ข้อ ใด กล่าว ถึง หมายเลข ไอ พี ไม่ ถูก ต้อง

ที่อยู่ IP คือหมายเลขเฉพาะที่กำหนดให้กับอุปกรณ์ทั้งหมด เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือโทรศัพท์ เมื่อเชื่อมกับต่ออินเทอร์เน็ตจะแสดงตำแหน่งสถานที่ ที่เราใช้อินเทอร์เน็ต

จุดเด่น

  • ที่อยู่ IP แสดงตำแหน่งที่เราเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  • VPN ช่วยซ่อนตำแหน่งที่อยู่ IP ของคุณได้จริง
  • ที่อยู่ IP แสดงตำแหน่งข้อมูลเบื้องต้นของคุณเท่านั้น

IPv4 กับ IPv6

ปัจจุบันมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตโปรโตคอลสองเวอร์ชันซึ่งก็คือ IP เวอร์ชัน 4 (IPv4) และ IP เวอร์ชัน 6 (IPv6) โดยอินเทอร์เน็ตโปรโตคอลเหล่านี้มีสองฟังก์ชันหลัก ได้แก่ การระบุตัวตนและการระบุตำแหน่ง
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง IPv4 และ IPv6 คือจำนวนที่อยู่ที่เป็นไปได้ IPv4 รองรับได้เพียง 4 พันล้านเท่านั้นเพราะใช้เพียง 32 บิต ส่วน IPv6 เปิดตัวในปี 1995 เพื่อให้แน่ใจว่าโลกจะไม่หมดในไม่ช้า: IPv6 ใช้ 128 บิต ส่งผลให้เป็น 3.4 x 10 38 ที่อยู่ที่เป็นไปได้

IP Address ส่วนตัวและสาธารณะ

ต่างจากที่อยู่ IP สาธารณะ ที่อยู่ IP ส่วนตัวถูกใช้โดยเครือข่ายส่วนตัวเพื่อระบุและแบ่งปันข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ (เช่น เครื่องพิมพ์) ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง

คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องหรืออุปกรณ์ในเครือข่ายภายในบ้านของคุณมีที่อยู่ IP ส่วนตัวที่ไม่ซ้ำกันเพื่อให้สามารถสื่อสารกันได้ อย่างไรก็ตามเครือข่ายท้องถิ่นภายนอกไม่สามารถดูหรือสร้างการเชื่อมต่อใดๆได้

เราเตอร์ของคุณจะกำหนดที่อยู่ IP ส่วนตัวให้กับทุกสิ่งในเครือข่ายภายในบ้านของคุณผ่านโปรโตคอล DHCP โดยช่วงตัวเลขบางช่วงสามารถใช้งานได้เฉพาะกับที่อยู่ IP ส่วนตัว

       เปรียบเทียบ MAC Address ก็เสมือนเลขบัตรประจำตัวประชาชน ส่วน IP Address ก็เสมือนบ้านเลขที่ คือ IP Address จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแต่ละครั้งขึ้นกับผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ISP) จะเป็นผู้กำหนด IP ให้กับเครื่องเราโดยมีการผูก MAC Address ของเรากับ IP Address ที่เราได้รับเอาไว้ด้วยกันเมื่อเราต้องการรับข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตสมมุติว่าข้อมูลเป็นเสมือนจดหมายก็จะส่งโดยจ่าหน้าซองเป็นเลขที่บ้านหรือ IP Address นั่นเอง เพื่อให้เราได้รับจดหมายนั้น ส่วนเลขประจำตัวประชาชนจะใช้เมื่อต้องการอ้างอิงตัวตนของเรา เช่น เมื่อต้องการใช้ Wireless LAN ที่มีการกำหนดให้ลงทะเบียน MAC Address ก่อน เพื่อให้เฉพาะ MAC Address ที่ลงทะเบียนแล้วใช้งานได้เท่านั้น

เมื่อเราเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ต คงจะเคยเห็นตัวเลขแปลกๆ เช่น 127.0.0.1 หรือ 192.168.1.1 หรือจำนวนอื่นๆ ตัวเลขเหล่านี้คืออะไรกัน

ตัวเลขเหล่านี้คือหมายเลข IP ประจำเครื่องครับ โดย IP ก็ย่อมาจากคำว่า Internet Protocol หน้าที่ของเจ้าเลขพวกนี้ก็คือ เป็นหลายเลขที่ใช้ในระบบเครือข่าย เป็นหมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ในกรณีที่เราเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น โทรศัพท์มือถือทุกเครื่องก็จะมีเลขหมายหรือเบอร์โทรศัพท์เพื่อบอกว่าถ้าจะติดต่อเครื่องนี้ให้โทรมาที่เบอร์นี้นะ เช่นเดียวกันครับ คอมพิวเตอร์ก็มีเลขหมายหรือพูดง่ายก็คือชื่อมันนั่นเอง เพือให้เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่างๆ บนระบบเครือข่ายรู้จักกัน

จากหมายเลข IP ที่ยกตัวอย่างไปด้านบน เราเรียกว่า IPv4 ครับ โดยจะเป็นหมายเลขที่มีทั้งหมด 32 บิต (แต่ละช่วงเว้นวรรคด้วย “.” ) แบ่งเป็นช่วงละ 8 บิต โดยตัวเลข 8 นี้ก็จะมีค่าตั้งแต่ 0 – 255 ครับ ดังนั้น IPv4 จึงมีหมายเลขได้ตั่งแต่ 0.0.0.0 ถึง 255.255.255.255 แต่ก็ใช่ว่าทุกตัวจะใช้ได้หมดนะครับ เพราะจะมีบางหมายเลขที่ถูกเก็บไว้ใช้งานเฉพาะ

IPv4 ทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็น Class ชนิดต่างๆ เพื่อจุดประสงค์ในการใช้งานที่ต่างกันไป ดังนี้ครับ

  1. Class A เริ่มตั้งแต่ 1.0.0.1 ถึง 127.255.255.254
  2. Class B เริ่มตั้งแต่ 128.0.0.1 ถึง 191.255.255.254
  3. Class C เริ่มตั้งแต่ 192.0.1.1 ถึง 223.255.254.254
  4. Class D เริ่มตั้งแต่ 224.0.0.0 ถึง 239.255.255.255 ใช้สำหรับงาน multicast
  5. Class E เริ่มตั้งแต่ 240.0.0.0 ถึง 255.255.255.254 ถูกสำรองไว้ ยังไม่มีการใช้งาน

สำหรับไอพีในช่วง 127.0.0.0 ถึง 127.255.255.255 ใช้สำหรับการทดสอบระบบ

แต่หมายเลข IP ด้านบนนี้ก็ยังถูกแบ่งออกเป็นอีก 2 ประเภทคือ IP ส่วนตัว (Private IP) และ IP สาธารณะ (Publish IP)

โดย IP ส่วนตัวมีไว้สำหรับใช้งานภายในองค์กรเท่านั้น ได้แก่

  1. Private IP คลาส A เริ่มตั้งแต่ 10.0.0.0 ถึง 10.255.255.255 Subnetmask ที่ใช้ได้ เริ่มตั้งแต่ 255.0.0.0 ขึ้นไป
  2. Private IP คลาส B เริ่มตั้งแต่ 172.16.0.0 ถึง 172.31.255.255 Subnetmask ใช้ได้ เริ่มตั้งแต่ 255.240.0.0 ขึ้นไป
  3. Private IP คลาส C เริ่มตั้งแต่ 192.168.0.0 ถึง 192.168.255.255 Subnetmask ที่ใช้ได้ เริ่มตั้งแต่ 255.255.0.0 ขึ้นไป

ไอพีส่วนตัวข้างต้นถูกกำหนดให้ไม่สามารถนำไปใช้งานในเครือข่ายสาธารณะ (Internet)

ส่วน Public IP มีไว้สำหรับให้แต่ละองค์กร หรือแต่ละบุคคลใช้ในการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายเข้าหากัน

จากช่วงของ IPv4 ตั้งแต่ 1.1.1.1 ถึง 255.255.255.255 ถ้าคอมพิวเตอร์ 1 เครื่องใช้หนึ่งหมายเลข เช่น เครื่องผมใช้ 1.1.1.1 เครื่องที่สองใช้ 1.1.1.2 เราก็จะประมาณได้ว่าเราจะมีคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงอยู่ในระบบเครือข่ายได้ทั้งหมดประมาณ 232 เครื่องครับ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เยอะมาก แต่ก็ยังเยอะไม่พอ เพราะว่า IPv4 ที่แจกจ่ายให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วโลกได้กำลังจะหมดลงไปแล้ว

แล้วเราจะทำอย่างไรดี ถ้าเราซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์มาแล้วไม่มี IP ให้เราใช้ล่ะ วิธีการที่นักคอมพิวเตอร์แก้ไขก็คือการกำหนดหมายเลข IP ใหม่ขึ้นมาครับ โดย IP ใหม่นี้ถูกเรียกว่า IPv6 (Internet Protocol version 6) ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลน IP โดย IPv6 นี้ใช้ระบบเลข 128 บิต ดังนั้นจึงมีจำนวน IP ได้มากสุดถึง 2128 หมายเลขครับ เยอะมากที่จะพอให้มนุษย์บนโลกนี้ใช้ได้ไปอีกนานเลยทีเดียว