ประเทศอินเดีย หลายคนอาจจะกำลังนึกถึงโรตีร้อนๆ หอมกรุ่นเนย หรือไม่ก็สาวอินเดียวที่นุ่งส่าหรี วิ่งรอบภูเขาให้พระเอกตามหา รวมถึงหนังแขกอย่างรามเกียรติ์ ที่ดูโดดเด่นแปลกตาและสวยงามไม่แพ้ใครในโลก ซึ่งนอกจากนี้อินเดียวยังเป็นแหล่งทางศาสนาพุทธ ซึ่งนอกจากเนปาลแล้ว หลายคนก็นิยมมาแสวงบุญกันที่นี่อีกด้วย นอกจากวัฒนธรรมอินเดียที่ยังคงมีอยู่ให้เห็นทั่วไปแล้ว ก็ยังมีแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจต่างๆ มากมาย ทั้งธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างที่มีสถาปัตยกรรมที่งดงาม และยิ่งใหญ่อย่างทัชมาฮาล ที่เป็นอีกหนึ่งมหัศจรรย์ของโลก Show
ลักษณะภูมิประเทศประเทศอินเดียมีอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่ไพศาล มีเนื้อที่ทั้งหมดเท่ากับทวีปยุโรปที่นับรวมรัสเซีย ทำให้ลักษณะภูมิประเทศและสภาพภูมิอากาศที่อินเดียมีความแตกต่างกันมาก บริเวณภูเขาสูงทางตอนเหนือ รวมทั้งเทือกเขาหิมาลัย ที่มียอดเขาสูงที่สุดในโลกอย่างยอดเอเวอร์เรส ยาวขนานไปกับพรมแดนด้านเหนือด้วยระยะทางถึง 1,600 ไมล์ และมีหิมะปกคลุดตลอดทั้งปี มีทะเลทรายที่ร้อนระอุและแห้งแล้ง เช่น ทะเลทรายธราร์ นอกจากนี้ยังมีบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำอันอุดมสมบูรณ์ เช่นที่ราบลุ่มแม่น้ำคงคา และที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุ ทิศเหนือติดกับจีน เนปาล และภูฏาน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกับพม่า ทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับปากีสถาน ทิศตะวันออกติดกับบังกลาเทศ ทิศตะวันตกเฉียงใต้และ ตะวันออกเฉียงใต้ติดกับมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียใต้ มีพื้นที่ประมาณ ๓,๒๘๗,๕๙๐ ตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ ๗ ของโลก การแบ่งเขตการปกครองการปกครองของอินเดียเป็นระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา มีการแยกศาสนาออกจากการเมืองและแบ่งอำนาจการอินเดียแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 29 รัฐ และแบ่งย่อยลงออกเป็น 7 ซึ่งการปกครองของอินเดียมีรัฐธรรมนูญเป็นแม่บท และมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ และประมุขของฝ่ายบริหาร แต่อำนาจในการบริหารที่แท้จริงอยู่ที่นายกรัฐมนตรี ประชากรและวัฒนธรรมประเทศอินเดีย มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐอินเดีย อยู่ในทวีปเอเชียใต้ มีประชากรมากเป็นอันดับที่สองของโลกรองจากประเทศจีน และเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ประชากรอินเดียมีประชากรกว่า1,000 ล้านคน โดย ส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าอินโด-อารยัน ซึ่งชนพื้นเมืองเดิมคือเผ่าดราวิเดียน หรือทมิฬ มี นอกนั้นเป็นเผ่ามองโกล ทิเบตและเตอร์กรวมถึง,มองโกลอยด์ และอื่น ๆ ส่วนภาษาที่ใช้ในราชการ คือภาษาฮินดีและภาษาอังกฤษ ประชากรอินเดียมีความแตกต่างทางด้านเผ่าพันธุ์ และวัฒนธรรม มีภาษาหลักใช้พูดถึง 16 ภาษา อย่างภาษาฮินดี ภาษาอังกฤษ ภาษาอูรดู ภาษาเบงกาลี ทมิฬ และปัญจาบี ฯลฯ และมีภาษาถิ่นมากกว่า 100 ภาษา แต่ภาษาฮินดี ถือว่าเป็นภาษาประจำชาติ คนอินเดียที่อาศัยอยู่รัฐทางตอนเหนือและรัฐทางตอนใต้ ที่นอกจากจะใช้ภาษาที่แตกต่างกันแล้ว การแต่งกาย การรับประทานอาหาร รวมถึงวัฒนธรรมก็แตกต่างกันออกไปด้วย เนื่องจากประเทศอินเดียเป็นแหล่งกำเนิดพระพุทธศาสนา และมีความสำคัญในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ศาสนาพราหมณ์ และ พระพุทธศาสนา ชาวอินเดียจึงถือว่าครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคมที่มีความสำคัญที่สุด แม้สังคมของอินเดียยังคงมีความนับถือเรื่องวรรณะอยู่ แต่ก็ปรากฏไม่มากเหมือนในอดีต การดำเนินชีวิตของชาวอินเดียจะยึดถือศาสนาเป็นสิ่งสำคัญ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู ,ศาสนาอิสลาม ,ศาสนาคริสต์ นอกนั้นนับถือศาสนาพุทธ และศาสนาซิกข์ในรัฐปัญจาบ และศาสนาเชน,นักบวชที่นับถือนิกายต่าง ๆ ซึ่งในอินเดียมีประมาณ 400 ศาสนา สภาพภูมิอากาศของอินเดียประเทศอินเดียมีสภาพภูมิอากาศแตกต่างกันมากเนื่องจากมีพื้นที่กว้างใหญ่ซึ่งตอนเหนืออยู่ในเขตหนาวส่วนตอนใต้อยู่ในเขตร้อน แต่ละภาคจึงมีอากาศที่แตกต่างกันออกไปด้วยซึ่งประเทศอินเดียมี 3 ฤดูกาลคือ ฤดูร้อน อยู่ในช่วงระหว่างเดือนเมษายน จนถึงเดือนมิถุนายน ซึ่งมีอุณหภูมิสูงสุดประมาณ 35 องศาฯ ภาคเหนือ ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก ภาคใต้ โซนเวลาของอินเดียเวลาในประเทศอินเดียจะเดินช้ากว่าในประเทศไทยประมาณหนึ่งชัวโมงครึ่ง (1.30 ชั่วโมง ) การทำกิจกรรมและบริหารเวลาจะต่างกันมาก ชาวอินเดียส่วนใหญ่จะเริ่มงานและทานอาหารเช้าเวลา 10.00 น. และพักเที่ยงตอน 14.00 น.หรือ 15.00 น. และทานอาหารเย็นเวลา 20.00 น. ค่าเงินที่ใช้ในอินเดียค่าเงินหรือสกุลเงินที่ใช้ในประเทศอินเดีย ก็คือเงินรูปีอินเดีย ซึ่งมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 รูปี เท่ากับประมาณ 0.67 บาท หรือ 100 รูปี ประมาณ 35บาท รูปีอินเดีย และหน่วยย่อยของรูปีเรียก เปซ่า อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 40.88 รูปี แต่ราคาการแลกเปลี่ยนอาจขึ้นลงได้ ควรเช็คก่อนที่จะเดินทางไปแลก บัตรเครดิตที่สามารถใช้ได้ทั่วไปคือบัตร อเมริกันเอ็กเพรส ,มาสเตอร์การ์ด ระบบไฟฟ้าในประเทศอินเดียใช้ระบบไฟฟ้าเช่นเดียวกับประเทศไทยคือ 220 โวลต์ แต่หากต้องการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าจากเมืองไทยไปใช้ที่อินเดีย อาจจะต้องเปลี่ยนปลั๊กไฟเป็นแบบขากลมควรนำแอดปเตอร์ไปด้วย การใช้โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตสำหรับนักท่องเที่ยวสามารถใช้โทรศัพท์มือถือที่นำไปจากประเทศไทยไปใช้ได้ เพียงแต่ซื้อซิมการ์ดเปลี่ยนเท่านั้นและซิมมีราคาถูกมากประมาณ 99 บาท สามารถซื้อบัตรเติมเงินที่มีราคาตั้งแต่ 350ถึง1150 รูปี ส่วนค่าโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่ใช้มือถือโทรออกประมาณนาทีละ 16 บาท ถ้าโทรจากเมืองไทยเข้าที่เครื่องเวลารับจะไม่เสียเงิน แต่ถ้าใช้โทรศัพท์ระหว่างประเทศระบบ ไอดีเอสแอลIDSL จะมีราคาถูกกว่ามาก ตามร้านอินเทอร์เน็ตทั่วไปมีระบบดิจิตอลจับเวลานาทีละ 7 บาท อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสำคัญที่ขาดไม่ได้ สำหรับในอินเดียโดยเฉพาะที่เมืองปูเณ่ มีร้านอินเทอร์เน็ตที่เปิดให้บริการกระจายอยู่ทั่วเมือง ไว้ให้บริการในราคาชั่วโมงละ 10-15 รูปี สำหรับผู้ที่มีโน๊ตบุ๊ค อาจหาซื้อโมเดมไร้สายมาใช้ สำหรับต่ออินเทอร์เน็ตก็ได้เช่นกัน โมเดมอินเทอร์เน็ตไร้สายเป็นที่นิยมมากในกลุ่มนักศึกษาหรือผู้ที่อาศัยในอินเดีย เพราะสามารถท่องเน็ตได้ทุกที่ และมีโปรโมชั่นหลายแบบเช่นเดียวกับมือถือ มีให้เลือกหลากหลายประเภท สามารถนำไปเล่นที่ไหนก็ได้ที่มีสัญญาณ มีทั้งแบบอัลลิมิเตด ที่จ่ายรายเดือนในราคาเดือนละ 800 รูปี และแบบจำกัดเวลาการใช้งาน ซึ่งจะคิดตามเวลาการใช้งาน ซึ่งก่อนอื่นต้องซื้อหาตัวโมเดมมาใช้งานก่อน ส่วนใหญ่ Reliance และ Tata คือยี่ห้อที่นิยมใช้กันราคาอยู่ที่ประมาณ 2400-3000 กว่ารูปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และแต่ละรุ่นของโมเดมด้วย ซึ่งคงต้องตรวจสอบให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อดูด้วยว่าสถานที่พักของเรานั้นเหมาะกับการใช้โมเดมแบบไหน เพราะแต่ละถิ่นที่และโมเดมแต่ละแบบเข้าถึงสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้ไม่เท่าเทียมกัน สินค้าและของฝากจากอินเดียที่อินเดีย มีความโดดเด่นทางด้านวัฒนธรรม ภาษา และวิถีการใช้ชีวิตของแต่ละเมืองที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละเมืองก็จะมีของฝากที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นผ้าคลุมไหล่ ,ชุดส่าหรี, พระพิฆเนศ,เปเปอร์มาเช่ ,กล่องไม้แกะสลัก,กระเป๋า,กำไล,งานหินแกะสลัก ฯลฯ ที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อหาและนำกลับไปเป็นของฝากได้ อาหารที่ขึ้นชื่อของอินเดียอาหารอินเดียเป็นอาหารนานาชาติอีกชนิดหนึ่ง ที่น่าสนใจ ซึ่งอาหารอินเดียมีสามประเภทใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทานเล่นหรืออาหารเรียกน้ำย่อย ส่วนใหญ่เป็นจำพวกของทอดต่างๆ เช่น ซามิกาบั๊ป กะหรี่ปั๊ป ซาโมซ่า ข้าวเกรียบแผ่น และพาโคร่า ทานคู่กับน้ำจิ้มต่าง ๆ ต่อมาคืออาหารจานหลัก จะมีลักษณะคล้ายแกงของคนไทย ทานพร้อมๆ กับพวกของปิ้งหรือของทอด อย่างแทนดูรี่ พวกไก่ย่างใส่เครื่องเทศ ถ้าเป็นพวกแกง คนอินเดียไม่ค่อยใส่เนื้อกับผักปนกัน สำหรับของหวาน จะมีไว้ทานคู่กับชาอินเดีย ส่วนใหญ่ทำจากนม เนย โยเกิร์ตและเน้นไปที่นมและโยเกิร์ต ปั่นรวมกับผลไม้สดๆ หิมาลัย ทัชมาฮาล โรตี โยคะ ขอทาน หนังแขกร้องไปเต้นไป ห้องน้ำ มหารานี สวรรค์และนรกบนดิน ฯลฯ ไม่มีที่ไหนที่มีสีสันน่าพิศวงน่าตื่นเต้นในทุกมิติเท่า"อินเดีย" ทั้งผู้คน วัฒนธรรม ธรรมชาติ ศิลปะวัฒนธรรม จิตวิญญาณและความศรัทธา อินเดียจึงเป็นอีก 1 จุดหมายปลายทางที่นักเดินทางไม่ควรพลาด จาปาตี ดาล แกงเผ็ด ผักดอง โยเกิร์ต อิดลี โดซ่า ซัมบาร์ ปาราธะ ปาปัด ไก่แทนดอรี นาน กะบับ สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศอินเดียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะมีวัฒนธรรม วิถีชีวิต และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่สำคัญ ที่เป็นสิ่งดึงดูดทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างพากันเดินทางมาที่ประเทศอินเดีย เพื่อสัมผัสกับความงามในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทัชมาฮาล ทัชมาฮาล ถูกสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ศิลาแลง ประดับลวดลายเครื่องเพชร พลอย หิน โมราและเครื่องประดับจากประเทศ เป็นสถาปัตยกรรมหินอ่อนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทัชมาฮาลตั้งอยู่ในสวนริมฝั่งแม่น้ำยมุนา เมืองอัครา เป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นด้วยสัดส่วนที่วิจิตรและงดงามที่สุด มีผู้สร้างและออกแบบร่วม 20,000 คน โดยใช้เวลาในการสร้างนานถึง 22 ปี ทัชมาฮาลมีเนื้อที่ประมาณ 42 เอเคอร์ ส่วนช่างที่ออกแบบ ชื่อ อุสตาด ไอซา กลับถูกประหารชีวิตเพื่อมิให้ไปออกแบบสถาปัตยกรรมใด ๆ ที่สวยกว่าได้ ส่วนหัวของทัชมาฮาที่เรียกว่าโอเนียนโดม การก่อสร้างสถาปัตยกรรมอันยอดเยี่ยมชิ้นนี้ ตั้งอยู่บนรากฐาน หัวใจรัก" ของพระเจ้าชาห์นามว่า "จาห์ฮาล" ชาห์แห่งราชวงศ์ "โมกุล" สร้างเป็นที่ระลึกให้กับพระชายานามว่า อรชุมันต์ หลังจากที่พระนางสิ้นพระชนม์ ออโรวิลล์ ดาร์เจียลิง เสน่ห์เมืองมุมไบ พิพิธภัณฑ์ปอนดีเชอรี เทศกาลสำคัญของอินเดียแม้จะมีหลากหลายวัฒนธรรม หลายเชื้อชาติ หลายศาสนาและภาษา แต่ประเทศอินเดีย ก็ยังคงรักษาประเพณีและเทศกาลต่างๆ ให้ดำรงไว้ ซึ่งแต่ละเทศกาลถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เทศกาลคเณศจตุรถี อีดิลฟิตรี เทศกาลกฤษณะจันมาสตามิ เทศกาลรักษาบันดาล การเดินทางจากประเทศไทยไปประเทศอินเดียสายการบินจากกรุงเทพไปประเทศอินเดีย ซึ่งสามารถเลือกเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปตามเมืองต่างๆอย่าง อาห์เหม็ดดาบัด ,แอมริทซาร์ ,วาโดดาร่า ,บุจ ,บังกาลอร์,มุมไบ , โกลกัตต้า , โคชิ ,เดห์ราดัน สายการบิน SpiceJet , Air India Express,เจ็ทแอร์เวย์ ,อินดิโก แอร์ไลน์ ,แอร์เอเชีย , แอร์อินเดีย , Malaysia Airlines ,ศรีลังกันแอร์ไลน์ , บางกอกแอร์เวย์ ,การบินไทย ,GoAir ,ไทเกอร์แอร์, สิงคโปร์แอร์ไลน์ ,Biman Bangladesh Airlines ,คาเธ่ย์แปซิฟิค ,มาลินโดแอร์ ,ดรากอนแอร์ ,ซิลค์แอร์,เจแปนแอร์ไลน์, เอมิเรตส์ ,ไชนาอีสเทิร์นแอร์ไลน์ ฯลฯ สิ่งที่ควรเตรียมก่อนการเดินทางไปประเทศอินเดียนอกจากการเตรียมพาสปอร์ต หรือ วีซ่าให้พร้อมก่อนการออกเดินทางแล้ว นักท่องเที่ยวควรจะรู้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับเมืองหรือสถานที่ที่ต้องการจะไปที่ประเทศอินเดียให้ดี ซึ่งการเตรียมเอกสารต่างๆที่จำเป็นให้พร้อม อย่างรูปถ่าย สำเนาเอกสารต่างๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ที่จะต้องส่งจากเมืองไทย และควรจะพูดและสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ ถ้ารู้ภาษาฮินดีจะทำให้การเดินทางในประเทศอินเดียง่ายขึ้นกว่าปกติมาก เพราะภาษาอังกฤษอาจจะไม่เพียงพอสำหรับการอยู่ในประเทศอินเดีย ซึ่งคุณอาจจะต้องเจอคนอินเดียทุกรูปแบบ ผู้ที่เดินทางควรจะได้รับการตรวจสุขภาพก่อนที่จะเดินทางมาอินเดีย โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือเจ็บป่วยง่าย เวลาอยู่ที่อินเดียพยายามอย่าให้ตัวเองเจ็บป่วย เพราะการหาหมอที่อินเดียเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากโรงพยาบาลดีๆก็จะมีราคาแพงมาก ระดับปานกลางก็แพง การพยาบาลก็ไม่เท่าเมืองไทย ทางที่ดีไม่ควรเป็นอะไรที่นี่ และควรพกยาสามัญประจำบ้านและยาประจำติดตัวมาด้วย อาหารอินเดีย มีเครื่องเทศเยอะมาก ถ้าใครเคยทานอาหารอินเดียที่เมืองไทยได้คงอยู่ที่นี่ได้สบาย แต่ที่นี่จะมีอาหารอินเดียแบบต้นตำรับมีรสชาติในแบบฉบับของเขา จากการที่เคยอยู่แบบไทยๆ สังคมไทยๆ จะต้องมาอยู่ในสังคมอินเดีย อาจจะต้องปรับตัวสำหรับผู้ที่มาเรียน ส่วนก็จะมองเรา นักท่องเที่ยวผิวขาว หรือการแต่งตัวที่ไม่ใช่สไตล์แขก รวมถึงสำเนียงการพูด ฯลฯ อย่าไปถือสาอะไร คนที่จะอยู่ที่อินเดียอย่างมีความสุขนั้น จะต้องเปิดใจยอมรับวัฒนธรรม และจะทำให้คุณได้เรียนรู้ และสนุกกับสิ่งที่คุณประสบในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว จากประเทศอินเดียแน่นอน อินเดียเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมอารยธรรมที่เก่าแก่ สถานที่ต่างๆ ในประเทศส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางพระพุทธศาสนาที่ถ่ายทอดออกมาทั้งสถาปัตยกรรม และปติมากรรมแต่ละสิ่งล้วนมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ อย่างสังเวชนียสถานอันเป็นสถานที่สำคัญที่ชาวพุทธและนักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างเดินทางมากราบนมัสการ ซึ่งเป็นความงามทางวัฒนธรรมที่ดึงดูดใครหลายๆ คนให้เดินทางมาสัมผัสที่นี่ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว |