เครื่องปริ้นเลเซอร์ a3 รุ่นไหนดี

Printer หรือเครื่องพิมพ์ จัดเป็นอุปกรณ์ที่ทุกออฟฟิศจำเป็นต้องมี ในยุคปัจจุบันทำเลตั้งออฟฟิศที่ดีย่อมมีราคาแพงขึ้นตลอด การเลือกซื้อปริ้นเตอร์ที่ทำได้หลายหน้าที่หรือเรียกว่า Multi-Function (บางที่เรียก All-in-one) ที่สามารถปริ้น/สแกน/ถ่ายเอกสาร ได้จบในเครื่องเดียว ย่อมทำให้คุณสามารถประหยัดพื้นที่ลงไปได้ เหลือพื้นที่ที่สามารถทำประโยชน์อย่างอื่นได้อีก

นอกจากการทำงานได้แบบ multi-function แล้วสำหรับการทำ SME นั้น การพิมพ์ได้แค่ขนาดกระดาษ A4 อาจเล็กไป ทำให้เครื่องปริ้นเตอร์ A3 มีส่วนเข้ามาช่วย SME ด้านการนำเสนอและงานสร้างสรรค์ต่างๆ ได้อีกหลายมุม

วันนี้เราจึงได้มีโอกาสรีวิวเครื่องปริ้นเตอร์ A3 ที่เป็น Multi-function แบบ Print/Scan/Copy ทั้งหมดในเครื่องเดียว ด้วยเทคโนโลยีที่วิจัยการใช้งานมาแล้วว่าเหมาะกับ SME ไทย เราไปลองดูวิดีโอพรีเซนต์เจ้าปริ้นเตอร์ A3 รุ่นนี้จากบราเดอร์กันเลย

ไม่ใช่แค่เครื่องปริ้นเตอร์ A3 แต่ Print/Scan/Copy ที่ขนาด A3 ด้วย

เมื่อต้องสร้างสรรค์ผลงานหนึ่งชิ้น ขนาดที่ใหญ่กว่าย่อมดึงดูดความสนใจได้มากกว่าแน่นอน เครื่องปริ้นเตอร์รุ่นนี้สามารถ Print/Scan/Copy ได้ที่กระดาษขนาดถึง A3 สำหรับธุรกิจขนาด SME มีหลายอย่างที่ปริ้นเตอร์ A3 ทำได้ แต่ไซส์ A4 ทำไมไม่ได้ เช่น

• พิมพ์แผนงานขนาดใหญ่ ให้ทุกคนดูและมีส่วนร่วม
• พิมพ์ mockup งานนำเสนอที่ให้โดดเด่นกว่า A4 ของคู่แข่ง
• พิมพ์แผนที่ และแบบแปลนต่างๆ ในขนาดที่กางเก็บง่าย
• พิมพ์โปสเตอร์ และรูปภาพต่างๆ ใส่กรอบ

ทำไมถึงต้อง Brother?

เมื่อเทียบในตลาดปริ้นเตอร์ แม้ brother (บราเดอร์) จะเป็นแบรนด์ที่เปิดตัวปริ้นเตอร์สู่ตลาดโลกน้องใหม่ตอนปี 1962 (เปิดตัวปริ้นเตอร์มา 55 ปี ในขณะที่บริษัทเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1908 = 109 ปี) แต่ยิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ Brother ต้องแอคทีฟกับการดูแลลูกค้าที่มีอยู่ในมือ จนถึงวันนี้ บราเดอร์ มีโรงงานอยู่ทั่วโลก 19 แห่ง และมีสาขาสำนักงานตัวแทนจำหน่ายอยู่ใน 41 ประเทศทั่วโลก

สิ่งที่ Brother มีเป็นจุดแข็งมากเป็นพิเศษคือเรื่องของการวิจัย-ทดสอบ ถึงลักษณะการใช้งานของลูกค้าในแต่ละประเทศที่ไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกันเมื่อมาขายในประเทศไทย ซึ่งมีคุณโทโมยูกิ ฟูจิโมโต กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นคนญี่ปุ่นที่มาดูแลบราเดอร์ ประเทศไทย ด้วยตนเอง

แต่ไม่เพียงแค่คุณภาพที่ต้องอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ Brother ยังพัฒนาเครื่องพิมพ์ให้ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง อย่างเช่น ปริ้นเตอร์ที่คุณกำลังอ่านรีวิวอยู่นี้ ก็เป็น ปริ้นเตอร์ที่พิมพ์แผ่นแรกเร็วที่สุดในคลาส และยังพยายามศึกษาลักษณะการใช้งานของคนไทยเพื่อที่จะออกปริ้นเตอร์ที่ถูกใจมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบัน Brother มีศูนย์ซ่อมอยู่ 76 จังหวัดทั่วประเทศไทย ซึ่งหมายการพยายามทำตลาดและให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอย่างยิ่ง

หลายคำถามเมื่อ SME จะซื้อปริ้นเตอร์ A3 สักเครื่อง

Multi-Function ไหม?  

เบสิกขนาดนี้ แน่นอนสิ ใช่เลย เครื่องปริ้นเตอร์ในซีรีย์นี้ทั้งหมด 4 รุ่น สามารถ Print/Scan/Copy ได้ ช่วยให้คุณประหยัดพื้นที่ลงไปอีก

ปริ้นเร็วไหม? 

ไม่ใช่แค่เร็ว แต่เร็วที่สุด เมื่อเทียบในคลาสเดียวกัน ด้วยเวลาปริ้นจริงแผ่นแรกเร็วที่สุดใน 6 วินาที และสำหรับ การปริ้นภาพถ่าย ขาวดำ 22 วินาที ภาพถ่ายสี 20 วินาทีเท่านั้นเอง

หมึกแท้แพงไหม? 

แพงหรอ? นี่มันยุคไหนแล้ว แน่นอนระดับ SME เราควรคุยกันถึงหมึกแท้ เพราะความเสียหายธุรกิจจากการใช้หมึกปลอม ไม่ว่าจะการเสียเวลาเมื่อมีปัญหาบ่อย หรือความคมชัดที่น้อยลงอะไรเหล่านี้ ระดับธุรกิจคงไม่ยอมเสียโอกาสกับเงินไม่กี่บาท – แล้วหมึกแท้แพงเหรอ? ไม่เลย

จากเว็บเปรียบเทียบราคา Priceza เราลองหา ราคาหมึกพิมพ์สีดำ แบบ Super High Yield (ถังใหญ่ความจุเยอะ) ของเจ้าเครื่องนี้ดู พบว่าราคาถูกสุดคือ JIB ที่ 660 บาทเท่านั้นเอง สามารถพิมพ์ได้ 3,000 แผ่น เท่ากับว่า ตกแผ่นละ 0.22 บาท (22 สตางค์) เท่านั้นเอง!! อ่ะ หรือจะคำนวนจาก 700 บาทร้าน 11st ก็ 0.23 บาท ต่างกันแค่สตางค์เดียว จะซื้อร้านไหนก็เอาที่สะดวกเถอะ

หรือจะเป็น ราคาหมึกสี แบบ Super High Yield แบบแยกสี ก็ 600 บาทต่อสี x 3 สี = 1,800 บาท แบบสีไหนหมดก็เติมแค่สีนั้น ปริ้นต์ได้ 1,500 แผ่น ตกเป็นราคาปริ้นสีแผ่นละ 1.2 บาท เท่านั้นเอง! ถูกขนาดนี้ แต่ได้ใช้หมึกแท้ ยังจะใช้หมึกเติมกันอีกหรอ

แล้วหมึกแท้ปริ้นเตอร์ดีกว่าหมึกเติมมั้ยล่ะ? 

คมชัด แห้งเร็ว กันน้ำ ไม่ซีด! แผนผัง ตัวเลข และสไลด์นำเสนองานของคุณจะชัดเจนในทุกงานพิมพ์ ด้วยหมึกรูปแบบใหม่ที่เม็ดสีมีคุณสมบัติแห้งเร็ว ทำให้งานออกมาคุณภาพดีกว่าทั้งสีและขาวดำที่คมเข้มสูงและงานสีที่สมจริง การพิมพ์ที่ละเอียดและมีคุณภาพสูงนี้ยังกันน้ำและไม่ซีดจาง ทำให้งานพิมพ์ของคุณนอกจากจะคมชัด ยังมีคุณภาพยาวนานในทุกครั้งอีกด้วย

ใช้ยากรึเปล่าเนี่ย?

ง่ายผ่าน App, หน้าจอทัชสกรีน และไร้สายผ่าน WiFi ให้คุณสั่งพิมพ์งานและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดายด้วยหน้าจอสี LCD ระบบสัมผัสใหญ่ 3.7 นิ้ว มาพร้อมระบบ WiFi Printer ติดตั้งในตัวยังทำให้คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ส่งข้อมูลมาปริ้นก็ง่าย หรือจะอยากมีสายแบบ LAN เหมือนเดิมก็มีให้ด้วย

หน้าจอทัชสกรีนออกแบบเมนูให้ใช้ง่าย หรือใช้ผ่าน mobile และ computer

เมนูจอใหญ่ ใช้ง่าย รุ่นนี้แก้ปัญหามาคือ ให้กดแล้วตอบสนองไวมาก

นอกจากช่อง auto feeder ด้านบน การสแกนแบบเปิดฝาก็ง่าย

ลืมถอดแม็กก่อนใส่ auto feeder ทำให้กระดาษติดก็แกะออกง่าย

เวลาต้องเปลี่ยนหมึก ก็มีขั้นตอนบอกทีละสเต็ป ทำตามได้ง่ายมาก

บอกทุกขั้นตอนแกะหมึก

Brother ก็มีจุดเด่นเรื่องการวิจัยให้การใช้งาน ก่อนจะปล่อยผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด ตัวปริ้นเตอร์ A3 เครื่องนี้ทีมญี่ปุ่นวิจัยมาแล้วว่า “การจำรูปภาพง่ายกว่าการจำรหัสตลับหมึก” (อันนี้จริง ขนาดที่ออฟฟิศ iURBAN คนซื้อปริ้นเตอร์เองยังจำรหัสตลับหมึกไม่ได้เลย ยิ่งพนักงานคนอื่นหรอ? ไม่มีทาง) ทาง Brother เลยทำรูปตลับหมึกแต่ละตลับ เป็นรูปต่างกัน เช่น ปากกา กับ เก้าอี้ แบบนี้เป็นต้น – มีจิตวิญญาณนักออกแบบญี่ปุ่นดี คือทำเรื่องยากๆ ให้เข้าใจได้ง่ายๆ

แปะรูปปากกากับเก้าอี้ที่หน้าเครื่องเลย

สีไหนก็ตาม เก้าอี้ไม้สีแดงนะ จำง่ายป่าว?

นอกจากนั้นยังสั่งพิมพ์จากมุมไหนของโลกก็ได้

เพราะเครื่องนี้มีระบบ Cloud ชื่อ Brother Cloud Apps เข้าถึงแอปพลิเคชันบน Cloud ได้โดยตรงจากเครื่องพิมพ์บราเดอร์ WebConnect สั่งพิมพ์ได้โดยตรงจากเว็บไซต์ โดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ และ iPrint&Scan สั่งพิมพ์และสแกนได้จากอุปกรณ์เคลื่อนที่

ระบบ cloud ของ brother สามารถเชื่อมต่อได้กับ cloud printing wireless printing ที่ทันสมัยของโลกได้มากมายเช่น AirPrint ของ Apple / Google Cloud Print 2.0 สองตัวนี้ก็ครอบคลุมอุปกรณ์มือถือ90% ของโลกแล้วยังมี Mopria Print (นิยมในญี่ปุ่น) รวมทั้งแอปพลิเคชันสำหรับ Android และ iOS

เปรียบเทียบคุณสมบัติแต่ละรุ่นของเครื่องปริ้นเตอร์ A3 มัลติฟังก์ชันจาก Brother

แม้รุ่น MFC-J3930DW จะราคาเปิดตัวสูงที่สุดในซีรีย์ที่ 17,990 บาท แต่กลับเป็นรุ่นที่สินค้าขายดีที่สุด เชื่อว่าเป็นเพราะกลุ่มลูกค้า SME ไทยชอบความครบครันของฟีเจอร์มากกว่า เมื่อเทียบกับการลงทุนเพิ่มเพียงไม่กี่พันบาท

ในรุ่นสูงสุดนี้ จุดเด่นคือ สามารถใช้งานมัลติฟังก์ชัน Print/Scan/Copy ที่กระดาษขนาด A3 ได้ และมีถาดใส่กระดาษถึง 2 ถาด ช่วยให้การสั่งปริ้นเตอร์สามารถสลับกระดาษให้เองอัตโนมัติ ยกตัวอย่างเช่น ถาดที่ 1 ใส่กระดาษ A3 + ถาดที่ 2 ใส่กระดาษ A4 เมื่อสั่ง copy หรือ print ตัวเครื่องจะ detect อัตโนมัติหรือเพียงทัชสกรีนหน้าจอให้คำสั่ง เครื่องปริ้นเตอร์ก็จะเปลี่ยนกระดาษให้เอง โดยที่คุณไม่ต้องเปลี่ยนกระดาษ

แต่ถึงแม้ว่าคุณจะซื้อปริ้นเตอร์รุ่นที่มีเพียง 1 ถาดใส่กระดาษ คุณก็สามารถให้พิมพ์กระดาษคนละไซส์ หรือคนละประเภทกับที่ใส่ไว้ในถาดอย่างง่ายด้วยช่องใส่กระดาษอเนกประสงค์ด้านหลังตัวเครื่อง

สำหรับปริ้นเตอร์ A3 แบบถาดกระดาษ 1 ถาด ก็มีขนาดเล็กลง หน้าตาดีใจขนาดที่พอเหมาะ แต่ประสิทธิภาพทุกอย่างยังเท่ากับรุ่นใหญ่

ทีมงาน Brother เชิญไปดู workshop ให้ทีมงาน iURBAN ร่วมทดสอบการพิมพ์ คุณภาพงานพิมพ์กันน้ำ สามารถเก็บรักษาไปได้ระยะเวลานาน ขนาดว่าสั่งพิมพ์บนกระดาษธรรมดา ยังภาพออกมาสวยคมชัด น่าพอใจ

เครื่องมีน้ำหนักเยอะ เพราะส่วนประกอบภายในทำจากเหล็กเป็นส่วนมาก เช่นบานพับภายในพลาสติกหุ้มเป็นเหล็กสปริง ทำให้ใช้งานได้ทนทานนานกว่า

ที่เห็นภายนอกเป็นพลาสติก เพื่อความสวยงาม แต่ภายในเป็นเหล็ก

ถ้า SME สนใจเครื่องปริ้นเตอร์ A3 แบบมัลติฟังก์ชันที่พิมพ์เร็ว พิมพ์คมชัด ประหยัดหมึกแท้ไม่แพง ใช้งานง่าย และทนทาน เครื่องปริ้นเตอร์ของ Brother จัดเป็นอีกเครื่องที่คุ้มค่าน่าลงทุนมากสำหรับทุกธุรกิจ

[button color=”red” size=”big” alignment=”center” rel=”nofollow” openin=”newwindow” url=”http://bit.ly/2nAyUjA”]รายละเอียดบนเว็บไซต์ Brother[/button]