หนี้ส่วนบุคคลส่วนใหญ่เกิดจากความต้องการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ขณะที่ผู้ประกอบการบางคนอาจกู้ยืมหนี้สินประเภทนี้มาเพื่อใช้ในการทำธุรกิจ สินเชื่อส่วนบุคคลมักมีวงเงินไม่สูงนัก ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (ยกเว้นสินเชื่อบ้านแลกเงิน และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ) ระยะเวลาชำระคืนสั้น และอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง ซึ่ง ธปท. ได้ปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยลง 2 - 4% ต่อปี ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2563 เพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ปรับลดลงตั้งแต่กลางปี 2563 แนวทางการแก้ไขหนี้ 1) กรณีที่ลูกหนี้ไม่สามารถผ่อนชำระตามกำหนดเวลา ควรรีบติดต่อเจ้าหนี้ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ โดยลูกหนี้ต้องแจ้งให้เจ้าหนี้ทราบถึงผลกระทบด้านรายได้ พร้อมทั้งให้ข้อมูลหรือเอกสารประกอบการพิจารณา (ถ้ามี) นอกจากนี้ ลูกหนี้ควรศึกษามาตรการช่วยเหลือของเจ้าหนี้ และให้ความร่วมมือในการเจรจา โดยหลังจากการปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระแล้ว ลูกหนี้ควรปฏิบัติตามเงื่อนไขใหม่ที่ตกลงไว้ และไม่ก่อหนี้เพิ่มเติม ทั้งนี้แบงก์ชาติได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 มาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 ได้ออกมาตรการแก้หนี้อย่างยั่งยืน เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้โดย เน้นให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แบบระยะยาว ซึ่งครอบคลุมสินเชื่อรายย่อยทุกประเภท เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้าน ฯลฯ ภายใต้หลักการดังนี้ (1) มองสถานการณ์ระยะยาว โดยกำหนดการจ่ายคืนหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้ปัจจุบันที่ลดลงมากและทยอยจ่ายเพิ่มขึ้นเมื่อรายได้กลับมา สำหรับผู้ที่สนใจมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของแต่ละธนาคาร >> 2) ข้อแนะนำทางเลือกของลูกหนี้
1. สินเชื่อบัตรเครดิต - จ่ายขั้นต่ำ โดยอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิตที่ 5% สำหรับปี 2565 และกำหนดที่ 8% ในปี 2566 เพื่อไม่ให้มีประวัติค้างชำระ - หากสามารถจ่ายได้มากกว่าขั้นต่ำ ควรจ่ายตามความสามารถ
2. สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล (บัตรกดเงินสด) ที่มีลักษณะเป็นสินเชื่อหมุนเวียน: Revolving Loan - เปลี่ยนประเภทหนี้โดยแปลงเป็นสินเชื่อระยะยาว (Term loan) เพื่อจ่ายชำระเป็นงวด และเจรจาเงื่อนไขกับสถาบันการเงินในประเด็นดังนี้ โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของท่าน
ในเบื้องต้นท่านสามารถคำนวนอัตราดอกเบี้ย และงวดการชำระเงิน ผ่านโปรแกรมคำนวนเงินกู้ (คลิกที่นี่) เพื่อพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของท่าน - การรวมหนี้กับหนี้บ้าน : กรณีที่มีหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว โดยสามารถรวมกับหนี้สินเชื่อรายย่อยข้ามสถาบันการเงิน และ/หรือ ผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นได้ เพื่อลดการจ่ายดอกเบี้ย และขยายเวลาการผ่อนชำระ ตามมาตรการสนับสนุนการรวมหนี้ ของ ธปท.
*ยกเว้นกรณีมีการรีไฟแนนท์บ้าน ให้เป็นไปตามธนาคารกำหนด
3. สินเชื่อส่วนบุคคล ที่มีลักษณะผ่อนชำระเป็นงวด หรือ สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน : - ขอให้ทบทวนอัตราดอกเบี้ย*ให้ต่ำกว่าอัตราเดิม หรือ ขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้* เพื่อให้ค่างวดลดลง โดยขอผ่อนชำระภายใน ระยะเวลา X ปี (ตามกำลังที่สามารถชำระหนี้ได้) ตามรายได้ที่ลดลงเป็นเวลานาน - ขอผ่อนค่างวดแบบขั้นบันได (step up) โดยทยอยจ่ายหนี้หรือค่างวดเพิ่มขึ้นในภายหลัง เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลงในช่วงแรกและจะทยอยดีขึ้นในภายหลัง - การรวมหนี้กับหนี้บ้าน : กรณีที่มีหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว โดยสามารถรวมกับหนี้สินเชื่อรายย่อยข้ามสถาบันการเงิน และ/หรือ ผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นได้ เพื่อลดการจ่ายดอกเบี้ย และขยายเวลาการผ่อนชำระ ตามมาตรการสนับสนุนการรวมหนี้ ของ ธปท.
*ยกเว้นกรณีมีการรีไฟแนนท์บ้าน ให้เป็นไปตามธนาคารกำหนด
หมายเหตุ * การพิจารณาระยะเวลาในการจ่ายชำระหนี้ หรือ อัตราดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสถาบันการเงิน และการเจรจาร่วมกันระหว่างลูกหนี้และสถาบันการเงิน สถานะหนี้เสีย (ค้างชำระมากกว่า 3 เดือน) ประเภทสินเชื่อแนวทางการแก้ไขหนี้ประโยชน์ที่จะได้รับสินเชื่อบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน - สมัครเข้าโครงการคลินิกแก้หนี้ (Debt Clinic) by SAM ของบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด เพื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับ
- ขอเจรจากับสถาบันการเงินเพื่อเปลี่ยนประเภทหนี้เป็นสินเชื่อระยะยาว (Term loan) เพื่อจ่ายชำระเป็นงวด หรือขอให้ทบทวนอัตราดอกเบี้ย* -หากมีทรัพย์สินอื่น อาจพิจารณาขายเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ เพื่อจ่ายคืนหนี้เร็วขึ้น โดยขอส่วนลดหนี้ (Haircut บางส่วน)
หมายเหตุ * การพิจารณาระยะเวลาในการจ่ายชำระหนี้ หรือ อัตราดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสถาบันการเงิน และการเจรจาร่วมกันระหว่างลูกหนี้และสถาบันการเงิน
แนวทางการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ หนี้นอกระบบ หมายถึง การกู้ยืมเงินระหว่างประชาชน หรือจากหน่วยงานที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของทางการ ส่วนใหญ่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบจะสูงถึง 5 - 20% ต่อเดือน หรือคิดเป็น 60 - 240% ต่อปี ขณะที่การกู้ยืมจากสถาบันการเงินในระบบมี |