สำหรับใครที่มีผู้สูงอายุในครอบครัว เคยสงสัยไหมคะว่า ถ้าเราไม่ได้คอยอยู่ดูแลใกล้ ๆ อย่างเวลาที่ออกไปจ่ายตลาดคนเดียว หรือต้องอยู่บ้านคนเดียว ผู้สูงอายุจะสามารถดูแลตนเองได้ดีหรือไม่? หรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือเปล่า? บทความนี้จึงมี การทดสอบสมรรถภาพทางกาย ของผู้สูงอายุ เพื่อประเมินความสามารถในการดูแลตนเองของผู้สูงอายุ รวมทั้งมีแนวทางในการฟื้นฟูปัญหาสุขภาพเหล่านั้นมาฝากด้วยค่ะ Show สารบัญ
(อ้างอิงข้อมูลจาก : คู่มือปฏิบัติการการตรวจสมรรถภาพทางกายในผู้สูงอายุ) ก่อนเริ่ม การทดสอบสมรรถภาพทางกาย ควรระวังอะไรบ้าง?ถึงแม้ว่า การทดสอบสมรรถภาพทางกาย ในผู้สูงอายุ จะไม่ได้มีความอันตรายใด ๆ แต่ด้วยปัญหาทางด้านสุขภาพในผู้สูงอายุบางอย่าง อาจทำให้เกิดผลกระทบหรือผลเสียตามมาได้ จึงทำให้ต้องมีการคัดกรองผู้สูงอายุที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ ให้งดการทดสอบสมรรถภาพนะคะ
เตรียมตัวผู้สูงอายุก่อนวันที่จะเริ่มทำการทดสอบ
หากระหว่างการทดสอบ ผู้สูงอายุมีอาการดังต่อไปนี้ ให้หยุดทำการทดสอบทันที
การทดสอบสมรรถภาพ ผู้สูงอายุ 6 อย่าง มีอะไรบ้างมาดูกัน!ก่อนที่จะเริ่มทำการทดสอบ ให้ผู้สูงอายุอบอุ่นร่างกายประมาณ 5 – 8 นาทีก่อนนะคะ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ ด้วยการยืดกล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อแขน เช่น การย่ำอยู่กับที่ แกว่งแขน ก้าวขาไปด้านข้าง เหยียดขา ซึ่งในระหว่างการอบอุ่นร่างกาย อาจจะเปิดเพลงไปด้วย เพื่อให้ผู้สูงอายุตื่นตัว ลดอาการเกร็ง และเพิ่มความสนุกสนานได้ด้วยค่ะ (อ้างอิงข้อมูลจาก : คู่มือปฏิบัติการการตรวจสมรรถภาพทางกายในผู้สูงอายุ) 1.ทดสอบการลุกจากเก้าอี้ (วัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา) วิธีทดสอบ : ให้ผู้สูงอายุนั่งหลังตรงบนเก้าอี้ เท้าทั้งสองข้างวางราบ แขนวางไขว้กันที่หน้าอก แล้วให้ผู้สูงอายุลุกขึ้นยืนตรง และกลับมานั่งเก้าอี้ตามเดิม จากนั้นเริ่มจับเวลา โดยให้ยืนและนั่งซ้ำเช่นนี้ ภายในเวลา 30 วินาที ประเมินผล : ถ้าผู้สูงอายุยืนและนั่ง ได้น้อยกว่า 8 ครั้ง แสดงว่าผู้สูงอายุ มีกล้ามเนื้อขาที่ไม่แข็งแรง มีความเสี่ยงที่จะหกล้มหรือเกิดอุบัติเหตุ ระหว่างเดิน ขึ้น-ลงบันไดหรือรถ การลุกจากที่นั่ง หรือเตียงนอนได้
2.ทดสอบการงอข้อศอก (วัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขนและลำตัวส่วนบน) วิธีทดสอบ : ให้ผู้สูงอายุนั่งตรง หลังพิงกับเก้าอี้ (ใช้เก้าอี้ที่มีพนักพิงหลัง) เท้าทั้งสองข้างวางราบ ใช้แขนข้างที่ถนัดถือดัมเบล โดยผู้หญิงให้ใช้น้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม และผู้ชายให้ใช้น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม แล้วปล่อยแขนลงข้างลำตัว จากนั้นทำการงอศอกในลักษณะหงายมือขึ้น จนสุดช่วงการงอและเหยียดกลับสู่ท่าเริ่มต้น โดยให้ทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายใน 30 วินาที การประเมินผล : ถ้าผู้สูงอายุทำได้น้อยกว่า 11 ครั้ง ถือว่ากล้ามเนื้อแขนไม่แข็งแรง อาจเกิดการบาดเจ็บ หรือไม่มีแรงมากพอ ในการทำงานบ้าน การยกหรือหิ้วสิ่งของหนัก ๆ รวมทั้งการอุ้มหลาน 3.ทดสอบการยกขาสูง 2 นาที (วัดความทนทานของหัวใจและการหายใจ) วิธีทดสอบ : ก่อนอื่นจะต้องหาความสูงในการยกเข่าสำหรับผู้สูงอายุแต่ละคน โดยจะอยู่ที่จุดกึ่งกลางระหว่างเข่า และขอบบนของกระดูกสะโพก แล้วใช้เทปติดผนังเพื่อเป็นเครื่องหมายไว้ จากนั้นเริ่มทดสอบ โดยให้ผู้สูงอายุยกขาอยู่กับที่ ทั้งสองข้างสลับกัน ให้สูงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ภายในเวลา 2 นาที แต่การนับจำนวนครั้ง ให้นับเฉพาะครั้งที่ขาขวายกถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ (ที่ติดเทปไว้ในขั้นตอนแรก) ถ้าผู้สูงอายุยกเข่าไม่ถึงเป้าหมาย ให้ยกขาช้าลง หรือหยุดจนกว่าจะทำให้ได้ถึงเป้าหมายได้ (ไม่ต้องหยุดเวลา) แต่ต้องทำให้ได้ภายใน 2 นาทีที่ทำการทดสอบ การประเมินผล : หากในเวลา 2 นาที ผู้สูงอายุทำได้น้อยกว่า 65 ครั้ง ถือว่ามีความทนทานของระบบหัวใจและการหายใจต่ำ ผู้สูงอายุท่านนั้นอาจไม่สามารถเดินทางระยะไกล ควรระมัดระวังในเรื่องของการไปจับจ่ายซื้อของในตลาด การไปเที่ยวที่ต้องเดินเยอะ ๆ เป็นต้น 4.ทดสอบการนั่งเก้าอี้เอื้อมแตะ (วัดความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อหลังและกล้ามเนื้อขา) วิธีทดสอบ : ให้ผู้สูงอายุนั่งที่บริเวณขอบเก้าอี้ (ขาและก้นอยู่ด้านหน้าของขอบที่นั่ง) ให้ขาด้านหนึ่งงอ โดยเท้าวางราบกับพื้น ส่วนอีกข้างหนึ่งเหยียดไปข้างหน้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยให้ส้นเท้าวางที่พื้น ข้อเท้ากระดกขึ้น 90 องศา จากนั้นเอื้อมมือไปแตะที่ปลายเท้า โดยใช้นิ้วกลางยื่นไปแตะปลายเท้าให้ได้ (เข่าต้องเหยียดตรง) จากนั้นค้างการเอื้อมมือแตะไว้ 2 วินาที การประเมินผล : ถ้าเอื้อมแตะแล้วเหลือระยะห่างระหว่างปลายนิ้วกลางและปลายเท้า โดยที่ผู้ชายเหลือมากกว่า 4 นิ้ว และผู้หญิงเหลือมากกว่า 2 นิ้ว ถือว่าความยืดหยุ่นต่ำ อาจมีปัญหาในเรื่องของการทรงตัว การเดิน และเสี่ยงต่อการหกล้มในขณะก้าวขึ้น-ลงรถ 5.ทดสอบการเอื้อมมือทั้งสองข้างแตะกันด้านหลัง (วัดความยืดหยุ่นของลำตัวส่วนบนและแขน) วิธีการทดสอบ : ให้ผู้สูงอายุยืนและวางมือข้างใดข้างหนึ่งอยู่ด้านบน คว่ำมือลงแตะด้านหลัง ข้อศอกชี้ขึ้นบน โดยที่เอื้อมไปกลางหลังให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากนั้นให้วางมืออีกข้างหนึ่งอ้อมมาทางด้านหลัง โดยหงายฝ่ามือขึ้น เอื้อมมือมาแตะมืออีกข้างที่รออยู่ด้านบนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การประเมินผล : ถ้าผู้ชายเหลือระยะห่างระหว่างมือทั้งสองข้างมากกว่า 4 นิ้ว และผู้หญิงมากกว่า 2 นิ้ว ถือว่าความยืดหยุ่นต่ำ ผู้สูงอายุท่านนั้นอาจมีปัญหาในการหยิบจับสิ่งของที่อยู่เหนือศีรษะ รวมทั้งการใส่เสื้อ การเอื้อมหยิบของ หรือคาดเข็มขัดนิรภัยในรถ 6.ทดสอบการลุกขึ้นจากเก้าอี้ (วัดความคล่องแคล่วและการทรงตัวเมื่อเคลื่อนไหว) วิธีทดสอบ : ให้วางเก้าอี้พิงผนังห้องไว้ จากนั้นให้วางกรวยหรือวัตถุอะไรก็ได้ เพื่อเป็นเป้าหมายให้ผู้สูงอายุเดินอ้อม โดยตั้งห่างจากเก้าอี้ประมาณ 2 เมตร จากนั้นให้ผู้สูงอายุนั่งที่เก้าอี้ โดยนั่งให้หลังตรง เท้าวางราบกับพื้นห้อง มือวางที่ต้นขา หากพร้อมแล้ว ให้ผู้ทำการทดสอบ ออกคำสั่ง “เริ่ม” เมื่อผู้สูงอายุลุกขึ้นให้เริ่มจับเวลา ให้ผู้สูงอายุเดินด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อเดินอ้อมกรวยกลับมานั่งเก้าอี้แล้ว ให้หยุดการจับเวลา การประเมินผล : ถ้าผู้สูงอายุใช้เวลามากกว่า 9 วินาที ถือว่าเป็นผู้ที่มีความคล่องแคล่วน้อย มีความเสี่ยงในเรื่องของการทรงตัวไม่ดีและเสี่ยงต่อการล้ม ซึ่งกิจกรรมที่ต้องทำในชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ ก็ต้องใช้ความเร็วในการเคลื่อนไหวอยู่บ้าง เช่น การขึ้นลงรถประจำทาง การทำงานในครัว การเข้าห้องน้ำ อ่านบทความ : การหกล้มในผู้สูงอายุ อุบัติเหตุในผู้สูงอายุที่ต้องระวังไว้เพื่อคนที่คุณรัก หากผู้สูงอายุมีสมรรถภาพทางกายที่ไม่ดี สามารถฟื้นฟูได้อย่างไรบ้าง?หากพบว่าผู้สูงอายุในครอบครัวมีสมรรถภาพทางกายที่ไม่ดี ผู้ดูแลควรรีบหาทางฟื้นฟูโดยเร็วนะคะ เพราะหากปล่อยไว้ผู้สูงอายุจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ จนอาจนำสู่ภาวะที่ต้องพึ่งพิงผู้ดูแล หรือแย่ไปกว่านั้น อาจอันตรายถึงขั้นชีวิตเลยค่ะ ดังนั้น การฟื้นฟูสภาพภาพผู้สูงอายุ จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 วิธีหลัก ๆ คือ การออกกำลังกายเพื่อการรักษา และการใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ 1.การออกกำลังกายเพื่อการรักษา การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้สูงอายุด้วยวิธีนี้ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต่าง ๆ ทำให้หัวใจและการไหลเวียนเลือดทำงานดีขึ้น และลดการเกิดปัญหาปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น ภาวะข้อยึดติด ช่วยให้ผู้สูงอายุมีสมรรถภาพทางกายที่ดีขึ้น สามารถกลับมาทำกิจกรรมบางอย่างด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งผู้ดูแลได้ แต่ผู้สูงอายุที่เป็นโรคบางอย่างจะไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้ เช่น โรคความดันสูง โรคกระดูกพรุน อีกทั้งยังเสี่ยงเกิดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ กระดูก และผิวหนัง หากปฏิบัติไม่ถูกวิธี 2.การใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ เป็นอุปกรณ์ที่จะมาช่วยให้ผู้สูงอายุ สามารถทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ด้วยตนเองได้มากขึ้น ลดการพึ่งพาผู้ดูแลให้น้อยลง และช่วยป้องกันในเรื่องของอุบัติเหตุต่าง ๆ ได้ เช่น
รองเท้าเพื่อสุขภาพ KAIHOSHUGI ออกแบบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อและกระดูก ลดความเสี่ยงในการสะดุดหกล้ม ใส่สบาย นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น
รถเข็นช่วยเดิน Rollator รุ่น Let’s Shop ดีไซน์สวย ใช้สำหรับช่วยเดิน และใช้เป็นเก้าอี้รองนั่ง มาพร้อมกระเป๋าใส่ของ สามารถพับเก็บขึ้นรถยนต์ได้
รถเข็นวีลแชร์ แบบล้อเล็ก รุ่น GK863LABJ-12 (ซ้าย) และแบบล้อใหญ่ รุ่น GK863LAJ-20 (ขวา) น้ำหนักเบา พับเก็บใส่ท้ายรถได้
รถเข็นนั่งถ่าย และอาบน้ำ รุ่น MOEM ถอดฝาปิดและถังรองรับของเสียได้ อำนวยความสะดวกในการทำความสะอาด และใช้งานกับสุขภัณฑ์ได้ สรุปการทดสอบสมรรถภาพทางกายของผู้สูงอายุ จะช่วยให้ผู้ดูแลหรือครอบครัว สามารถประเมินความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันด้วยตนเองได้ ซึ่งหากทดสอบแล้วพบว่า ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงในการใช้ชีวิตหรือมีโอกาสที่ต้องพึ่งพาผู้ดูแลสูง ควรให้ผู้สูงอายุฟื้นฟูสมรรถภาพทางกาย ไม่ว่าจะด้วยการรักษาด้วยการออกกำลังกายหรือการใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ เพื่อให้ป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุต่าง ๆ เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุได้ BED & MATTRESS PRODUCT จัดจำหน่าย บริษัท ฟาร์ ทริลเลียน จำกัด 73,75 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 89/2 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ10700 |