โรค ติดต่อ ทาง เพส สั ม พันธุ์ อาการ

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือ กามโรค สามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย เกิดจากการติดต่อผ่านกันทางเพศสัมพันธ์ กับผู้ที่มีเชื้อโรคนั้นๆ ซึ่งมีความอันตรายอยู่ตรงที่อาการแสดงมีหลายระดับ และมีความรุนแรงตั้งแต่น้อยถึงมากจนทำให้เสียชีวิต ผู้ที่ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะไม่ค่อยแสดงอาการ และการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ทำให้เชื้อโรคติดต่อผ่านกันได้ง่าย และผู้ป่วยส่วนใหญ่มาทราบว่าตนเองมีความผิดปกติเมื่อเวลาผ่านไปนาน บางรายก็ไม่สนใจต่ออาการเหล่านั้น หรืออายที่จะเข้ารับการรักษา จึงทำให้โรคนั้นรุนแรงลุกลามเกินกว่าที่จะแก้ไขได้ทันเวลา

Show

สารบัญ

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นอย่างไร

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexual-Transmitted diseases: STDs) หรือ กามโรค เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่มีการติดต่อระหว่างผู้มีเชื้อกับผู้รับเชื้อผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ ทางอวัยวะเพศ ช่องคลอด ทวารหนัก ทางปาก รวมถึงการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อ เช่น อสุจิ เลือด น้ำในช่องคลอด และของเหลวในร่างกายอื่นๆ รวมทั้งยังสามารถติดต่อจากแม่สู่ทารกในครรภ์ผ่านจากการให้เลือดหรือถ่ายโอนเลือด หรือการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในผู้ติดสารเสพติด

โดยพฤติกรรมที่มักเสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ อาทิ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย เคยมีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในอดีต และใช้สารเสพติด เป็นต้น

ประเภทของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

1. กลุ่มเชื้อไวรัส เช่น

  • เริม (Herpes Simplex) สามารถพบได้ในหลายตำแหน่ง เช่น ที่ริมฝีปาก หรือบริเวณอวัยวะเพศ เกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับผู้ที่เป็นโรคเชื้อไวรัสแล้วเข้าสู่ผิวหนัง
  • หูดหงอนไก่ เกิดจากเชื้อที่เรียกว่า Human Papilloma Virus หรือ HPV ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์หรือการสัมผัส อาการที่พบคือมีติ่งเนื้อนูนคล้ายดอกกะหล่ำ อาจมีอาการคัน และเจ็บหรือมีเลือดออก ทั้งนี้มีโอกาสเป็นซ้ำได้บ่อย
  • หูดข้าวสุก เกิดจากเชื้อไวรัส Molluscum Contagiosum Virus (MCV) โดยอาการที่พบ คือ มีผิวเรียบ แต่ละตุ่มมีรูตรงกลาง ซึ่งเมื่อสุกดีจะบีบของเหลวข้นๆ ออกจากรูได้คล้ายข้าวสุก ในบางรายติ่งเนื้อ หรือตุ่มมีขนาดเล็ก
  • เอดส์ เกิดจากการติดเชื้อ HIV ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ เชื้อจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นแหล่งสร้างภูมิคุ้มกันโรคทำให้ติดเชื้อโรคอื่นๆ ได้ง่าย และทำให้ถึงแก่ชีวิต

    2. กลุ่มเชื้อแบคทีเรีย เช่นซิฟิลิส ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์และจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Treponema Pallidum ซึ่งอาศัยอยู่ได้ในทุกส่วนของร่างกาย ผู้ติดเชื้อจะอาการแตกต่างกันตามระยะของโรค เช่น มีแผลที่อวัยวะเพศ มีผื่นขึ้นตามตัว มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต หรือไม่มีอาการใด ๆหนองในแท้ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Neisseria gonorrhoeae อาการหนองในระหว่างผู้หญิงและผู้ชายจะต่างกันออกไป โดยในผู้ชายจะมีปัสสาวะแสบขัดมีหนองไหลจากท่อปัสสาวะ สำหรับในผู้หญิงมักไม่มีอาการหรือมีเพียงตกขาวผิดปกติ ไม่คัน แต่สิ่งทีเหมือนกันอย่างแรกคือเชื้อจะเริ่มแสดงอาการหลังจากได้รับเข้าสู่ร่างกายไม่เกิน 1 สัปดาห์ ทั้งนี้บางรายอาจไม่ได้มีอาการอะไรเลยแผลริมอ่อน เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ Haemophilus Ducreyi จะทำให้เนื้อเยื่อที่อยู่บริเวณอวัยวะเพศ มีอาการเปื่อย

    3. กลุ่มเชื้ออื่นๆ

    ได้แก่ เชื้อรา เช่น เชื้อราในช่องคลอด เป็นต้น เชื้อปรสิต เช่น โลน หิด พยาธิในช่องคลอด เป็นต้น

    อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้

    อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะแตกต่างกันออกไปตามชนิดของโรค ซึ่งอาการต่างๆ อาจเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศอย่างเดียว หรืออวัยวะอื่นๆ ในร่างกายได้ทั้งหมด โดยเราสามารถสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ ดังนี้

    • มีตกขาวผิดปกติ หรือตกขาวเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ
    • ตกขาวมีกลิ่น มีอาการคัน หรือระคายเคือง
    • มีตุ่ม มีผื่น หรือแผล บริเวณอวัยวะเพศ
    • อาจมีน้ำเหลืองหรือน้ำหนอง ไหลออกมาจากปลายอวัยวะเพศชาย
    • ปัสสาวะแสบขัด
    • มีอาการเจ็บแสบ หรือเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
    • มีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
    • มีอาการระคายเคืองที่อวัยวะเพศ

      เมื่อสงสัยว่าอาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ควรทำอย่างไร

      เมื่อพบว่ามีอาการผิดปกติที่สงสัยว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือเพิ่งมีความเสี่ยงในการติดโรค ควรรีบปรึกษาแพทย์ และงดการมีเพศสัมพันธ์ชั่วคราวเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อไปยังบุคคลอื่นจนกว่าจะทราบผลการตรวจ โดยเบื้องต้นแพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยว่า ผู้ป่วยติดเชื้อชนิดใด ด้วยการซักประวัติและความเสี่ยงในการติดเชื้อ ร่วมกับการเจาะเลือด การเก็บปัสสาวะ หรือสารคัดหลั่งส่งตรวจเพื่อวินิจฉัยยืนยันในห้องปฏิบัติการที่มีผลชัดเจน

      การรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

      หากแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ จนกว่าจะได้รับการรักษาจนหาย และแนะนำให้คู่นอนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เข้ารับการตรวจรักษาด้วย ซึ่งการรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสามารถรักษาให้หายได้ง่ายกว่า ส่วนโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสทำได้โดยดูแลอาการไม่ให้กำเริบได้ แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด โดยวิธีการรักษามีดังนี้

      โรค ติดต่อ ทาง เพส สั ม พันธุ์ อาการ

      1. ซิฟิลิส

      • เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย อาการแตกต่างกันตามระยะของโรค เช่น มีแผลที่อวัยวะเพศ มีผื่นขึ้นตามตัว มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต หรือไม่มีอาการใด ๆ
      • ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์และจากมารดาสู่ทารกในครรภ์

      2. โรคหนองใน

      • เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
      • ในเพศชายมักจะพบว่ามีปัสสาวะแสบขัดมีหนองไหลจากท่อปัสสาวะ
      • ในเพศหญิงมักไม่มีอาการหรือมีเพียงตกขาวผิดปกติ ไม่คัน

      3. โรคหูดหงอนไก่

      • เกิดจากเชื้อไวรัส
      • อาการคือมีติ่งเนื้อนูนคล้ายดอกกะหล่ำ อาจมีอาการคัน, เจ็บหรือมีเลือดออก
      • มีโอกาสเป็นซ้ำได้บ่อย
      • ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์หรือการสัมผัส

      4. โรคไวรัสตับอักเสบบี

      • ผู้เป็นพาหะมักไม่มีอาการ
      • ผู้ติดเชื้ออาจมีตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองเข้ม ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย
      • ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์และจากมารดาสู่ทารกในครรภ์

      ข้อมูล ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2565 ที่มา : อ. นพ.ธนภพ บำเพ็ญเกียรติกุล ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านสุขภาพคนข้ามเพศ