นอกจากนี้ ทาง Adecco Thailand ได้แนะนำให้คนที่กำลังหางานหรือคิดจะเปลี่ยนงาน ควรเพิ่มทักษะด้านดิจิทัล และทักษะการใช้และวิเคราะห์ฐานข้อมูล (Data Analysis) เพื่อต่อยอดและยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเป็นสิ่งที่จำเป็นแทบทุกสายงาน https://www.thaiprogrammer.org Thai Programmer Association RASITA จบลงไปแล้วสำหรับงาน TPA Internship หาที่ฝึกงานให้นักศึกษา เมื่อวันที่ ... อ่านเพิ่มเติม https://www.thaiprogrammer.org Thai Programmer Association RASITA เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย ... อ่านเพิ่มเติม https://www.thaiprogrammer.org Thai Programmer Association RASITA จบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับกิจกรรม Monthly Meetup ประจำเดือนพฤศจิกายน ... อ่านเพิ่มเติม แต่ถึงกระนั้นก็ดี ถ้าเราเรียนทางคอมมาตรงสาย ก็จะได้เปรียบเพราะพื้นฐานต่างๆ จะถูกอัดแน่นมาถึง 4 ปี เชียวน้า….
2) จะเตรียมตัวสอบอย่างไรอันนี้ไม่รู้จริงๆ เพราะระบบเข้ามหาวิทยาลัย มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ละยุคไม่เหมือนกัน อันนี้คงต้องถามครูแนะแนวแหละ น่าจะให้คำตอบตรงจุด
3) รู้ตัวตอนไหนว่าชอบ เขียนโปรแกรมมารู้ตัวตอนทำงาน?ตอนแรกผมกะจะไปสายอื่นอะนะ ไม่มาเขียนโปรแกรมด้วย แต่เมื่อวิเคราะห์แล้วสามารถยึดเป็นวิชาชีพ หาเลี้ยงตัวเองได้ โดยเราไม่เกลียดมากสุด อีกทั้งน่าจะเหมาะกับบุคลิกตัวเองที่ชอบทำงานเบื้องหลัง ไม่ชอบออกสื่อสังคมมากนะ แล้วเนื้องานเป็นลักษณะเปลี่ยนโปรเจคไปเรื่อยๆ รู้สึกชอบแบบนี้มากกว่า?จึงเลือกมาสายนี้
4) ช่วงระหว่างศึกษา ต้องทำงานยังไงไม่อยากให้กลัวเรื่องวิชาที่เรียน เพราะปกติของการเรียนในมหาวิทยาลัย?ไม่มีที่ใดได้เกรดมาง่ายๆ ต้องอดทนครับ บางหลักสูตรอาจมีเรียนวิชาพวกฟิสิกส์ เคมีอะไรนี้ด้วย ก็ต้องดูดีๆ แต่ว่าวิชาหลักที่จำเป็นเลยได้แก่ คณิตศาสตร์ กับภาษาอังกฤษ ควรเก่งแหละ ถึงไม่เก่งก็ฝึกกันได้ อย่าไปกลัว
แต่สิ่งที่ผมอยากให้น้องๆ ทราบว่า ตอนนี้ TDRI บอกว่าคนจบด้านคอม ฯ ในไทยมีเยอะ ไม่ใช่ขาดแคลน แต่ปัญหาหลักคือขาดคุณภาพ?…เพราะทุกวันนี้จบออกมาเยอะ แต่หนีไปทำอาชีพอื่นหมด ซึ่งเรื่องนี้น่าเป็นห่วงมากกว่า
เรื่องนี้ผมคงแนะนำได้แค่ว่า การพึ่งตำราเรียนอาจไม่พอเสียแล้ว การเรียนรู้นอกตำราจำเป็นมาก ยิ่งความรู้ในอินเตอร์เนตมีเยอะ ยิ่งยุค 4.0 ทุกวันนี้เราสามารถหาคอร์สออนไลน์ฟรีๆ จากบริษัทชั้นนำ Google, Microsoft, IBM หรือจาก ม. สแตนฟอร์ด, MIT , ฮาร์วาร์ด และอื่นๆ เป็นต้น …ทำให้เราเรียนกับอาจารย์ฝรั่งตรงๆ ด้วยเนื้อหาที่ทันสมัย ตอบโจทย์ตลาดงานเป๊ะ
…แล้วไม่ต้องกลัวภาษาอังกฤษ จะไม่รู้เรื่องนะ ถ้าประโยคนั้นฟังไม่ออก ไม่เข้าใจ ก็เอาสคริปท์ที่คอร์สเขามีให้ นำไปแปลใน Google translate เลยครับ ฝึกทีละนิดเดียวก็เก่ง
แต่อยากจะขอฝากเรื่องอิทธิบาท 4 เอาไว้เป็นแนวคิดสำหรับการฝึกเขียนโปรแกรมให้ประสบความสำเร็จ ดังรูปข้างล่าง
5) เวลาออกไปทำงาน วันๆ โปรแกรมเมอร์ทำอะไรโปรแกรมเมอร์จะรับผิดชอบงานเขียนโค้ดตาม spec หรือ requirement แต่สเกลงานอาจครอบคลุม มีตั้งแต่ออกแบบ เขียนโค้ด แก้บั๊ก ทดสอบ อันนี้คร่าวๆ เพราะที่ทำงานแต่ละแห่ง เนื้อหางาน ขอบเขตความรับผิดชอบจะไม่เหมือนกัน แถมชื่อตำแหน่งก็ยังต่างกันอีกด้วย
ถ้าทำบริษัทแนวซอฟต์แวร์เฮาส์ ที่รับจ้างผลิตซอฟต์แวร์ (เป็นงานสายตรงของโปรแกรมเมอร์เลย) เนื้องานที่ทำ ก็ขึ้นกับโปรเจคที่ได้รับมอบหมาย พอโปรเจคตัวหนึ่งจบ ก็ไปต่ออีกโปรเจค หรืออาจดูแลโปรเจคเดิม support ไปเรื่อยๆ
ซึ่งอาชีพโปรแกรมเมอร์ มักจะทำงานกันเป็นทีม ทั้งภายในทีมเดียวกัน และติดต่อร่วมกับทีมอื่นอีกที
แต่ถ้าเป็นบริษัทที่ไม่ใช่แนวซอฟต์แวร์เฮาส์ ก็อาจเห็นโปรแกรมเมอร์เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายไอที อาจมีทักษะทำงานได้หลากหลาย เพื่อรองรับ user
ช่วงจบออกมาทำงาน 6) คุณสมบติอาชีพนี้
7 ) การเลื่อนขั้น/เงินเดือนรายละเอียดตำแหน่งนี้ ถ้าเป็นในหน่วยของรัฐ อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ถ้าเอกชน ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือ โดยทริคจะให้ดูอุปสงค์ อุปทานในตลาดแรงงาน เช่น เทคโนโลยีตัวไหนเป็นที่ต้องการสูง แต่ตลาดยังขาดแคลน ถ้าเราเป็นละก็ …ย่อมเรียกร้องเงินเดือนได้มากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ที่สำคัญน้องๆ ต้องรู้จักเพิ่มทักษะ ก็จะทำให้โปรไฟล์ตนเองได้เปรียบคนอื่น ยิ่งงานโปรแกรมเมอร์ หรือเขียนโปรแกรม มันขาดแคลนในตลาดอย่างมาก (ดูข้อมูลปี 2561 ดังรูปข้างล่าง)? ซึ่งใครมีทักษะที่หายาก เป็นที่ต้องการตัวสูง ย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว
สำหรับเรตเงินเดือน ส่วนตัวเคยเห็นต่ำกว่าหลักหมื่น จนกระทั้งถึงแสนก็มีมาแล้ว อยากรู้ลึกคงต้องไปถามพวกบริษัท Recruitment เขามีข้อมูลเงินเดือนอยู่ครับ
เงินเดือนสายนี้บอกตรงๆ มันกว้างมาก บางคนไม่ถึงหมื่นจนไม่กล้าบอกใคร หรือบางคนแตะเฉียดแสนจนน่าอิจฉา เรื่องนี้มักดราม่าถ้าจะให้ความเห็น เลยขอยกคำพูด อาจาย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ มาเป็นแรงบันดาลเพื่อพัฒนาตัวเองแล้วกัน
ถ้าใครสนใจ อยากไต๋ระดับเงินเดือน ก็ลองอ่านกระทูนี้ในพันทิปดูได้ครับ??https://pantip.com/topic/36057197
มาพูดถึงการเลื่อนขั้น
8) ส่วนเรื่องภาษาเขียนโปรแกรมที่ใช้อันนี้คงแนะนำให้พยายามค้นหาในเว็บหางาน ว่าตอนนี้ตลาดงานต้องการคนทักษะด้านไหน เราจะได้จับทางถูก เพราะเทคโนโลยีบางทีกาลเวลาเปลี่ยน มันก็เปลี่ยนไป๊ ผมเลยไม่อยากเป็นหมอลักษณ์ฟันธงอะไรมาก
9) วัฒนธรรมองค์กร/สังคมที่เจอ
ว่าไปแล้วสังคมการทำงาน ก็มีแต่ตั้งอยู่ในขุมนรก หรืออยู่บนสวรรค์
เรื่องสังคมในที่ทำงานนี้ เป็นอีกเรื่องที่น่าจะดราม่าง่ายๆ เพราะงานทุกอย่าง ทุกอาชีพ มันก็มีจุดรันทด จุดมืด มุมบอด แต่สุดท้ายก็อยากให้นึกถึงในหลวงร. 9 ที่ท่านเคยตรัสว่า
10) การสมัครงานสำหรับเด็กใหม่ส่วนเรื่องเด็กใหม่ เวลาสมัครงาน อย่าเพิ่งไปกลัว เวลาเห็นสมัครงานโพสต์ว่าต้องการคนทำโน่นนี้ เขียนว่าต้องการคนมีประสบการณ์ ภาษาอังกฤษได้ เพราะบางทีเจอเด็กใหม่เขาก็รับแหละ แล้วเอาเราไปฝึกทีหลังก็มี แต่เขาไม่ได้ระบุไว้โต้งๆ …ต้องกล้าเสี่ยงนิดหนึ่งงงงง หรือถ้าไม่มั่นใจ ก็เอาโปรเจคที่ทำ งานที่เคยฝึก หรือใบ cert ต่างๆ ที่สอบผ่านจากคอร์สออนไลน์ มาประกอบตอนยื่นสมัครงานก็ช่วยได้ครับ
11) อนาคตโปรแกรมเมอร์อนาคตโปรแกรมเมอร์ รู้แค่เขียนโปรแกรมอย่างเดียว คงหนีไม่พ้นกับดักรายได้ปานกลาง อยากมีรายได้สูง เป็นส่วนหนึ่งช่วยกระตุ้น GDP ของประเทศ ก็ควรเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต เช่น BigData, IoT , AI, Block chain?และอื่นๆ พวกนี้มีพูดในแผนปฏิรูปประเทศ และยุทธศาสตร์ชาติ ที่จะผูกพันเราไปอีก 20 ปีข้างหน้าของบ้านเราด้วยครับ (บังคับใช้แล้วด้วย) ซึ่งชาติกำลังขาดคนด้านนี้เยอะครับ
…นี้ยังรวมไปถึงพวก soft skill ที่ไม่เกี่ยวกับสายอาชีพ ที่โปรแกรมเมอร์ควรมี เช่น การนำเสนอ การพูด ความเป็นผู้นำ การตัดสิน ฯลฯ ก็จำเป็น |