นักวิชาการได้ แบ่งความหลากหลายบนโลกใบนี้ไว้ใน 3 ระดับคือ นอกจากสิ่งมีชีวิตที่ถูกค้นพบแล้วราวสองล้านชนิด ทุกวันนี้ยังมีการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ๆ อยู่เสมอ ฉะนั้น ในการศึกษาสิ่งมีชีวิตจึงต้องมีการจำแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นหมวดหมู่เพื่อความสะดวกในการศึกษา ซึ่งการศึกษา ลักษณะนี้เรียกว่า วิชาอนุกรมวิธาน (Taxonomy) โดยจะหมายถึง กฎเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิต
ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ นอกจากนี้ยังมีการจัดจำแนกที่นำเสนอโดย Whittaker ในปี 1969 ซึ่งแบ่งสิ่งมีชีวิตซึ่งมีเซลล์เป็นองค์ประกอบออกเป็น 5 อาณาจักรได้แก่ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังมีสิ่งมีชีวิตที่ขาดคุณสมบัติของเซลล์ที่น่าสนใจอีกกลุ่มหนึ่งคือ สิ่งมีชีวิตในอาณาจักร ไวรา
(Kingdom Vira) และสิ่งมีชีวิตที่เป็นอนุภาคของเซลล์ (particle living) อื่น ๆ อย่าง ไวรอยด์ (viroid) และพริออน (prion) อยู่ด้วย คาโรลัส ลินเนียส (Corolus Linnaeus) ปี ค.ศ. 1707-1778 นักชีววิทยาชาวสวีเดน ผู้วางรากฐานการจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิตและได้รับยกย่องว่าเป็น บิดาแห่งการจำแนกยุคใหม่ หรือ บิดาแห่งวิชาอนุกรมวิธาน (Father of Modern Classification) โดยลินเนียสเป็นคนแรกที่ใช้ชื่อ ภาษาลาติน 2 ชื่อ มาใช้เรียกสิ่งมีชีวิต
ซึ่งเรียกว่า binomial nomenclature โดยชื่อแรกเป็นชื่อสกุล หรือ จีนัส (generic name) และชื่อหลังเป็นชื่อตัวหรือชื่อสปีชีส์ (specific name) และวิธีนี้ยังใช้กันอยู่ถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ลินเนียสยังได้ศึกษาพืชและเกสรตัวผู้ และใช้เกสรตัวผู้ในการแบ่งชนิดของ พืชดอก ปัจจุบันหลักเกณฑ์ต่าง ๆของลินเนียสยังคงใช้กันอยู่ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการจัดหมวดหมู่ของ Linnaeus แต่ก็ยังไม่ถือว่าดีที่สุด ปัจจุบันการจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิตแบ่งออกเป็นหลายแนวทางที่สำคัญ คือ
ลักษณะที่ใช้ในการจำแนกสิ่งมีชีวิต
ลำดับขั้นในการจัดหมวดหมู่อาณาจักร (Kingdom) ไฟลัม (Phylum) ในพืชมักใช้ดิวิชัน (Division) คลาส (Class) ออร์เดอร์ (Order) แฟมีลี่ (Family) จีนัส (Genus) สปีชีส์ (Species) หมายเหตุ : ในแต่ละระดับขั้นของการแบ่งดังกล่าวอาจจะมีระดับการแบ่งที่แทรกอยุ่ในแต่ละระดับชั้น โดยใช้คำ ว่า ซับ (sub) แทรกอยู่ทางด้านล่าง เช่น ซับคลาส (Subclass) ซึ่งเล็กกว่าคลาสแต่ใหญ่กว่าออร์เดอร์ หรือคำว่า ซูเพอร์ (super) แทรกอยู่ด้านบน เช่น ซูเพอร์ออร์เดอร์ (superorder) จะใหญ่กว่าออร์เดอร์แต่เล็กกว่าคลาสและซับคลาส ชื่อของสิ่งมีชีวิตแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ 1. ชื่อสามัญ (common name) คือ ชื่อที่ใช้เรียกสิ่งมีชีวิตตามภาษาท้องถิ่นหรือภาษาประจ้า ชาติ ท้าให้สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันมีหลายชื่อ อาจเรียกชื่อตามลักษณะรูปร่าง เช่น ต้นแปรงล้างขวด ปากกาทะเล ว่านหางจระเข้ หรืออาจเรียกตามถิ่นกำเนิดเช่น ผักตบชวา ยางอินเดีย 2. ชื่อวิทยาศาสตร์ (scientific name) เป็นชื่อเรียกสิ่งมีชีวิตซึ่งเป็นที่ยอมรับของนักวิทยาศาสตร์ และเป็นชื่อที่กำหนดขึ้นเป็นหลักสากล ซึ่งจะใช้เป็นภาษาลาติน โดยผู้ที่วางหลักเกณฑ์การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์นี้ คือ คาโรลัส ลินเนียส (Carolus Linnaeus) ชาวสวีเดน เมื่อปี ค.ศ. 1758 ซึ่งได้กำหนดให้ ชื่อของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดประกอบด้วยคำ 2 คำ (binomial nomenclature) คำแรกเป็นชื่อจีนัส (generic name) ขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใหญ่ และคำหลังคือคำคุณศัพท์แสดงลักษณะที่เรียกว่า สเปซิฟิค เอพิเธต (specific epithet) ขึ้นต้นด้วยอักษรตัวเล็ก ทั้ง 2 คำรวมเรียกว่า ชื่อสปีชีส์ ซึ่งต้องเขียนตัวเอนหรือขีดเส้นใต้ โดยเส้นใต้ระหว่าง 2 คำไม่ต่อกัน เช่น Homo sapiens or Homo sapines หมายถึง คน หลักเกณฑ์ในการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์
ตัวอย่างข้อสอบเรื่อง ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต1. หลักเกณฑ์การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตข้อใดไม่ถูกต้อง ก. ชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตต้องเป็นภาษาลาตินเสมอ หรือภาษาอื่นที่เปลี่ยนมาเป็นภาษาลาติน 2. สัตว์ในข้อใดที่ยังไม่มีเนื้อเยื่อที่แท้จริง ก. ไส้เดือนดิน 3. มนุษย์มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Homo sapiens คำว่า Homo เป็นชื่อของอะไร ก. จีนัส 4. สุนัข วัว แมว จัดอยู่ในสิ่งมีชีวิตคลาสใดต่อไปนี้ ก. class vermes 5. สัตว์ 2 ชนิด มีลักษณะไม่เหมือนกัน แต่จัดอยู่ในสปีชส์เดียวกัน เพราะเหตุใด ก. สามารถผสมพันธุ์กันได้โดยมีลูกเหมือนพ่อหรือแม่ ชีววิทยา ม. ปลาย ต้องเรียนเรื่องอะไรบ้างการเรียนชีวะในระดับม.ปลาย ทั้งชีวะ ม.4 ชีวะ ม.5 หรือ ชีวะม.6 นอกจากเรื่องความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตที่จะต้องเจอแล้ว การเรียนวิชา ชีวะ ม.ปลาย ยังครอบคลุมไปถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพันธุศาสตร์, ระบบนิเวศ, การสังเคราะห์ด้วยแสง, เนื้อเยื่อและโครงสร้างพืชดอก, วิวัฒนาการ, การศึกษาทางชีววิทยาและกล้องจุลทรรศน์, การแบ่งเซลล์, ระบบไหลเวียนเลือด น้ำเหลือง และภูมิคุ้มกัน, ระบบต่อมไร้ท่อ และอื่น ๆ ดังนั้น ใครที่กำลังเตรียมตัวจะเลือกเรียนสายวิทย์ หรือกำลังเรียนสายเหล่านี้อยู่ ก็จะต้องเจอกับการเรียนเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างแน่นอน คอร์สเรียน Private ตัวต่อตัวเป็นคอร์สเรียนที่ผู้เรียนสามารถออกแบบการเรียนให้เหมาะกับตัวเองได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเรียนเพื่อติวสอบปลายภาค, ติวเพิ่มเกรด, กวดวิชาเข้ามหาวิทยาลัย ก็สามารถเลือกได้ตามแบบที่เราต้องการได้ด้วยหลักสูตรจำนวน 10 ชม. แต่หากใครที่พื้นฐานอ่อนหรืออยากมาเรียนเนื้อหาล่วงหน้าก็สามารถเพิ่มชั่วโมงเรียนให้เหมาะสมกับเราได้ ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต |