Express courier ม ลค าไม เก นเท าไหร

ส่งสินค้าถึงมือผู้รับของคุณด้วยขั้นตอนแสนง่ายดาย เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์อันเร่งรีบของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน

บริการส่งพัสดุเรียกเก็บเงินปลายทาง Cash on Delivery (COD) ช่วยให้การส่งพัสดุสินค้าของคุณไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป ไม่ว่าจะส่งพัสดุชนิดใดก็ตาม บริการ COD ที่เข้าใจง่ายช่วยให้ลูกค้าของคุณเลือกช่องทางการชำระเงินที่สะดวกได้ตามต้องการ

Express courier ม ลค าไม เก นเท าไหร

บริการเก็บเงินปลายทางรูปแบบใหม่ “ส่งไม่สำเร็จ ไม่คิดค่าบริการ”

ประหยัดมากยิ่งขึ้น ไม่เสียค่าธรรมเนียมเก็บเงินปลายทาง เมื่อปลายทางปฏิเสธรับพัสดุ

บริการเก็บเงินปลายทางรูปแบบใหม่ จะหักค่าธรรมเนียม เมื่อเก็บเงินลูกค้าปลายทางได้เท่านั้น สามารถเปลี่ยนแปลงยอด COD ได้ และที่สำคัญพัสดุตีกลับ ไม่เก็บค่าธรรมเนียม หรือต้องจ่ายค่าประกันเพิ่มเติม

Express courier ม ลค าไม เก นเท าไหร

เพิ่มความปลอดภัยด้วยบริการส่งพัสดุแบบเรียกเก็บเงินปลายทาง

เราให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยกับพัสดุของคุณมากที่สุด

เคอรี่ เอ็กซ์เพรส มีกระบวนการเพื่อรองรับความต้องการลูกค้าของคุณโดยเฉพาะ ด้วยบริการส่งพัสดุแบบเรียกเก็บเงินปลายทาง ช่วยให้ผู้รับไม่ต้องกังวลเรื่องการชำระเงิน

Express courier ม ลค าไม เก นเท าไหร

ตัวเลือกการชำระเงินหลากหลาย

เลือกชำระด้วยเงินสด คิวอาร์โค้ด หรือ Rabbit LINE PAY ก็ได้

เราเตรียมวิธีชำระเงินหลายรูปแบบเพื่อช่วยให้ลูกค้าของคุณจ่ายเงินได้อย่างสะดวก บริการส่งพัสดุเรียกเก็บเงินปลายทางของเราเข้าใจง่าย และเหมาะสำหรับทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ลูกค้าของคุณจะได้รับประสบการณ์ที่ดี ตั้งแต่เริ่มสั่งซื้อสินค้า รอพัสดุมาส่ง และชำระเงิน

คำถามที่พบบ่อย

COD ย่อมาจาก Cash on Delivery หรือบริการส่งพัสดุเรียกเก็บเงินปลายทาง โดยเรานำส่งพัสดุพร้อมทำการจัดเก็บค่าสินค้าแทนผู้ส่งพัสดุ

COD ชำระเงินผ่านช่องทางใดบ้าง?

บริการเก็บเงินปลายทางของเรารองรับการชำระเงิน 3 ช่องทาง ได้แก่ เงินสด, QR Code และ Rabbit LINE Pay

ผู้ส่งพัสดุที่ใช้บริการ COD ต้องชำระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไหม?

บริการ COD ของเราจะคิดค่าบริการ 3% ของมูลค่าสินค้าที่คุณส่ง

บริการ COD เก็บเงินปลายทางได้สูงสุดเท่าไร?

บริการ COD สามารถเรียกเก็บเงินปลายทางได้สูงสุด 50,000 บาท ต่อรายการ

ตรวจสอบจำนวนเงินและสถานะการโอนเงิน COD ของผู้ส่งได้ที่ไหน?

เราจะส่งรายงานสถานะ COD ผ่านทางอีเมลที่คุณให้ไว้ตอนสมัครบัญชี CODในวันที่ผู้ส่งจะได้รับการโอนเงิน ซึ่งคล้ายกับการแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนการได้รับเงิน

บริการ COD มีระยะเวลาในการโอนเงินถึงผู้ส่งพัสดุนานแค่ไหน?

เราจะโอนเงินที่เรียกเก็บได้จากบริการ COD ไปยังบัญชีธนาคารของคุณหลังจากที่ส่งพัสดุถึงจุดหมายและผู้รับได้ชำระเงิน สำหรับธนาคารกรุงเทพฯ เราจะโอนเงินเข้าบัญชีของคุณภายใน 3 วันนับจากที่ส่งพัสดุถึงผู้รับ และเพิ่มขึ้นอีก 1 วันสำหรับธนาคารอื่นๆ กรณีเป็นสมาชิก KERRY CLUB จะได้รับบริการเร็วกว่าปกติ โดยขึ้นอยู่กับระดับของสมาชิก

ปัจจัยเรื่องค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า รวมถึงการเลือกใช้บริการบริษัทขนส่งที่ให้ความสำคัญในการส่งของให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัยถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบัน เนื่องจากความพึงพอใจของลูกค้าไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะได้ใช้สินค้าที่ดีมีคุณภาพและมีราคาที่สมเหตุสมผลเท่านั้น

แต่ความพอใจที่จะซื้อสินค้าต่อไปในอนาคต หรือลูกค้าทั่วไปจะยกระดับเป็นกลายเป็นลูกค้าประจำ (Brand Royalty) ได้ก็ด้วยการใส่ใจในทุกขั้นตอนการขายของเจ้าของธุรกิจ ซึ่งก็รวมไปถึงการใส่ใจในเรื่องบริการการขนส่งโดยพ่อค้าแม่ค้าจำเป็นต้องเลือกบริษัทขนส่งที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ ทั้งด้านสภาพที่สมบูรณ์เมื่อถึงมือลูกค้า ระยะเวลาที่ไม่นานเกินไป เป็นต้น แต่ทั้งนี้ตัวพ่อค้าแม่ค้าเองกก็ต้องพิจารณาว่าบริษัทที่ตอบโจทย์ลูกค้า โดยที่ไม่ทำให้เราขาดทุนหรือไม่ทำให้เราต้องแบกรับภาระด้านค้าใช้จ่ายในการขนส่งจนธุรกิจขาดกำไรด้วย

ด้วยปัจจุบันที่การค้าขายออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ดังนั้นบริษัทที่เกิดขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งจึงมีเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดออนไลน์ ทำให้พ่อค้าแม่ค้าได้ประโยชน์จากการมีบริษัทต่างๆ ที่แข่งขันกันปรับลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และเพิ่มมาตรการในการขนส่งที่โดนใจทั้งผู้ส่งและผู้รับ ทำให้เราไม่ต้องลำบากในการไปทดลองใช้แต่ละบริษัทให้เสียเวลา เพียงศึกษาข้อมูลของแต่ละบริษัทโดยพิจารณาว่าบริษัทขนส่งแบบไหนที่เหมาะสมกับธุรกิจเรามาที่สุด ซึ่งในบทความนี้เราจะนำเสนอปัจจัยที่ทำให้ราคาค่าส่งของแต่ละอย่างไม่เท่ากันและจะพาทุกคนไปสำรวจราคาค่าขนส่งพัสดุของบริษัทที่ทำบริการส่งสินค้าและพัสดุที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าที่กำลังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะใช้บริการของเจ้าไหนดี ที่จะช่วยสร้างความพึ่งพอใจให้ลูกค้าและไม่ทำให้ธุรกิจของเราขาดทุน

Tips : เพราะบริษัทขนส่งที่เปิดให้บริการในประเทศไทยนั้นมีมากมายหลากหลายเจ้า สิ่งสำคัญพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ต้องให้ควรสำคัญเป็นอย่างยิ่ง นอกจากการขายของแล้วก็คือ การศึกษาข้อมูลเกี่ยวการช่องทางการส่งสินค้าถ้ายิ่งศึกษาข้อมูลละเอียดเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้บริการที่และทำกำไรได้มากขึ้นนั่นเอง อ่านเพิ่มเติม : ขายของออนไลน์เลือกบริการส่งสินค้าของอะไรดี


ขายของออนไลน์ คิดค่าส่งยังไงให้คุ้มค่าคุ้มทุน ลูกค้าและแม่ค้าต่างได้ประโยชน์สูงสุด เพราะค่าขนส่งเองก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าต้องรับภาระ แต่ถ้าร้านค้าสามารถคำนวณค่าขนส่งให้อยู่ในราคาที่ถูกที่สุดได้ ร้านค้าก็อาจจะนำข้อดีในจุดนี้มาเปลี่ยนเป็นโปรโมชั่นดึงดูลูกค้าเข้ามาซื้อของ เพิ่มยอดขายก็ได้

การคิดราคาค่าขนส่ง

ปัจจัยในการกำหนดค่าขนส่งสินค่านั้น ประกอบด้วยปัจจัย 3 อย่างได้แก่

1. ระยะทาง

ความใกล้-ไกลของระยะทางในการส่งของถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ค่าส่งสินค้าของเราแพงขึ้น โดยถ้ากลุ่มลูกค้าของเราส่วนใหญ่อยู่ไกลจากภูมิภาคที่เราอยู่ เราสามารถเลือกใช้บริษัทที่คิดราคาค่าส่งระหว่างภูมิภาคที่ถูกได้

2. ขนาด (ความกว้างxความยาวxความสูง) และน้ำหนักของสินค้า

แน่นอนว่าน้ำหนักของสินค้าคือเกณฑ์กำหนดราคาในการจัดส่งของเรา ซึ่งถ้าสินค้าที่เราขายไม่ได้มีน้ำหนักนักเราก็สามารถเลือกใช้บริการเจ้าไหนก็ได้เพราะอัตราค่าจัดส่งจะไม่ต่างกันมากนัก แต่ทั้งนี้เรามีเทคนิคดีๆ สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายสินค้าที่มีน้ำหนักเยอะ โดยเทคนิคง่ายๆก็คือให้เราใช้กล่องใส่พัสดุที่มีขนาดพอดีกับสินค้าของเรา ไม่ใช่กล่องที่ใหญ่จนเกินไป ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในด้านขนาดลงได้

3. การเลือกความไวในการส่ง

ความไวถือเป็นตัวกำหนดราคาค่าส่งได้เหมือนกัน โดยถ้ายิ่งกำหนดวันเวลาส่งให้ถึงมือลูกค้าเร็วเท่าไหร่ ค่าบริการก็จะยิ่งแพงขึ้น ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จำเป็นจะต้องเลือกว่าการสินค้าของเราเหมาะสมกับการส่งแบบไหน หรืออาจจะลองกำหนดทางเลือกให้ลูกค้าพิจารณา เช่นถ้าส่งแบบทั่วไปซึ่งใช้ระยะเวลาช้าหน่อยแต่ส่งฟรี กับส่งแบบด่วนโดยขอเก็บค่าส่งกับลูกค้าเพิ่ม เป็นต้น

Tips : ในขั้นตอนการขนส่งเป็นหัวใจสำคัญที่ร้านค้าออนไลน์ไม่สามารถเลือกใช้แบบลวก ๆ ได้ เพราะขนส่งแต่ละเจ้ามีอัตราค่าบริการและความรวดเร็วในการให้บริการไม่เหมือนกัน หากพ่อค้าแม่ค้าอยากส่งพัสดุได้แบบวิน ๆ ให้ได้ใจลูกค้าและได้กำไรแบบสองต่อ ต้องศึกษาค่าบริการและค่าขนส่งให้รอบครอบก่อนเริ่มส่งนั่นเอง อ่านเพิ่มเติม : ขายของออนไลน์ต้องรู้ น้ำหนัก – EMS ต้องจ่ายเงินเท่าไหร่

ลองสำรวจราคาค่าส่งของบริษัทขนส่งสินค้าที่ได้รับความนิยม

ไปรษณีย์ไทย

องค์กรที่ให้บริการการจัดส่งพัสดุของคนไทยมายาวนานที่เราทุกคนรู้จักกันอย่างดีก็คือไปรษณีย์ไทย ปัจจุบันไปรษณีย์ไทยได้พัฒนาระบบที่ทันสมัยและขยายสาขาไปทั่วประเทศกว่าพันสาขา เพื่อรองรับกับพฤติกรรมการซื้อขายสินค้าออนไลน์กันมากขึ้นของคนไทยนั้นเอง

โดยอัตราค่าจัดส่งสินค้าทางไปรษณีย์แบบธรรมดา การส่งสินค้าในรูปแบบนี้พ่อค้าแม่ค้ารวมถึงลูกค้าจะไม่สามารถเช็คสถานะของสินค้าได้ โดยค่าบริการคิดตามน้ำหนักสินค้าดังนี้ ถ้าสินค้ามีน้ำหนักอยู่ที่ 0 – 1 กิโลกรัม ค่าส่งจะอยู่ที่ 25 บาท ถ้าหากสินค้ามีน้ำหนักประมาณ 1.1-2 กิโลกรัม ค่าส่ง 40 บาท เป็นต้น ส่วนระยะเวลาการจัดส่งแบบพัสดุธรรมดา กรุงเทพฯ และปริมณฑล 1-2 วันทำการ ต่างจังหวัด 3-5 วันทำการ

ส่วนค่าจัดส่งแบบด่วนพิเศษ (EMS) กรุงเทพฯและปริมณฑล ลูกค้าจะได้รับสินค้าภายใน 1 วัน และสามารถเช็คสถานะของพัสดุได้ โดยค่าบริการคิดตาน้ำหนักสินค้า คือถ้าสินค้าหนัก 0 – 20 กรัม ค่าบริการจะมีราคา 32 บาทและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น

สุดท้ายการจัดส่งแบบลงทะเบียน ในการส่งแบบนี้พ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าสามารถเช็คสถานะของพัสดุได้ว่าสินค้าของเราใกล้ถึงแล้วหรือยัง โดยหากน้ำหนักสินค้าอยู่ระหว่าง 0 – 20 กรัม ค่าจัดส่งคือ 20 บาท และค่อยๆเพิ่มขึ้นตามน้ำหนักของสินค้า ทั้งนี้หากพ่อค้าแม่ค้าทราบน้ำหนักของสินค้าอยู่แล้วสามารถเข้าไปเช็คราคาในเว็บไซต์ของไปรษณีย์ไทยได้ด้วยตัวเองก่อนไปที่สาขาบริการได้เลย

Kerry Express

แน่นอนว่าบริษัทขนส่งสินค้าที่คุ้นหูเป็นอันดับสองของทุกคนก็คือ Kerry Express เนื่องจากจุดเด่นที่หลายๆคนให้การยอมรับและไว้วางใจของ Kerry ซึ่งก็คือการเปิดให้บริการจัดส่งพัสดุแบบด่วนทุกวัน เมื่อสินค้าเข้าสู่ระบบเราก็มั่นใจได้เลยว่าสินค้าของเราจะถึงมือของลูกค้าภายในวันถัดไปทันที

โดยค่าใช้จ่ายในการขนส่งพัสดุทาง Kerry จะประเมินจากขนาดและน้ำหนักของพัสดุ ซึ่งถ้าเราเดินทางไปส่งที่หน้าร้านราคาค่าขนส่งเริ่มต้นที่ 30 บาท ถ้าหากเราเลือกวิธีให้พนักงานมารับพัสดุที่บ้านหรือออฟฟิศก็เพิ่มอีก 30 บาทต่อชิ้น ส่วนอัตราค่าบริการส่งก็จะมีให้เราเลือกหลากหลายรูปแบบตามขนาดของสินค้าที่เราจะส่ง ซึ่งถ้าหากเป็นสินค้ากล่องขนาดเล็ก (กว้างxยาวxสูงไม่เกิน 60 ซม. ทั้งนี้สินค้าต้องหนักไม่เกิน 5 กิโลกรัม) ค่าบริการจะอยู่ที่ 70 บาท แต่ถ้าน้ำหนักมากกว่า 5 กิโลกรัม ระบบจึงคิดค่าบริการ 90 บาท

หากสินค้าของเรามีขนาดที่หนักและใหญ่กว่าตัวอย่างที่ยกมาให้ดูก็ไม่ต้องกังวลเลย เพราะทาง Kerry สามารถส่งได้ตั้งแต่สินค้าในรูปแบบซองเอกสาร กล่องพัสดุขนาดเล็ก (S) กล่องพัสดุขนาดกลาง (M) กล่องพัสดุขนาดใหญ่ (L) กล่องพัสดุขนาดใหญ่พิเศษ (XL) ไปจนถึงสินค้าขนาด Over size กันเลยทีเดียว

Tips : แนะนำ 5 บริการส่งของออนไลน์ ของบริษัทขนส่งชั้นนำ ที่ร้านค้าออนไลน์ต้องเลิฟ ส่งพัสุดเก็บเงินปลายทาง COD เรียกขนส่งเข้ารับได้ถึงบ้าน พร้อมระบบจัดการหลังร้านที่สามารถใช้บริการได้ครบทุกฟีเจอร์ ใช้แล้วรับรองไม่ปวดหัวกับการส่งของอีกต่อไป


Fillgoods ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ โปรแกรมไลฟ์สดผ่าน Facebook Live สามารถสมัครใช้งานได้ สนใจสมัครใช้งานสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่นี่