ข น เคร องบ น ส วรรณภ ม ภายใน ประเทศ

ละครน้ำเน่าจับวิศวกรไทย “นช.แม้ว” พระเอก “ฮุนเซน”กำกับ ดิสเครดิต“มาร์ค”เด็กอมมือ

เผยแพร่: 21 พ.ย. 2552 00:00 โดย: MGR Online

หลัง “นช.ทักษิณ ชินวัตร” เหยียบแผ่นดินพนมเปญ มีละครน้ำเน่าที่กำกับและเขียนบทโดยนักโทษชายหนีคดีร่วมกับ “ฮุนเซน” เพื่อนชั่ว-นิรันดร์เกิดขึ้น 2 เรื่องด้วยกัน

ละครเรื่องแรกคือ การส่งตัว “นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย” เลขานุการเอก ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ออกนอกประเทศ ภายใน 48 ชั่วโมง โดยอ้างเป็นบุคคลไม่พึงประสงค์กลับประเทศไทยภายใน 48 ชั่วโมง

ตามต่อด้วยละครเรื่องที่สองคือ การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาจับกุมนายศิวรักษ์ โชติพงษ์ วัย 31 ปี วิศวกรชาวไทยที่ทำงานกับบริษัทบริการการเดินอากาศกัมพูชา (Cambodia Air Traffic Services) โดยกล่าวหาว่า วิศวกรผู้นี้ ได้สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเที่ยวบินของนช.ทักษิณ ชินวัตร ที่เดินทางเข้ากัมพูชาในวันที่ 10 พ.ย. และส่งให้แก่นายคำรบ เลขานุการเอก ตามติดมาด้วยการปล่อยข่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์รักษาความปลอดภัย(ศรภ.) ถูกจับกุมที่กัมพูชาด้วยข้อหาใกล้เคียงกัน

ละครน้ำเน่าทั้ง 2 เรื่องมีวัตถุประสงค์ประการเดียวคือเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

อย่างไรก็ตาม ละครน้ำเน่าเรื่องเด็ดที่สุดก็คือละครเรื่องจับวิศวกรไทยยัดข้อหาจารกรรมและเป็นภัยต่อความมั่นคงของกัมพูชา เพราะเป็นละครที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน หลังจากที่นักโทษชายทักษิณพ่ายแพ้ต่อรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ที่ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นจากการไปเป็นข้าในขอบขัณฑสีมา เป็นที่ปรึกษาของฮุนเซนภายใต้พระบรมราชโองการจากกษัตริย์กัมพูชา รวมทั้งการให้สัมภาษณ์ไทมส์ออนไลน์จาบจ้วงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะหากมานั่งไล่เรียงถึงข้อหาที่รัฐบาลฮุนเซนยัดให้นายศิวรักษ์คือ กระทำการโจรกรรมข้อมูลเที่ยวบิน นช.ทักษิณ ซึ่งรัฐบาลฮุนเซนอ้างว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงแล้ว ก็ไม่เห็นถึงเหตุผลอะไรที่เป็นแรงบันดาลใจให้นายศิวรักษ์กระทำการเยี่ยงนั้น

และที่สำคัญก็คือข้อมูลการบินก็ไม่ใช่ข้อมูลลับอะไร ดังเช่นที่นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บ.สามารถคอร์ปเรชั่น จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ CATS กล่าวยืนยันว่า “ข้อมูลตารางบินเป็นข้อมูลปกติทั่วไป ไม่ใช่ข้อมูลความลับ”

เช่นเดียวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงที่ระบุชัดเจนว่า “แผนการบินไม่ใช่ความลับ เพราะผมยังตรวจสอบเส้นทางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณและได้แผนการบินออกมาว่า บินจากอินเดีย ผ่านกรุงเทพฯ ไปลงเขมร โดยไม่ต้องให้จารชนเข้าไปสืบราชการลับที่เขมร เพราะอยู่ที่นี่ก็รู้ได้จากกรมการบินทางอากาศหรือวิทยุการบินของเรา”

ดังนั้น การจับกุมนายศิวรักษ์จึงน่าจะเป็นละครที่ 2 เพื่อนชั่วนิรันดร์เขียนและกำกับบทขึ้นมาเอง

ขณะเดียวกัน ถ้าหากย้อนกลับไปขุดคุ้ยข้อมูลชีวประวัติเบื้องหลังของนายศิวรักษ์ ก็ไม่ได้มีจุดที่ทำให้วิศวกรไทยรายนี้มีความคิดทางการเมืองที่รุนแรงแต่ประการใด ดังเช่นที่ “นางสิมารักษ์ ณ นครพนม” อายุ 57 ปีครูชำนาญการพิเศษ หัวหน้าแผนกพาณิชย์การ วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา ซึ่งเป็นมารดาของนายศิวรักษ์ กล่าวถึงพฤติกรรมของลูกชายว่า เรื่องของการเมืองปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศนั้น คงไม่มีแน่เพราะลูกชายของตนเองไม่ฝักใฝ่ทางการเมืองอยู่แล้ว และโดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าลูกเป็นคนดีและจะไม่มีวันทำความผิดอย่างที่ถูกกล่าวหาแน่นอน

ข้อสรุปเรื่องนี้มีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่า การจับกุมนายศิวรักษ์น่าจะเป็นละครที่ 2 เพื่อนชั่วนิรันดร์เขียนและกำกับบทขึ้นมาเอง โดยพวกเขาต้องการแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ไม่สามารถช่วยเหลือคนไทยที่ตกระกำลำบากในกัมพูชาได้ ไม่มีบารมีเพียงพอที่จะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวให้การช่วยเหลือคนไทยเพราะรัฐบาลกัมพูชาไม่ยอมรับ และอีกสารพัด ขณะที่ตัวเองจะได้อาศัยจังหวะนี้แสดงบท “ฮีโร่” ต่อสายถึงฮุนเซนเพื่อช่วยเหลือวิศวกรไทยให้พ้นจากคุกของกัมพูชา

เพราะหลังจากการจับกุมนายศิวรักษ์ รัฐบาลนายฮุนเซนก็ไม่อนุญาตให้ใครเยี่ยม และไม่แจ้งข้อหาที่ชัดเจนหลังจากการกระทรวงการต่างประเทศของไทยทำหนังสือขอคำชี้แจงไป เพื่อทำให้เกิดภาพลบกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์

จากนั้นก็ตามมาด้วยการที่คนใกล้ชิดของ นช.ทักษิณ เช่น นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย รวมทั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยที่ต่างออกมาให้สัมภาษณ์ว่า นช.ทักษิณพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือวิศวกรไทยดังกล่าว

นพดลแถลงอย่างเต็มปากเต็มคำว่า “ขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับทราบคำขอร้องดังกล่าวแล้วและยินดีช่วยเหลือด้วยมนุษยธรรมเต็มที่และได้โทรศัพท์ติดต่อกับผู้ใหญ่ระดับสูงของกัมพูชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเบื้องต้นเราต้องสันนิษฐานว่านายศิวรักษ์เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่หากมีการพิสูจน์ว่ามีการกระทำความผิดตามกฎหมายของประเทศกัมพูชาจริง ก็หวังว่าจะได้รับเมตตาธรรมจากทางการกัมพูชา ส่วนจะได้รับความเมตตาอย่างไร คงไม่สามารถพูดได้ในขณะนี้เพราะเรื่องยังไม่เกิดแค่คาดว่า ภายในไม่กี่วันนี้ ทางการกัมพูชาคงจะนำตัวนายศิวรักษ์ขึ้นศาลและจะมีผลการวินิจฉัยออกมา”

มันช่างเป็นพล็อตที่เหมาะเจาะอะไรเช่นนี้

และขณะที่คนไทยกำลังเป็นห่วงว่านายศิวรักษ์จะได้รับอันตราย จะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกัมพูชา หรืออาจถูกขังลืมในคุกกัมพูชา อัศวินควายดำก็ปรากฏตัวอย่างพอเหมาะพอเจาะ โดยนช.ทักษิณ ได้กล่าวผ่านรายการวิทยุทางอินเทอร์เน็ตว่า กรณีที่วิศวกรไทยโดนจับ มีคนบอกให้ตนช่วย จึงได้บอกกับทางกัมพูชาว่าขอความเป็นธรรมด้วย แต่ตนก็จะทำให้เท่าที่ทำได้ แม้เรื่องที่โดนกล่าวเป็นจริงว่าจะมาทำอันตราย ตนก็จะช่วย เพราะตนให้อภัยคน แต่เรื่องนี้ตนรู้ภายหลังว่าคนไทยถูกจับ และกัมพูชาได้เปลี่ยนเครื่องบินให้ เพราะการข่าวบอกว่าไม่น่าไว้ใจ

จากนั้นในวันเดียวกัน นช.ทักษิณก็ได้ทวิตตอบผู้ใช้นามว่า “mewzZz” ที่ได้ส่งข้อความขอให้เขาช่วยเหลือนายศิวรักษ์ว่า “ได้ประสานไปแล้วครับ เขาขอสอบสวนก่อนโดยจะให้ความเป็นธรรมครับ”

ที่น้ำเน่าไปกว่านั้นก็คือ มีการปล่อยข่าวผ่านสื่อในสังกัดเสื้แดงออกมาด้วยว่า ทางการกัมพูชาเตรียมอภัยโทษให้นายศิวรักษ์แล้ว และจะส่ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ไปรับนายศิวรักษ์ด้วยตัวเองถึงกรุงพนมเปญ

เรื่องนี้บอกได้คำเดียวว่า สุดยอดละครน้ำเน่าแห่งปีทีเดียว

ถ้าหากรัฐบาลของนายฮุนเซนให้อภัยโทษกับนายศิวรักษ์จริง ก็ต้องถือเป็นโจ๊กระดับโลก เพราะการตั้งข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคงนั้น ถ้าได้รับการพิสูจน์แล้วว่าผิดจริง นายศิวรักษ์จะต้องถูกจำคุกอย่างน้อย 15-20 ปี แล้วจู่ๆ ทำไมรัฐบาลของนายฮุนเซนถึงได้ให้อภัยโทษกันง่ายๆ แบบนี้

นี่คือละครน้ำเน่าที่นช.ทักษิณสร้างขึ้นเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของเขาที่สามารถช่วยเหลือคนไทยที่ถูกยัดเยียดข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคงได้

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาว่า นี่คือเกมการเมืองที่สามารถแยกออกได้เป็น 3 ประเด็นด้วยกัน

หนึ่ง-ฮุนเซนต้องการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนของเขาทราบว่า รัฐบาลไทยได้เข้าไปแทรกแซงรุกรานกิจการภายในประเทศกัมพูชาเช่นกัน ด้วยการกล่าวหาจับกุมคนไทยข้อหาจารกรรมข้อมูลภายในประเทศกัมพูชา

สอง-ฮุนเซนต้องการใช้นายศิวรักษ์ต่อรองทางการเมืองเพื่อสร้างบทบาทให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ ด้วยการเข้าเจรจากับกัมพูชาเพื่อช่วยเหลือนายศิวรักษ์ ซึ่งยอมรับว่าเป็นเกมที่อ่านได้ง่ายมาก แต่มันจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ต่อตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ทางบวกว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาให้กัมพูชา จะเกิดประโยชน์ต่อไทย อีกทั้งยังเป็นคนช่วยเหลือนายศิวรักษ์ ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า มีความชอบในการเป็นที่ปรึกษาให้กัมพูชา

และสาม-ฮุนเซนอาจต้องการจุดชนวนให้ไทยคืนดีกับกัมพูชา ดังนั้น ตนจึงขอให้รัฐบาลไทยตั้งสติว่าเรื่องการจับกุม นายศิวรักษ์กับการเจรจาคืนดีกับกัมพูชาเป็นคนละเรื่องกัน อย่าหลงเข้าวังวนเกมที่พวกเขาวางเอาไว้

เช่นเดียวกับ “อ.ไชยันต์ ไชยพร” อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่บอกว่า “มีหลายเรื่องน่าตั้งข้อสังเกต ซึ่งตัวละครที่เกี่ยวข้องขณะนี้อาจถูกใช้เป็นหมากโดยไม่ทราบเรื่อง ไม่ว่านางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของนายศิวรักษ์ อีกทั้งท่าทีของคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ เช่น นายนพดลที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณทราบเรื่องแล้วและพร้อมให้การช่วยเหลือ ตลอดจนท่าทีของทางการกัมพูชาที่ดูเหมือนว่าจะผ่อนปรนและยอมให้คนของฝ่ายทักษิณเข้าพบนายศิวรักษ์ น่าสงสัยว่าเหตุใดกัมพูชาปฏิเสธที่จะให้ตัวแทนทางการไทยได้พบ แต่กลับจะให้ตัวแทนฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณได้พบ และข้อหาจารกรรมที่กัมพูชาตั้งขึ้นมานี้ เป็นข้อหาร้ายแรงสำหรับกัมพูชา ซึ่งดูแล้วยากที่จะยอมลดโทษกันง่ายๆ แต่การที่ พ.ต.ท.ทักษิณพยายามช่วยเหลืออาจมีแนวโน้มที่กัมพูชาจะลดโทษให้ หากเป็นการสร้างเรื่องจริง ก็สอนให้สังคมไทยเห็นว่า เรามีผู้นำที่ชั่วเกินจินตนาการ หลอกไม่เฉพาะประเทศเรา แต่เอาปัญหาระหว่างประเทศมาหลอก เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวจริงๆ และเพื่อบรรลุเป้าหมายตัวเอง โดยไม่สนใจวิธีการอะไรแล้ว แต่ก่อนที่แรงสุดก็คือเอาประเทศชาติเป็นเดิมพัน แต่ครั้งนี้เอาความสัมพันธ์ของสองประเทศไทยมาใช้เพื่อประโยชน์ตัวเอง"

อย่างไรก็ตาม ขณะที่แผนกำลังจะแตกและถูกคนดูจับได้ก่อนที่ละครจะจบ เการเติมบทเพื่อให้ดูสมจริงก็เกิดขึ้นมาอีกคำรบ โดยเป็นการเติมบทจาก “นายจตุพร พรหมพันธุ์” ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง และ “นายฮุนเซน” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

นายจตุพรออกมาเติมบทด้วยจินตนการของตนเองอย่างเมามันว่า ได้หลักฐานสำคัญ 3 ชิ้นคือ 1.ตารางการบินที่ถูกอ้างว่าเป็นของนช.ทักษิณ 2.เทปบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายกษิต ภิรมย์รมว.ต่างประเทศและเลขานุการเอกประจำประเทศกัมพูชา เพื่อสั่งการขอตารางการบินที่ทางกัมพูชาบันทึกไว้ และ 3.เทปการสนทนาระหว่างเลขานุการทูตกับนายศิวรักษ์

เหตุที่กล่าวได้อย่างเต็มคำว่า เป็นการเติมบทก็เพราะ ถ้าหากนายจตุพรมีเทปลับจริง ก็คงต้องรีบนำออกมาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนแล้ว เพราะเป็นประจักษ์พยานที่จะสามารถล้มรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ได้ทันที และนายกษิตคงไม่โง่ถึงขนาดจะสั่งการเรื่องสำคัญระดับนี้ทางโทรศัพท์เพื่อให้ดักฟังได้

ขณะที่ฮุนเซนก็เล่นได้อย่างสมบทสมบาทและสมควรได้รับรางวัลออสการ์สาขาผู้แสดงสมทบ ด้วยการสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ของบริษัท แคมโมเดีย แอร์ ทราฟฟิก เซอร์วิส จำกัด(CATS) ซึ่งเป็นคนไทยประมาณ 10 คนเข้าปฏิบัติหน้าที่ในบริษัท พร้อมแต่งตั้งผู้แทนของสำนักนายกฯ เข้ามาดูแลแทน โดยกล่าวอ้างว่า เป็นผลมาจากการจับกุมนายศิวรักษ์ด้วยข้อหาเกี่ยวกับการจารกรรมตารางการบินของ นช.ทักษิณ

นอกจากนี้ อีกจุดหนึ่งที่สังคมกำลังมีข้อสงสัยก็คือ ตัวบริษัทสามารถคอร์ปอเรชั่นเองว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร เพราะต้องไม่ลืมว่า สามารถเป็นบริษัทที่มีสายสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาในกัมพูชาเช่นกัน และสามารถต่อสายตรงถึงฮุนเซนได้ มิฉะนั้นแล้วคงไม่ได้รับความไว้วางใจให้ได้รับสัมปทานในกิจการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงอย่าง CATS แน่นอน และนอกจาก CATS แล้ว สามารถยังมีการลงทุนขนาดใหญ่ในกัมพูชาอีกโครงการหนึ่งคือ การสร้างโรงไฟฟ้า

แหล่งข่าวระดับสูงให้ข้อมูลว่า ในช่วงแรกที่นายศิวรักษ์ถูกจับ ผู้บริหารของสามารถดูจะไม่วิตกกังวลเท่าใดนัก เหตุเชื่อว่า คงจะสามารถเคลียร์กันได้