หากคุณกำลังมองหาทีวีสักเครื่อง สิ่งที่คุณจะเจอก็คือ ทีวี OLED, ทีวี QLED และ ทีวี ULED แล้ว OLED QLED ULED คืออะไร ต่างกันอย่างไร จะเห็นได้ว่าเป็นชื่อที่มีความคล้ายกัน แต่ความจริงแล้วมีคุณสมบัติแตกต่างกันอยู่มากพอสมควร วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับเทคโนโลยีของทีวี OLED QLED ULED เพื่อให้การซื้อทีวีของคุณนั้น เป็นเรื่องง่ายและเลือกทีวีได้ตามที่คุณต้องการ พร้อมแล้วไปชมกันเลยครับ Show OLED QLED ULED คืออะไร ต่างกันอย่างไรสารบัญต้องยอมรับว่าการซื้อทีวีในปัจจุบันนี้มีปัจจัยใจในการเลือกซื้อเพิ่มเยอะขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ขนาด เฉดสี ความดำ/สว่าง คุณภาพหน้าจอ เทคโนโลยีภายใน รุ่น ยี่ห้อ ราคา ทำให้การเลือกซื้อนั้นต้องใช้เวลามากสักหน่อยสำหรับบางคน สิ่งที่ทีวีทุกเครื่องมีนั้นก็คือ เทคโนโลยีของจอภาพ OLED QLED ULED ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป ดังนี้ OLED ให้ภาพที่ดำสนิท พิกเซลกำเนิดแสงเองได้ สีสันอิ่มเอิบ, QLED ได้เปรียบเรื่องความยืดหยุ่นมีคุณภาพของภาพที่ดีเยี่ยม มีความสว่าง, ULED มีเทคโนโลยี wide color Gamut เพิ่มความสดให้ภาพ ส่วนการเลือกซื้อก็ให้้คำนึงถึงการใช้งานและงบประมาณของเรา เพราะทั้ง 3 แบบนั้นต่างก็ให้คุณสมบัติที่น่าทึ่งและมีประสิทธิภาพครับ ……………..จากจอขาวดำเป็นจอสี จอโค้งเป็นจอแบน แบบธรรมดาเป็นแบบสมาร์ท จะเห็นได้ว่า “ทีวี” เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่มีการพัฒนาสู่มาตรฐานใหม่ ๆ ตลอดเวลา จนวันนี้เกิดเป็นศึกตัดสินระหว่างน้องใหม่ไฟแรงอย่างทีวี QLED และรุ่นพี่เก๋าเกมอย่างทีวี OLED ซึ่งนับเป็น 2 ยักษ์ใหญ่ที่น่าจับตามองของวงการจอแก้วยุคดิจิตอล วันนี้ The Power จะพาไปไขข้อข้องใจเกี่ยวกับทีวีทั้ง 2 ประเภทแบบเข้าใจง่ายสำหรับผู้บริโภค QLED TV……………..QLED TV หรือ Quantum-Dot Light-Emitting Diode TV นวัตกรรมใหม่ล่าสุด ที่นำเอาเทคโนโลยี Quantum Dot มาใช้แทนหลอด Diode แบบเก่า จุดแข็งของ QLED TV มีดังนี้ OLED TV……………..OLED TV หรือ Organic Light-Emitting Diode TV เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหลายปีที่ผ่านมา และปัจจุบันก็ยังได้รับผลตอบรับที่ดีไม่เสื่อมคลาย OLED TV มีจุดเด่นหลายข้อ ดังนี้ หากคุณให้ความสำคัญกับความสมจริงของภาพและสี แน่นอนว่า QLED TV คือทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจ แต่ถ้ากำลังมองหาทีวีที่คุ้มค่าและประหยัดพลังงานแล้วล่ะก็ เปลี่ยนมาเลือกดู OLED TV ดี ๆ สักเครื่องก็ไม่เลวเหมือนกันนะ ในช่วง 1-2 ปีมานี้ เราได้เห็นทีวีประเภทหนึ่งที่ค่อนข้างใหม่เริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาด มันถูกเรียกว่า QLED TV โดยทางซัมซุงเป็นผู้บัญญัติและจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าชื่อนี้ขึ้นมา QLED TV ได้ปรากฏสู่สายตาคนทั่วโลกครั้งแรกในงาน CES 2017 ในส่วนของเครื่องหมายการค้า QLED นั้นไม่ได้ใช้ได้เฉพาะกับสินค้าของทางซัมซุงเพียงผู้เดียว ยักษ์ใหญ่ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์จากเกาหลีใต้ยังได้ร่วมมือกับผู้ผลิตจากประเทศจีน อย่าง Hisense และ TCL เมื่อเดือน เมษายน 2017 ที่ผ่านมา และได้มีการประกาศจัดตั้งสมาพันธ์ QLED ขึ้น หลังจากนั้นในงาน CES 2018 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เราจึงได้เห็น QLED TV เป็นหนึ่งในไลน์สินค้ารุ่นใหม่ของยี่ห้อ TCL เมื่อมีการรวมตัวกันของพันธมิตรทางธุรกิจ นั่นก็หมายความว่าได้เกิดการแบ่งฝ่ายกันไปโดยปริยายแล้ว ซึ่งในกรณีนี้ก็เห็นจะหนีไม่พ้น QLED TV และ OLED TV สองเทคโนโลยีที่ว่ากันว่าทันสมัยที่สุดในเวลานี้สำหรับอุตสาหกรรมทีวี ที่ผ่านมา OLED TV ได้รับการยกย่องจากบรรดาสื่อและนักวิจารณ์ทั่วโลก โดยมี LG เป็นเจ้าแรก ๆ ที่นำเทคโนโลยีนี้มานำเสนอตั้งแต่ปี 2017 หลังจากนั้น Sony ที่กำลังมาแรงเช่นกันก็ได้นำ OLED TV ของตัวเองเข้าสู่ตลาดเพื่อลงแข่งกับเทคโนโลยี QLED TV อย่างดุเดือด อย่างไรก็ตามซัมซุงดูเหมือนจะพร้อมที่จะตอบสนองต่อความท้าทายดังกล่าว ที่ผ่านมาพวกเขาได้ทำการปรับปรุงเทคโนโลยีของ QLED TV ให้มีประสิทธิภาพเป็นที่น่าประทับใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้ มาดูกันว่า คำว่า QLED ที่มีเสียงคล้าย OLED มากนั้นเมื่อนำมาเปรียบเทียบความสามารถของเทคโนโลยีการแสดงผลกันแบบตัวต่อตัวระหว่าง QLED กับ OLED ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ก่อนอื่นเรามาดูกันว่า QLED คืออะไร กันก่อนที่จะทำการเปรียบเทียบเทคโนโลยีกันแบบจุดต่อจุดให้เห็นกัน QLED คืออะไร? มันทำเช่นนั้นได้อย่างไร? เทคโนโลยีควอนตัมดอททำหน้าที่เหมือนกับตัวกรองแสงจาก LED แต่ให้ภาพที่มีความสว่างสดใสมากกว่าเนื่องจากมันเป็นวัตถุเรืองแสงได้และมีความไวต่อแสง ปัจจุบันมี LED TV หลายรุ่นที่ได้นำเทคโนโลยีควอนตัมดอทไปใช้เพื่อให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามข้อกำหนดสำหรับ Ultra HD Premium TV ของ Ultra HD Alliance ซัมซุงคิดว่ามันน่าจะช่วยลดความสับสนได้หากผู้ผลิตรายใหม่เริ่มเรียกเทคนิคนี้ว่า QLED TV ด้วย เหตุผลก็คือการแบ่งแยกตัวออกมาจาก LED TV ทั่วไป และตั้งการ์ดต่อกรกับ OLED TV อย่างเต็มตัว เนื่องจาก Samsung ยังไม่มีแผนที่จะผลิต OLED TV ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่ง Samsung เองก็ได้พัฒนา microLED TV ออกมาปะทะกับ OLED TV ด้วย และจากภาพของ microLED TV ที่ปรากฏในงาน CES 2018 ที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่ก็ลงความเห็นว่า microLED มีศักยภาพในการแข่งขันกับ OLED ที่สูงพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงระดับความสว่างและระดับความเข้มของสีดำ สิ่งที่ QLED ไม่ได้เป็น ถ้าควอนตัมดอทสร้างแสงให้เกิดขึ้นเอง QLED TV ก็อาจถูกเรียกว่า emissive display แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น แล้ว OLED คืออะไร? ดังนั้นบนหน้าจอทีวีจึงเท่ากับมีหลอดไฟส่องสว่างได้เป็นล้านจุดและสามารถเปิด-ปิดตัวเองได้อย่างอิสระในทุก ๆ พื้นที่ของจอทีวี เมื่อหลอดไฟเหล่านั้นถูกสั่งให้ปิดสนิทมันจึงทำให้ภาพสีดำมีความดำสนิทอย่างแท้จริง ในขณะที่ QLED สามารถทำให้ตัวจอบางมากได้ OLED ก็ทำได้เช่นกัน อีกทั้ง OLED ยังสามารถทำให้บางมาก ๆ แล้วยังมีความยืดหยุ่นมากกว่าได้อีกด้วย เนื้อหาต่อไปนี้จะเป็นการเปรียบเทียบกันในแต่ละด้านและดูว่าเทคโนโลยีใดมีจุดเด่นทางด้านไหน ไม่ว่าจะเป็น คอนทราสต์, มุมมอง, ความสว่าง และประสิทธิภาพด้านอื่น ๆ เปรียบเทียบ BLACK LEVEL (ระดับความดำของภาพ) แม้เทคโนโลยีการลดแสงสะท้อนแบบใหม่จะช่วยลดแสง LED ที่ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟให้สว่างเต็มที่ แต่ QLED TV ก็ยังคงได้รับผลกระทบที่เรียกว่า “แสงลอด” เกิดแสงสว่างลอดออกมาจากจอภาพในตอนที่จอดำไม่มีภาพ ผลกระทบนี้เห็นได้ชัดในฉากที่มีดาวสว่างบนท้องฟ้ายามค่ำคืนหรือในแถบดำด้านบนและด้านล่างของหนัง ผลที่ได้คือเกิดเป็นหมอกควันหรือรัศมีแสงเล็ก ๆ รอบวัตถุที่สว่างจึงทำให้ขอบของภาพไม่คมชัด ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่การถือกำเนิดของ QLED และถือเป็นลักษณะประจำตัวของแผงจอดังกล่าว แต่ทางซัมซุงก็ได้พัฒนาแผงควอนตัมใหม่ขึ้นในปี 2018 ด้วยคุณภาพที่ก้าวกระโดดเพื่อปรับปรุงระดับสีดำและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของภาพนอกมุมมองให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับ OLED TV ด้วยการเพิ่มชั้นป้องกันแสงสะท้อนใหม่ในแผงจอภาพ เปรียบเทียบ BRIGHTNESS (ความสว่างของภาพ) ในความหมายก็คือสามารถทำให้สีสันที่ปรากฏดูสว่างขึ้นโดยไม่เกิดการสูญเสียความอิ่มของเนื้อสีไป ผู้ผลิต QLED TV ยังอ้างว่าความสว่างที่ได้จากจอ QLED ยังเป็นผลดีกับภาพในแบบ HDR เนื่องจากภาพที่ได้จะชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น แสงสะท้อนจากทะเลสาบหรือสีรถยนต์ที่เงาวาวจะเต็มไปด้วยประกายและมองเห็นได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องที่มีแสงสว่าง ความสว่างของ QLED TV ดูจะเป็นประโยชน์มาก เมื่อพูดถึงประเด็นของ HDR อาจกล่าวได้ว่าผลรวมของคอนทราสต์ที่ได้รับทั้งหมดนั้นเป็นผลมาจากระดับสีดำที่สมบูรณ์แบบของ OLED TV เมื่อเริ่มต้นจากระดับความดำอันสมบูรณ์แบบการรับรู้ถึงความคมชัดสำหรับการโปรแกรมภาพในแบบ HDR ในส่วนพื้นที่ที่ต้องการความสว่างจะถูกป้อนแสงที่น้อยกว่าจอทั่วไป และผลสุดท้ายสำหรับผู้รับชม ก็จะได้ผลลัพท์ที่คล้ายกับ QLED TV ที่ให้ความสว่างสูง – อย่างน้อยก็ในห้องมืด สำหรับในห้องที่มีแสงโดยรอบความสว่างของ QLED TV ดูจะเป็นผลดีมีประโยชน์มากสำหรับการแสดงผลภาพในแบบ HDR สินค้ารุ่นเรือธงของซัมซุง อย่าง Q9 และ Q8 ได้เพิ่มโซนหลอดไฟทางด้านหลังจอไว้เต็มพื้นที่ การเพิ่มดังกล่าวถือเป็นความได้เปรียบของบริษัทที่จะทำให้ภาพมีความสว่างได้สูงสุด อีกทั้งยังได้เคลือบป้องกันแสงสะท้อนแบบใหม่ พร้อมกับการปรับปรุงแผงจอภาพให้ดียิ่งขึ้น เป็นการลดรัศมีหรือการกระจายแสงอันส่งผลต่อรับชมทีวี ความสว่างที่ได้จาก LED แบบนี้ดูเหมือนจะไม่มีข้อเสีย และมันทำให้เทคโนโลยี QLED TV ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เปรียบเทียบ COLOR SPACE (ขอบเขตการรองรับสีสัน) อีกทั้งทางผู้ผลิต QLED ยังรับรองว่าความอิ่มตัวของสีสามารถแสดงออกมาได้ดีแม้จะปรับระดับความสว่างไว้สูงสุด ซัมซุงได้เพิ่มปริมาณสีให้มากขึ้นสำหรับ QLED รุ่นใหม่ในปี 2018 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความอิ่มตัวของสีในระดับความสว่างที่สูงขึ้น เปรียบเทียบ RESPONSE TIME (เวลาในการตอบสนอง) หนึ่งพิกเซลของ OLED เกิดจากการทำงานของไดโอดขนาดเล็กหนึ่งตัว ให้เวลาการตอบสนองทำได้ดีกว่า QLED อย่างเทียบกับไม่ได้ ในทางตรงกันข้ามไดโอดในทีวี QLED ไม่เพียงแต่ทำงานช้าเท่านั้น แต่ยังอยู่ด้านหลังแผงจอภาพ LCD และส่องสว่างให้กับกลุ่มพิกเซลในหลากหลายกลุ่มแบบไม่เจาะจง จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระหว่างสถานะ “ปิด” “เปิด” ช้าลงไปอีก ในปัจจุบัน OLED มีเวลาในการตอบสนองที่รวดเร็วที่สุดสำหรับเทคโนโลยีของทีวีที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จึงชัดเจนว่าผู้ที่ได้เปรียบในเรื่องนี้คือใคร ทาง Samsung ได้แจ้งไว้ว่าทีวี QLED รุ่นใหม่ในปี 2018 จะรองรับอัตราการรีเฟรชที่แตกต่างกัน เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับผู้เล่นเกมแบบเล่นหลาย ๆ คน แต่ถึงอย่างไรยังต้องรอการพิสูจน์จากของจริงอีกที เปรียบเทียบ VIEWING ANGLES (มุมมองภาพ) ที่ผ่านมาทางแอลจีจึงผลิตจอ LCD ชนิดหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อ IPS ขึ้นมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมุมกระจายแสงที่ดีกว่าจอ LCD แบบ VA ทั่วไป แต่ก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับเทคโนโลยี OLED ได้ ในทำนองเดียวกัน QLED TV รุ่นสูงสุดของ Samsung ได้มีการออกแบบแผงควบคุมซึ่งปรับปรุงขึ้นใหม่และทำการเคลือบป้องกันแสงสะท้อนที่ต่างออกไป ทำให้เรื่องของมุมมองภาพไม่ใช่ประเด็นความแตกต่างที่สำคัญเหมือนกับที่ผ่านมา เปรียบเทียบ SIZE (ขนาด) เปรียบเทียบ SCREEN BURN-IN (จอภาพเป็นรอยค้างบนหน้าจอ) ปัญหาเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับทีวี OLED เนื่องจากสารประกอบที่ทำให้เกิดแสงสว่างจะลดปริมาณลงเมื่อเวลาผ่านไป ถ้าปล่อยภาพค้างให้แต่ละพิกเซลเป็นเวลานานและมีความเข้มพอ ก็จะทำให้เกิดการสลัวก่อนเวลาอันควร และจะเกิดการดำมืดก่อนพิกเซลส่วนที่เหลือ อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงปัญหานี้ไม่น่าจะเกิดให้เห็นหากรับชมตามปกติ ต้องเจตนาทำให้เกิดถึงจะเห็นผลดังกล่าว แม้กระทั่ง “โลโก้ช่องทีวี” ที่ปรากฏค้าง บางช่องก็จะทำให้หายไปเป็นระยะหรือทำให้ชัดเจนขึ้นกว่าปกติ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องการเผาดังกล่าว อาจจะต้องเปิดดูรายการนั้น ๆ ทุกวัน (เป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน) ด้วยระดับความสว่างสูงสุดเท่าที่จะรับชมได้ถึงจะปรากฏผลให้เห็น ที่พูดมามีประเด็นที่น่าสนใจและเป็นที่น่าขบคิด โดยเฉพาะนักเล่นเกมที่ในเกมมีฉากภาพนิ่ง ๆ ปรากฏเป็นเวลานาน ๆ หรือผู้ที่เล่นเกมติดต่อกันมากกว่า 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เป็นเวลาหลายสัปดาห์ติดต่อกัน อาจทำให้เกิด “การไหม้” บนจอ OLED TV ได้ อันที่จริงอยากจะสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม (สลับลุกขึ้นออกไปข้างนอกบ้างพร้อมกันนั้นก็ทำการปิดทีวี) เช่นนี้มากกว่า ในทางเทคนิค QLED TV ก็เกิดปัญหานี้ได้เช่นกัน แต่โอกาสเกิดจะน้อยกว่า เปรียบเทียบ POWER CONSUMPTION (การใช้พลังงาน) เปรียบเทียบ PRICE (ราคา) เปรียบเทียบในภาพรวม QLED มีข้อดีของตัวเองในเรื่องความสามารถในการส่องสว่าง และในปัจจุบันได้มีการปรับปรุงระดับสีดำและการรับชมนอกมุมมองให้ดีขึ้น สำหรับหลาย ๆ คน ทีวี QLED ดูจะสมเหตุสมผลมากกว่าเนื่องจาก QLED สามารถดูในช่วงเวลากลางวันได้ดีกว่าให้ภาพที่คมชัดกว่า แต่เมื่อดูในห้องที่แสงสว่างน้อยกว่า OLED เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ OLED ดียังไงข้อดีของ OLED
ภาพสีสันสดใส สีดำดำสนิท มุมมองภาพสุดยอด มุมมอง 178 องศา บางเฉียบแบบได้ใจวัยรุ่น สีดำก็ดำสนิท ไม่มี backlight รั่วเหมือน LCD TV.
ซื้อทีวี OLED ดีไหมทีวี OLED มีข้อดีตรงที่เม็ดพิกเซลสามารถกำเนิดแสงหรือเปิด-ปิดแสงได้ด้วยตัวเองอย่างอิสระ โดยไม่จำเป็นต้องใช้หลอดไฟ Backlight มาฉายแสงที่ด้านหลัง อีกทั้งยังมีการออกแบบที่ดี ทำให้ตัวเครื่องบางและเบากว่าทีวีธรรมดาทั่วไป ที่สำคัญ ยังให้สีดำที่ดำสนิท 100% ภาพจึงสวยงามคมชัดกว่าทีวีรุ่นอื่น ๆ เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยถูกใจในคุณภาพ ...
ทีวี Qled ดีไหมQLED มีข้อดีของตัวเองในเรื่องความสามารถในการส่องสว่าง และในปัจจุบันได้มีการปรับปรุงระดับสีดำและการรับชมนอกมุมมองให้ดีขึ้น สำหรับหลาย ๆ คน ทีวี QLED ดูจะสมเหตุสมผลมากกว่าเนื่องจาก QLED สามารถดูในช่วงเวลากลางวันได้ดีกว่าให้ภาพที่คมชัดกว่า แต่เมื่อดูในห้องที่แสงสว่างน้อยกว่า OLED เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
Qled กับ 4K ต่างกันอย่างไร3. “ทีวี UHD ทั้งหมดเป็น QLED”
QLED TV มีความละเอียดตั้งแต่ 4K ขึ้นไป แม้ว่าการสร้างแผง QLED ที่มีความละเอียดน้อยกว่าจะเป็นไปได้ แต่ผู้ผลิตส่วนใหญ่มุ่งเน้นที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพระดับสูงสุด มากกว่าที่จะแนะนำเทคโนโลยีใหม่แบบพื้นฐาน
|