เครื่องกรองน้ำธรรมชาติมีอะไรบ้าง

ใครอยากดื่มน้ำสะอาด ปราศจากเชื้อโรค แบคทีเรีย หรือสารปนเปื้อนต่างๆ เราได้รวบรวมวิธีกรองน้ำให้ใสสะอาดมาให้คุณลองทำตามง่ายๆ แล้ว

อัปเดตเมื่อ 18 สิงหาคม 2022

เครื่องกรองน้ำธรรมชาติมีอะไรบ้าง

เครื่องกรองน้ำธรรมชาติมีอะไรบ้าง

ภายในบ้าน

น้ำสำหรับการดื่มนั้นควรผ่านการกรองเพิ่มเป็นพิเศษเพื่อป้องกันอาการเจ็บป่วยจากแบคทีเรียและเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจปนเปื้อนอยู่ในน้ำประปาได้ คุณสามารถกรองน้ำใช้ สำหรับดื่มด้วยเครื่องกรองน้ำ หรือกรองด้วยวัตถุดิบธรรมชาติก็ได้เช่นกัน เราได้รวบรวมวิธีกรองน้ำให้สะอาด ปราศจากกลิ่น และสิ่งสกปรกเจือปนมาให้คุณแล้ว

ความจริงแล้วน้ำบาดาลสามารถดื่มได้หากผ่านการต้มหรือการหยดคลอรีนลงไปเล็กน้อย แต่น้ำบาดาลนอกจากจะมีการปนเปื้อนแล้ว น้ำบาดาลยังมีค่าความเป็นกรด ความเป็นด่าง หรือหินปูนที่ส่งผลต่อร่างกายได้

เครื่องกรองน้ำแบบไหนดี

เครื่องกรองน้ำมีคุณสมบัติช่วยกรองน้ำประปาให้สะอาด ปราศจากแบคทีเรีย เชื้อโรค และสิ่งสกปรกต่างๆ ที่จะถูกดักจับระหว่างไส้กรองต่างๆ

  • เครื่องกรองน้ำมีหลากหลายระบบให้เลือก เช่น ระบบ UV ที่กรอกสิ่งสกปรกด้วยหลอดไฟ Ultra Violet หรือระบบ Reverse Osmosis ที่กรองเอาแร่ธาตุทั้งหมดออก เป็นต้น

  • เลือกเครื่องกรองจากสภาพน้ำ โดยน้ำประปาทั่วไปสามารถใช้เครื่องกรองแบบไหนก็ได้ แต่สำหรับวิธีกรองน้ำบาดาลแล้ว คุณควรตรวจสอบสภาพน้ำว่ามีความเป็นกรด ความเป็นด่าง หรือหินปูนเยอะขนาดไหน เพื่อจะเลือกไส้กรองที่เหมาะสมกับสภาพน้ำ

  • ดูตำแหน่งในการติดตั้งเครื่องกรองน้ำว่าจะติดในครัว หลังบ้านหรือ ใต้อ่างล้างหน้า แล้วเลือกเครื่องกรองน้ำที่เหมาะสม โดยดูขนาด ต้องติดตั้งท่อ ต้องเจาะผนัง หรือต้องถอดซักล้างบ่อยๆ หรือไม่

วิธีกรองน้ำให้สะอาดด้วยวิธีธรรมชาติ

หลายคนน่าจะเคยได้เรียนวิธีกรองน้ำง่ายๆ จากชั้นเรียนวิทยาศาสตร์ที่คุณสามารถทำได้เองที่บ้าน

  • นำขวดพลาสติกมาตัดก้นออก และใช้ผ้าขาวบางสะอาดรัดหุ้มปิดฝาขวดเอาไว้

  • วางผ้าสะอาดหรือสำลีไว้ชั้นล่างสุดหลายๆ ชั้นเพื่อกรองกรวด หิน ทรายออก จากนั้นเรียงถ่านทุบละเอียด ทราย และกรวดหินไว้ตามลำดับ เพื่อกรองสิ่งสกปรก แบคทีเรีย และเชื้อโรคต่างๆ

  • เทน้ำลงไปด้านบนกรวดหิน และรอน้ำไหลผ่านชั้นต่างๆ จนหยดผ่านผ้าขาวบางออกมา หาภาชนะสะอาดสำหรับรองน้ำ แค่นี้คุณก็จะได้น้ำสะอาดสำหรับดื่มและใช้งานต่างๆ ได้แล้ว

ใครอยากมีน้ำดื่มสะอาดนั้นไม่ยาก หากเพียงคุณรู้วิธีการกรองน้ำที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะใช้เครื่องกรองน้ำ หรือวิธีกรองน้ำให้ใสจากวัสดุธรรมชาติ คุณก็สามารถมีน้ำสะอาด ปราศจากสิ่งปนเปื้อน เชื้อโรค และแบคทีเรียต่างๆ ที่อาจทำให้คุณและคนในครอบครัวเกิดอาการเจ็บป่วยได้

  • กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยได้ยืนยันว่าคุณสามารถดื่มน้ำประปาจากก๊อกน้ำได้ เพราะคลอรีนในน้ำประปานั้นช่วยฆ่าเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่างๆ แต่ก็มีปริมาณน้อยจนไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ อย่างไรก็ดีเพื่อความปลอดภัยร้อยเปอร์เซนต์ คุณควรทำการต้มน้ำหรือกรองน้ำก่อนเสมอเพื่อความสบายใจ

  • นอกจากการกรองน้ำ คุณยังสามารถรองน้ำไว้ในภาชนะประมาณ 30-60 นาทีเพื่อให้กลิ่นคลอรีนจางลง จากนั้นต้มน้ำสักประมาณ 5 นาทีด้วยกาน้ำร้อน

    “...บึงมักกะสันนี้ ทำโครงการที่เรียกว่าแบบคนจน โดยใช้หลักว่าผักตบชวาที่มีอยู่ทั่วไปนั้น เป็นพืชดูดความโสโครกออกมาแล้วก็ทำให้น้ำสะอาดขึ้นได้ เป็นเครื่องกรองธรรมชาติใช้พลังงานแสงอาทิตย์และธรรมชาติของการเติบโตของพืช...” และเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2533 ได้พระราชทานพระราชดำริว่า “...การสร้างทางด่วนใหม่ทำให้น้ำในบึงไม่ถูกแสงแดด จึงใช้วิธีธรรมชาติในการบำบัดน้ำเสียโดยผักตบชวาไม่ได้ในปัจจุบันซึ่งควรใช้เครื่องพ่นอากาศเข้าช่วย...” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงภัยแห่งภาวะมลพิษจึงได้พระราชทานพระราชดำริ โดยใช้วิธีการในรูปแบบของ "เครื่องกรองน้ำธรรมชาติ" กล่าวคือ ให้มีการทดลองใช้ผักตบชวา ซึ่งเป็นวัชพืชที่ต้องการกำจัดอยู่แล้วนี้ มาทำหน้าที่ดูดซับความโสโครก รวมทั้งสารพิษจากน้ำเน่าเสีย โดยทรงเน้นให้ทำ การปรับปรุง อย่างประหยัด และไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมบึง แนวพระราชดำรินั้นทรงให้ทำโครงการง่ายๆ โดยให้สูบน้ำจากคลองสามเสนเข้าบึงทางหนึ่ง และให้สูบน้ำออกจากคลองสามเสนอีกทางหนึ่ง ระยะห่างกันประมาณ 100-200 เมตร หรือฝังท่อระบายน้ำออกทางระบายน้ำอโศก-ดินแดง โดยให้มีผักตบชวาอยู่ในบึง และทำการตกแต่งให้ดีไว้บริเวณกลางบึงเพื่อกรองน้ำเสีย แต่ถ้าจำเป็นจะต้องเก็บผักตบชวาขึ้นบ้างเป็นครั้งคราวนั้น ก็ให้นำไปใช้ประโยชน์ เช่น ทำปุ๋ยหมัก หรือเชื้อเพลิง แต่อย่านำไปทำอาหารสัตว์เพราะมีธาตุโลหะหนัก โดยพระองค์ได้พระราชทานพระราชาธิบายว่า “...แนะนำว่าผักตบชวานี้ใช้ได้หลายทาง ใช้มาหมักเป็นปุ๋ยได้ข้อหนึ่ง ถ้าจะทำเป็นก๊าซชีวมวลก็ได้ข้อหนึ่ง ถ้าจะนำมาใช้เป็นอาหารสำหรับมนุษย์ก็ได้ เพราะว่าค่าโปรตีนในผักตบชวามีสูงพอสมควร จะใช้มาทำประกอบกับแกลบมาอัดเป็นฟืนหรือที่เรียกว่าถ่านแทน ถ่านที่เขาใช้เผากันทำให้ป่าไม้เสียหาย ซึ่งก็ได้ทดลองแล้วได้ผลดี...”

    โดยระบบบำบัดน้ำเสีย "บึงมักกะสัน" เป็นระบบบำบัดน้ำเสียแบบธรรมชาติที่เรียกว่า ระบบ Oxidation Pond หรือ "ระบบสายลมและแสงแดด" ซึ่งมีลักษณะเป็นบ่อดิน ลึก 0.5-2 เมตร และแสงสว่างสามารถส่องลงไปในน้ำภายในบ่อได้ มีการปลูกผักตบชวาในบ่อเพื่อดูดซับสารอาหารและโลหะหนักจากน้ำในบ่อ เป็นการทำงานร่วมกันของพืชน้ำ ซึ่งได้แก่ สาหร่าย หรือ อัลจี กับแบคทีเรีย โดยในเวลากลางวัน อัลจีซึ่งเป็นพืชน้ำสีเขียวก็จะทำการสังเคราะห์แสงโดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำและแสงแดด
    อัลจีจะนำคาร์โบไฮเดรตไปใช้สร้างเซลล์ใหม่ ส่วนออกซิเจนที่เป็นผลพลอยได้นั้นก็จะถูกแบคทีเรียนำไปใช้ในการย่อยสลายน้ำเสีย ซึ่งผลของปฏิกิริยานี้จะได้ คาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการดำรงชีพของอัลจี ดังนั้นอัลจีและแบคทีเรียจึงสามารถดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันได้ โดยต่างฝ่ายต่างพึ่งพาอาศัยกันและกัน การดำรงชีวิตในลักษณะนี้เรียกว่า SYMBIOSIS เนื่องจาก อัตราการเติมออกซิเจนค่อนข้างต่ำ ดังนั้น การเจริญเติบโตของแบคทีเรียจึงถูกกำจัดด้วยปริมาณออกซิเจน เมื่อเป็นเช่นนี้อัตราเร็วของปฏิกิริยาของการทำลาย BOD จึงค่อนข้างช้า ระบบ OXIDATION POND จึงต้องใช้บ่อที่มีขนาดใหญ่กินเนื้อที่มาก เนื่องจากประสิทธิภาพของระบบบึงมักกะสันขึ้นอยู่กับปริมาณของออกซิเจนที่ได้จากการสังเคราะห์แล้ว ดังนั้นในบึงจะต้องไม่ปลูกผักตบชวามากเกินไปเพราะจะบดบังแสงแดด
    สำหรับผักตบชวานั้นก็จะทำหน้าที่ดูดซึมอาหารต่างๆ และโลหะหนักในน้ำ ซึ่งจากการศึกษาของกลุ่มวิชาการ พบว่าผักตบชวามีการเจริญเติบโตสูงสุดในเวลาภายหลังการปลูก 16-17 สัปดาห์ จึงต้องดูแลระบบนี้โดยการเอาผักตบชวาออกทุก 10 สัปดาห์