามัวได้ ประกอบกับถ้าอยู่ในห้องที่มีเครื่อปรับอากาศ มีความชื้นในอากาศน้อย ก็ส่งผลให้ตาแห้งมากขี้น 3. โต๊ะและเก้าอี้ (Workstation) ที่ไม่ได้ระดับเหมาะสม จะส่งผลต่อท่าทางการนั่ง รวมถึงระดับสายตาในการมองจอคอมพิวเตอร์ อาจจะต้องก้มหรือเงยมากเกินไป จึงเกิดอาการปวดเมื่อยหลัง หัวไหล่ และต้นคอได้ง่าย
2. ปรับสถานที่และโต๊ะที่นั่งทำงานคอมพิวเตอร์ โดยควรมีระยะห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ถึงระดับสายตา ควรมีระยะประมาณ 20 - 28 นิ้ว และควรปรับหน้าจอให้ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 5 - 6 นิ้ว เพื่อให้ขณะทำงาน ศีรษะตั้งตรง สายตาอยู่ในท่ามองลงต่ำเล็กน้อย จะเป็นการลดการเปิดกว้างของตา ช่วยลดอาการตาแห้ง ปวดคอ ปวดไหล่ จากการก้มหรือเงยที่มากเกินไปได้ 3. ปรับแสงสว่างในห้องทำงาน ไม่ให้จ้าจนเกินไป และติดโคมไฟที่โต๊ะทำงาน เพื่อช่วยให้มองเอกสารได้สบายตามากขึ้น 4. การพักสายตาระหว่างการทำงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อจะได้เป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อตาหลังจากนั่งทำงานต่อเนื่องกัน 2 ชั่วโมง ควรหยุดพัก 15 นาที โดยลุกเดิน หรือทำงานที่ไม่ได้โฟกัสหน้าจอจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยล้า และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ และปฏิบัติตามกฎ 20-20-20 คือ ควรมีการพักสายตาหลังจากนั่งทำงานไป 20 นาที โดยพัก 20 วินาที อาจใช้วิธีหลับตา หรือ มองโฟกัสในระยะไกลที่ 20 ฟุต จะเป็นการช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อตาได้ 5. การหยอดน้ำตาเทียม เพื่อช่วยลดอาการตาแห้ง แสบเคืองตา จากการที่กระพริบตาลดลง เนื่องจากจ้องมองคอมพิวเตอร์ และช่วยให้สบายตามากขึ้น
ทั้งนี้ โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม แม้จะไม่ใช่โรคที่มีอันตรายร้ายแรงแต่ก็ส่งผลกระทบถึงคุณภาพชีวิต และประสิทธิผลของการทำงานได้ การรักษาที่ดีที่สุดคือการป้องกันปัจจัยเสี่ยงด้านต่างๆ และการรักษาหรือแก้ไขปัจจัยส่วนบุคคล ที่สำคัญ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะคือวิธีที่ง่ายที่สุดที่เราสามารถทำได้ทันที และยังลดความเสียจะเกิดอาการผิดปกติต่อสายตา ปัจจุบันโรค Computer Vision Syndrome เป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเรา หากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องจะส่งผลให้เกิดอาการรุนแรงได้ ถ้ามีอาการอยู่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องที่ศูนย์ตา โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ อันตราย!!จากการใช้จอคอมพิวเตอร์เผยแพร่: 21 ต.ค. 2556 15:10 โดย: MGR Online
ข่าวที่เกี่ยวข้อง[ข้อมูลที่ถูกลบ] ธิดาพญายม ตอนที่ 17 (จบบริบูรณ์) มือปืนควบ จยย.จ่อยิงดับหนุ่มใหญ่ยะรัง กระบะแหกโค้งพุ่งชนห้องเช่าริมถนน ต.วังกระแจะ อ.เมืองตราด สาปพระเพ็ง ตอนที่ 7 กำลังโหลดความคิดเห็น |