ข้อใดหมายถึงการขายตรงแบบชั้นเดียว

อยากเป็นผู้ประกอบธุรกิจขายตรงต้องทำอย่างไร เราก็ต้องรู้ก่อนว่าในเราอยากขายสินค้าอะไรในตลาด และก็ต้องรู้ด้วยว่าอยากสร้างบริษัทให้เป็นแบรนด์ขายตรงแบบไหน เราสามารถเลือกได้ทั้งแบบชั้นเดียวและหลายชั้น คนที่อยากทำก็สามารถทดลองได้ว่าอยากให้แบรนด์ของตัวเองเป็นแบบไหน

 

แต่ในฝั่งของผู้บริโภค เรารู้แค่ว่าในตลาดมีแบรนด์ขายตรงอยู่มากมาย แบรนด์นึงก็ขายสินค้าหลายตัว แน่นอนว่าเราคงไม่มานั่งแยกว่าแบรนด์ไหนขายตรงชั้นเดียว แบรนด์ไหนหลายชั้น แค่เดินเข้าไปในร้านและซื้อสินค้าตามปกติ

 

แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าเรารู้ด้วยว่าแบรนด์ไหนดำเนินธุรกิจในรูปแบบไหน เพราะแบรนด์ขายตรงชั้นเดียวกับหลายชั้นมีความแตกต่างเฉพาะที่อีกแบบไม่มี 

 

เราจะมาเริ่มกันที่ธุรกิจขายตรงแบบชั้นเดียวก่อน

 

1. การขายเน้นให้ลูกค้าเห็นการใช้งานตรงไปตรงมา มีความเป็นกันเอง

จุดเริ่มต้นของธุรกิจขายตรงคือ การเดินทางไปขายสินค้าให้ลูกค้าตามสถานที่ แต่ในยุคนี้แบรนด์สามารถถ่ายคลิปเผยแพร่ออกไปผ่านโซเชียลมีเดียให้ลูกค้าเห็นวิธีการใช้งานเหมือนกัน

แบรนด์จะใช้พิธีกร (Showhost) ของบริษัทแนะนำสินค้าผ่านรายการทีวีให้ลูกค้าเห็นตัวสินค้าของจริงไปเลย และเพื่อให้เกิดความสมจริงมากขึ้นไม่ใช่การตัดต่อเทปมาออกอากาศ แบรนด์จึงเลือกที่จะถ่ายทำโดยการออกอากาศเป็นรายการสดเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าดูอยู่สามารถตัดสินใจได้ในเวลานั้นเลย

ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่หลายแบรนด์ที่เลือกขายสินค้าผ่านรายการแนะนำสินค้าอย่าง TV Direct และ O shopping ส่วนแบรนด์ขายตรงชั้นเดียวที่เน้นการขายผ้านหน้าร้านก็มี Mistine และ Coway ที่ลูกค้าเดินเข้าไปที่ร้านได้เลย

 

2. ผู้ขายต้องเป็นพนักงานของบริษัทหรือบริษัทตัวแทนจำหน่าย

การขายตรงแบบชั้นเดียวจะกระทำผ่านพนักงานเทเลเซลล์และพนักงานหน้าร้าน ดังนั้น พนักงานขายทุกคนจะได้รับการเทรนก่อนปฏิบัติหน้าที่รับสายลูกค้าจริง ซึ่งผู้ที่สนใจทุกคนก็ต้องสมัครเข้าไปเป็นพนักงานรับสายผ่านโทรศัพท์ (Telesales หรือ Call Center Agent) 

ต่อมาพนักงานจะได้รับการอบรมให้รู้จักสินค้าว่าสินค้าที่ขายคืออะไร ใช้งานอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร จากนั้นจึงเป็นวิธีการขาย การพูดคุยกับลูกค้า นอกจากนี้ ก็ยังต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับระบบหลังบ้าน ทั้งการคีย์ข้อมูล โปรแกรมแชทต่างๆ ที่เอาไว้ติดต่อกับลูกค้าด้วย

ในขณะที่พนักงานหน้าร้านจะได้รับการเทรนให้รู้จักวิธีแนะนำสินค้า การนำเสนอลูกค้า เอกสารรายละเอียดที่จำเป็นในการใช้ขายอย่างไรก็ตาม บางบริษัทยังมีการทำสัญญาแฟรนไชส์ให้เอกชนรายอื่นนำสินค้าไปตั้งสาขาตามจังหวัดต่างๆ อย่าง Starwell

ข้อใดหมายถึงการขายตรงแบบชั้นเดียว

คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ

3. สมาชิกไม่สามารถสร้างทีมขายเองได้

ในธุรกิจขายตรงชั้นเดียว ผู้ที่สร้างทีมขาย (Saleforce) คือผู้จัดการหรือผู้บริหารผ่านการคัดเลือกพนักงานที่เป็นลูกจ้างของบริษัทหรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทอีกที ตัวพนักงานขายหรือตัวแทนจำหน่ายไม่มีสิทธิ์สร้างทีมขายเองผ่านการชักชวน

หากเป็นแบรนด์อย่าง TV Direct หรือ O Shopping จะเน้นรับสมัครพนักงานเทเลเซลล์เป็นหลัก ส่วน Mistine เปิดรับสมัครแค่ตัวแทนขาย ไม่สามารถสร้างทีมเองต่อได้ เช่นเดียวกับ Coway 

 

4. แผนการขายจะเน้นไปที่คนขายสินค้าและลูกค้านำสินค้าไปใช้จริง

การขายตรงแบบชั้นเดียวมีขั้นตอนตั้งแต่จากการผลิตไปจนถึงมือผู้บริโภคไม่มากช่วยให้ควบคุมกระบวนการทำงานและจำนวนคนได้ง่าย

ผู้จัดการซึ่งเป็นคนจัดทีมจำเป็นต้องรู้ว่าลูกทีมแต่ละคนมีความสามารถและประสบการณ์การขายมากแค่ไหน ผลงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ทำยอดรวมได้เท่าไหร่เพื่อให้ผู้จัดการสามารถตั้งเป้ายอดขายในแต่ละเดือนได้ง่ายขึ้น

ในส่วนของการขาย บริษัทขายตรงแบบชั้นเดียวจะเน้นผลลัพธ์ที่ลูกค้าได้รับจากการใช้งานจริงมากกว่าเน้นกำไรที่ได้จากการขาย และข้อสังเกตหลักเลย ในโซเชียลมีเดียทั้ง Facebook และ Youtube แบรนด์ขายตรงชั้นเดียวมักจะให้ลูกค้าเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าให้เอง เพื่อให้คนที่มาดูได้ฟังคำรีวิวไปด้วยเลย

 

5. ค่าคอมมิชชั่นคิดจากยอดขายของพนักงาน

ทุกครั้งที่เราสมัครเข้าไปเป็นพนักงานขายให้กับแบรนด์ขายตรงชั้นเดียวจะมีรายได้ต่างจากบริษัทเอกชนทั่วไป นั่นคือ ฐานเงินเดือนเริ่มต้น ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าคอมมิชชั่น ซึ่งคิดจากยอดขายที่พนักงานคนหนึ่งทำได้ในรอบเดือนเป็นหลัก

ข้อใดหมายถึงการขายตรงแบบชั้นเดียว

ธุรกิจขายตรง(Direct sale)
“ขายตรง”  หมายถึง  การทำตลาดสินค้าหรือบริการในลักษณะของการนำเสนอขายต่อผู้บริโภคโดยตรง ณ ที่อยู่อาศัยหรือสถานที่ทำงานของผู้บริโภคหรือของผู้อื่น หรือสถานที่อื่นที่มิใช่สถานที่ประกอบการค้าเป็นปกติธุระ โดยผ่านตัวแทนขายตรงหรือผู้จำหน่ายอิสระชั้นเดียวหรือหลายชั้น
รูปแบบของระบบการขายตรงในประเทศไทย
1.  ระบบการขายตรงแบบชั้นเดียว(Single  Level  Marketing-SLM)
เป็นรูปแบบของธุรกิจ ขายตรงที่มีอยู่ทั่วไปในการประกอบอาชีพอิสระ ผู้ขายเสนอขายสินค้าให้ลูกค้าทีละคน ผู้ขายจะได้รายได้จากกําไรต่อหน่วยของสินค้าที่ขาย หรือคิดเปอร์เซ็นต์จากยอดขายของตนเอง ผลตอบแทนจะมาก หรือน้อยขึ้นอยู่กับผลงาน และหากทําเป้าถึงยอดที่บริษัทกําหนด ผู้แทนขายจะได้รับโบนัสพิเศษเป็นส่วนลด หรือของรางวัลต่างๆ เช่น  ทองคำ รถยนต์ หรือได้ไปท่องเที่ยวต่างแดน
ผู้ที่เข้าสู่ระบบขายตรงชั้นเดียว (SLM) ไม่สามารถขอยืมยอดขายของผู้จําหน่ายตรงคนอื่นมาเข้าร่วมเป็นคะแนนยอดขายของตน เพื่อเพิ่มเปอร์เซ็นต์ส่วนลดหรือโบนัสได้ ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องเป็นฐานให้ใครปีนขึ้นสู่ตำแหน่ง และรายได้ที่สูงขึ้นผู้จําหน่ายตรงจะทําหน้าที่ขายเพียงอย่างเดียวโดยมุ่งขายสินค้าให้ได้ปริมาณมาก และรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เพื่อให้มีการซื้อซ้ำในครั้งต่อๆ ไป  อีกทั้งจะอาศัยลูกค้าเดิมช่วยประชาสัมพันธ์ปากต่อปากบอกเล่าต่อไปแนะนําลูกค้ารายใหม่ๆ ให้ การทํารายได้ดีมากน้อยขึ้นอยู่กับความสามารถในการขายของผู้ขายโดยเฉพาะความสามารถในการอธิบาย การสาธิตสินค้า การชี้ชวนให้ลูกค้าคล้อยตามอย่างสม่ำเสมอจะช่วยรักษาลูกค้าเดิม และเพิ่มการซื้อซ้ำได้
2. การขายตรงแบบหลายชั้น  (Multi-Level Marketing หรือ MLM)
เป็นระบบที่ผลักดันให้ตลาดขายตรงเติบโตเร็วเกินคาดโดยมี  “แผนการตลาด”  เป็นแรงส่งโดยการสร้างระบบการวางแผนสร้างเครือข่ายการตลาดซึ่งมีผู้จําหน่ายตรงเป็นแกนมีคอมมิชชั่นและผลตอบแทนล่อใจอื่นๆ เป็นแรงขับเคลื่อนระบบนี้ตัวผู้ประกอบการลงทุนต่ำเพียงแค่สร้างระบบ และจ้างบุคลากรมาบริหารตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น และสามารถผลักภาระการฝึกอบรมไปให้กับผู้จําหน่ายตรงระดับซุปเปอร์ไวเซอร์ขึ้นไปบริษัททําหน้าที่สร้างแผนงานเครือข่าย โดยเสนอผลตอบแทนค่อนข้างสูงเพื่อล่อใจให้ผู้จําหน่ายตรงขยายตัวให้มากที่สุด มีการแบ่งระดับผลประโยชน์มากกว่า 1 ชั้น  ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 2 ชั้นขึ้นไปจนถึง 11 ชั้นโดยให้คอมมิชชั่นเป็นเปอร์เซ็นต์ต่างกันออกไป ระบบ MLM ได้รับความนิยมมากที่สุดเนื่องจากสามารถขยายธุรกิจได้เร็ว และให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้แทนจำหน่ายได้มากกว่าระบบขายตรงชั้นเดียว ...