ทักษะการฟังเชิงรุกสำหรับโค้ช (Active Listening Skill for Coach) เป็นทักษะที่สำคัญมาก เพราะในกระบวนการโค้ชนั้น โค้ชจะใช้เวลาในการฟัง 70% - 80% (อีก 20 % สำหรับการถาม,feedback ฯ) การฟังแบบโค้ชจะแตกต่างจากการฟังแบบทั่วไป การฟังแบบทั่วไปจะได้ยินสิ่งที่แสดงออกมา สิ่งที่เขาต้องการให้รู้ในเนื้อหา (Content) Show แต่การฟังแบบโค้ช (Active Listening Skill) ต้องฟังให้ลึกถึงความรู้สึก ความเชื่อ ความคิด สามารถจับประเด็นและได้ยินในสิ่งที่ผู้รับการโค้ชไม่ได้พูดและทวนออกมาได้ (Context) เหมือนกับเป็นกระจกสะท้อนผู้รับการโค้ชได้ . ทักษะการฟังอย่างลึกซึ้ง นั้นต้องฝึกสติ (Mindfulness) เพื่ออยู่กับโค้ชชี่ในทุกขณะปัจจุบัน การฝึกสติ ต้องฝึกฝนและทำอย่างต่อเนื่อง เพราะ เวลาเราเป็นโค้ช บางครั้งเราจะเผลอ เข้าไปอยู่กับเรื่องราวของโค้ชชี่จนมีอารมณ์ร่วมไปด้วย หรือบางทีเผลอคิดว่าจะถามอะไรต่อไปดี หรือไม่อยู่กับโค้ชชี่ ณ ขณะนั้น เพราะการฟังอย่างลึกซึ้งนั้น เราไม่ได้ฟังแค่เสียงของโค้ชชี่เท่านั้น แต่เรายังฟังภาษาร่างกาย และเสียงที่ไม่ได้พูดอีกด้วย (หมายเหตุ : ท่านสามารถอ่านบทความด้านการโค้ชและพี่เลี้ยงอื่นๆได้ที่ www.HCDcoaching.com ที่เป็นเวปไซต์แบ่งปันประสบการณ์ ความรู้ด้านการโค้ชและพี่เลี้ยงโดยตรงของอ.ศศิมา สุขสว่างค่ะ) ทักษะการฟังเชิงรุก (Active Listening Skill) จึงเป็นทักษะที่มีความสำคัญมากๆพอๆกับทักษะการตั้งคำถามทรงพลัง (Powerful Question) เพราะคำถามที่ดีมาจากการฟังที่มีคุณภาพ เราสามารถแบ่งระดับของการฟังได้ เป็น 5 ระดับดังนี้ ระดับ 1 ไม่สนใจฟัง (Non-Listening) ผู้พูดจะพูดอะไรก็แล้วแต่ คนตรงหน้าไม่สนใจฟัง หรือฟังหูซ้าย ทะลุหูขวา ยิ่งเวลานี้ที่หลายคนใช้สื่อโซเชียลมีเดียเยอะ แทบจะปิดตัวเองลงไปอยู่บนหน้าจอเลย ทั้งๆที่นั่งคุยกันอยู่เป็นกลุ่ม หรือในการประชุมคนพูดๆก็พูดไป คนฟังพอไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องคนฟังก็สไลด์หน้าจอไป ไม่มีการฟังเกิดขึ้น หมือนคนพูด พูดอยู่คนเดียวหน้ากระจกนั่นเอง ระดับ 2 แกล้งฟัง (Pseudo listening) เป็นการทำกริยาท่าทางเหมือนฟัง มีตอบรับ ค่ะ อ้อ พยักหน้า แต่พอให้ทบทวนว่า ได้ยินอะไรบ้าง กลับตอบไม่ได้เพราะไม่ได้ฟังจริงๆ ระดับ 3 เลือกฟัง (Defensive Listening) เป็นการฟังเฉพาะในสิ่งที่ตัวเองสนใจ ใคร่รู้ เรื่องที่ตนเองคิดว่ามีประโยชน์ เรื่องใดไม่สนใจ ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ก็ไม่ใส่ใจ ระดับ 4 ตั้งใจฟัง (Appreciative Listening) เป็นการฟังที่ดีขึ้นมาอย่างมาก รับรู้รับฟัง เรื่องราวเนื้อหาของคนตรงหน้า มีการตอบสนองทางคำพูด หรือตอบรับคำว่า ได้เข้าใจและรับรู้เรื่องราวต่างๆ ฟังเก็บข้อมูลได้ครบเนื้อหาทุกสิ่งอย่าง ระดับ 5 ฟังแบบเข้าอกเข้าใจ (Listening with Empathy) เป็นการฟังแบบเข้าใจองค์รวมทั้งเนื้อหา อารมณ์ ความรู้สึก ความคิด โดยผู้ฟัง ฟังในกรอบของผู้พูด โดยไม่ใช่ความเป็นตัวตนของตัวเองไปตัดสินหรือประเมินใดๆ เป็นการฟังด้วยหัวใจ (listen with heart) ฟังอย่างเข้าใจในตัวตนของผู้พูดจริงๆ การฟังระดับนี้นอกจากผู้ฟังจะสามารถเก็บข้อมูลได้ครบถ้วนแล้ว ยังสามารถสะท้อนความรู้สึก ความคิด หรืออารมณ์ของผู้พูดในขณะที่ผู้พูดพูดออกมา แต่ไม่รู้ตัวว่าได้แสดงอารมณ์ หรือความรู้สึกอะไรออกมาบ้าง การฟังในระดับ 1-4 ผู้ฟัง ยังฟังอยู่ในกรอบของตัวเองอยู่ - กล่าวคือ ยังมีอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของคนฟังไปเป็นกรอบในการฟังผู้พูดอยู่ แต่การฟังระดับ 5 นั้น ผู้ฟังๆในกรอบของผู้พูดและละทิ้งตัวตนของผู้ฟังเอง ไม่ตัดสิน ซึ่งการฟังระดับ 5 นั้น หากฝึกการฟังอย่างใส่ใจบ่อยๆ ฝึกสติบ่อย สามารถทำได้อย่างแน่นอนค่ะ ตัวอย่าง ปัญหาที่เกิดขึ้นในองค์กรในปัจจุบันอย่างหนึ่ง คือ หัวหน้าไม่ฟังลูกน้อง เพื่อนร่วมงานไม่ฟังกัน และกัน หรือฟังแล้วนำไปตีความหรือสื่อสารกันผิดๆ เป็นต้น เช่น ลูกน้อง : เนี่ยงานเยอะมากเลย จะทำไหวได้อย่างไร หัวหน้าฟังแล้ว อารมณ์ขึ้น : "ถ้าทำไม่ไหว ก็ลาออกไป" หรือ "ถ้าทำไม่ไหว เดี๋ยวจะหาคนทำไหวมาทำ" ประชดไปอีก ถ้าหัวหน้าฝึกทักษะการโค้ชมาแล้ว กำลังใช้ทักษะการฟังอย่างโค้ช ด้วยการฟังอย่างลึกซึ้ง ตัดอารมณ์ของตัวเองและอารมณ์ลูกน้องออก จะเห็นว่า" ลูกน้องมีความกังวลในปริมาณงานที่เยอะมาก แล้วกลัวว่าจะทำไม่เสร็จทันตามเวลาที่กำหนด อาจจะทำให้โดยลงโทษหรือเกิดปัญหากับแผนก" สิ่งที่หัวหน้าอาจจะสะท้อนกลับไป คือ " ปัญหาที่เกิดขึ้น เราจะร่วมกันแก้ไขได้อย่างไรบ้าง " เป็นต้น เก๋มีคลิบนึงที่อยากให้ดูกันค่ะ เป็นคลิบที่เก๋มักจะเอาไปประกอบการอบรมเรื่องทักษะการฟังเชิงรุกสำหรับโค้ช (Active Listening Skill for Coach) ค่ะ กดที่รูป เพื่อดูคลิป https://www.youtube.com/watch?v=oD0LwD39_XM การฟังที่ดีมีประโยชน์อย่างไร - สร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่าง คนพูดและคนฟัง ลดความขัดแย้ง ปัญหาในการทำงาน - ฟังเพื่อเข้าใจ และสามารถสะท้อนมุมมองให้กับโค้ชชี่เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได่ - ได้ช่วยเหลือคนอื่นจากการรับฟัง
บางคนแค่มีคนฟังสักคน เขาก็มีความสุขแล้ว ฯลฯ การโค้ชเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งในการบริหารจัดการที่เก๋แนะนำให้เรียนรู้และนำมาใช้กับตัวเอง และสำหรับผู้บริหารในระดับต่างๆ การโค้ชนำมาใช้พัฒนา บริหารจัดการบุคคลากรในยุคนี้ได้เป็นอย่างดีค่ะ ลองฝึกทักษะการฟังแบบโค้ชนะคะ ผู้นำที่เก่งๆที่เก๋ได้สัมผัสมา ส่วนใหญ่ฟังเก่งกันทั้งนั้นค่ะ ฟังแล้วนำไปคิดต่อ สร้างสรรค์พัฒนางาน พัฒนาคน ต่อยอดให้องค์กรเติบโตได้อย่างดีค่ะ ลองไปฝึกฟังนะคะ แล้วคุณจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงค่ะ เก๋ หวังว่า บทความนี้ "ทักษะการฟังเชิงรุกสำหรับโค้ช (Active Listening Skill for Coach) " จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจนะคะ หมายเหตุ : ท่านสามารถอ่านบทความด้านการโค้ชและพี่เลี้ยงอื่นๆได้ที่ www.HCDcoaching.com ที่เป็นเวปไซต์แบ่งปันประสบการณ์
ความรู้ด้านการโค้ชและพี่เลี้ยงโดยตรงของอ.ศศิมา สุขสว่างค่ะ ดูบรรยาการสัมมนา หลักสูตร "ผู้นำในบทบาทของโค้ชและพี่เลี้ยงเพื่อประสิทธิภาพการทำงาน" วิทยากร อ.ศศิมา สุขสว่าง กดที่นี่ ..................................................... ศศิมา สุขสว่าง จบการศึกษาปริญญาโทด้านวิศวกรรมศาสตร์จาก Dresden University of Technology (https://tu-dresden.de) ประเทศเยอรมนี ทำงานด้าน Research & Development Engineer มาโดยตลอด และเป็นผู้ก่อตั้งและบริหารศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ขององค์กรอิสระแห่งหนึ่ง ได้รับการอบรมด้านโค้ชทั้ง Mindfulness Coaching, Life Coach , Talent Coach และ NLP Coaching จากสถาบันสอนการโค้ชที่ได้รับการรับรองระดับสากล ปัจจุบันศศิมาเป็น วิทยากร ที่ปรึกษา และ Innovation Coach ที่มีความสุขและมุ่งมั่นที่แบ่งปันเรื่องพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างคุณค่าให้ผู้คน โดยยึดหลัก 3Fs - Fun (สนุก) -Full (เต็มไปด้วยสาระ) - Friend (มิตรภาพการทำงานเป็น Team Work) ........................................... ติดตามข่าว เรื่องความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และแลกเปลี่ยนเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และนวัตกรรม หรือติดต่อวิทยากรอบรม In-House training หลักสูตรความคิดสร้างสรรค์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรม (Product Development and Innovation) ได้ที่ ศศิมา สุขสว่าง (เก๋) E-mail : Website : www.sasimasuk.com line ID : sasimasuk.com Facebook : https://www.facebook.com/CreativetoInnovation Tel. : 081-560-9994 (โทรกลับเฉพาะเบอร์มือถือนะคะ) 3A ของ Active Listening มีอะไรบ้างทัศนคติ (Attitude) ... . ความสนใจ (Attention) ... . การปรับตัว (Adjustment). การฟังเชิงรุก มีอะไรบ้าง1. หาข้อมูลของคนที่จะคุยด้วยให้ได้มากที่สุด ... . 2. ฟังเพื่อทำความเข้าใจ ... . 3. มีความรู้พื้นฐานรอบด้าน ... . 4. ใช้เทคนิคทวนคำพูด (Placement) ... . 5. ใช้เทคนิคแจกแจงให้กระจ่าง (Clarify) ... . 6. ตั้งคำถามที่ถูกต้อง ... . 7. ทำความเข้าอกเข้าใจคนพูดให้ได้มากที่สุด ... . 8. มีเป้าหมายว่าอยากจะรู้อะไรจากคนพูด. การฟังแบบแอคทีฟคืออะไร?Active Listening คือ การมีสติตลอดเวลาที่ฟัง ไม่เพียงรู้ว่าข้อความที่ได้ยินคืออะไร แต่ยังรวมไปถึงการเข้าใจประเด็นของสิ่งที่ได้ยินอีกด้วย หลักการเบื้องต้น คือ การมีสมาธิ กับ สติ ไม่ถูกสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศรอบตัวทำให้ไขว้เขว ไม่คิดฟุ้งหรือตอบโต้สิ่งที่ได้ยิน
ข้อใดแสดงถึงการฟังที่มีประสิทธิภาพ (active listening)การฟังแบบ Active Listening คือการฟังโดยทำความเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการนำเสนอออกมาจริงๆ ประกอบไปด้วยหลัก 3A. Attitude (ทัศนคติ) การยอมเปิดใจรับฟังโดยปราศจากอคติ เพราะจะทำให้สามารถรับฟังเรื่องราวทั้งหมดจนจบได้อย่างเข้าใจจริงๆ
|