Show
สอนเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารให้ลูกน้อยการได้รับประทานอาหารอร่อย🌮🍱 บรรยากาศสบาย ๆ และถ้ามีเพื่อนร่วมโต๊ะที่น่ารักมารับประทานอาหารด้วยกันก็ยิ่งทำให้อาหารมื้อนั้นเอร็ดอร่อยมากยิ่งขึ้น
สิ่งสำคัญอีกประการในการรับประทานอาหารคือ #มารยาทในการรับประทานอาหาร มารยาทในขณะรับประทานอาหารเป็นการแสดงถึงผู้ที่รับประทานอาหารนั้นได้รับการอบรมบ่มเพาะนิสัยที่ดีให้ดูงดงามต่อผู้พบเห็นหรือผู้ร่วมโต๊ะด้วย อาหารของแต่ละเชื้อชาติแต่ละชนิดก็มีวิธีรับประทานที่แตกต่างกันไป และที่เป็นสากลนิยมในเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารนั้นมีเหมือนกันหลายอย่าง เช่น 13 เรื่องพื้นฐานที่ใช้กันทั่วโลกในเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารที่พ่อแม่ควรสอนลูกตั้งแต่ลูกยังเป็นเด็กเล็ก ค่อย ๆ ฝึกสอนไปทีละเรื่องจนเขาซึมซับเรื่องดี ๆ และมีมารยาทงดงาม เพื่อลูกของเราจะได้เป็นเด็กที่น่ารักและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สง่างามในสังคมในอนาคตข้างหน้า #มารยาทบนโต๊ะอาหาร #สอนมารยาทให้ลูก ————————————————— Post Views: 3,976 Marelee Mckee ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกมารยาท จากศูนย์ให้คำปรึกษาเรื่องบุคลิกภาพในเมืองวินเทอร์พาร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า เด็กอายุตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไป จะสามารถบังคับกล้ามเนื้อมัดเล็กให้หยิบจับช้อนส้อมเพื่อตักอาหารกินเองได้อย่างถนัดมือแล้ว แต่บางครั้งเด็กๆ ก็ยังมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยเหมาะสมบางอย่าง เช่น ตักอาหารหกออกนอกจาน เคี้ยวเสียงดัง หรือกินมูมมามการพาลูกออกไปกินข้าวนอกบ้าน ถือว่ากิจกรรมที่ดีและจำเป็นสำหรับทุกครอบครัว ไม่ว่าจะเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศการกินข้าวร่วมกัน ทำให้ลูกสนุกกับการกินมากขึ้น หรือเมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องพบปะหรือนัดกินข้าวกับเพื่อนๆ การพาลูกออกไปร่วมโต๊ะอาหารย่อมเกิดขึ้นได้ และบ่อยขึ้นเมื่อลูกโตพอสำหรับการนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับคนอื่น แต่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรลืมเลยก็คือการสอนให้ลูกรู้จัก ‘มารยาทบนโต๊ะอาหาร’ และปลูกฝังให้ลูกทำจนเคยชิน นอกจากเป็นการเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีให้ลูกแล้ว ยังเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีในการกินอาหารร่วมกับผู้อื่นอีกด้วย 1. เริ่มตั้งแต่การนั่งคุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกนั่งกินอาหารบนเก้าอี้สำหรับเด็ก (High Chair) จะทำให้ลูกมองเห็นมารยาทที่ถูกต้องจากคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งอาจจะเริ่มตั้งแต่การล้างมือก่อนรับประทานอาหาร ใช้ช้อนกลางตักอาหารอย่างสุภาพ และขอบคุณทุกครั้งที่มีคนตักอาหารให้ 2. เคี้ยวอาหารเก็บเสียงเด็กๆ อาจยังไม่เข้าใจว่าเขาไม่ควรเคี้ยวอาหารเสียงดัง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรต่อว่าลูกทันที อาจลองตักอาหารกินแล้วค่อยๆ เคี้ยวให้ลูกดูเป็นตัวอย่างว่าเราสามารถเคี้ยวอาหารโดยไม่ให้มีเสียงดังลอดออกมาได้ และควรบอกเหตุผลให้ลูกเข้าใจว่าการเคี้ยวเสียงดังเป็นการเสียมารยาทและรบกวนผู้อื่นอีกด้วย 3. ไม่เคี้ยวไปพูดไปลูกอาจจะรู้สึกสนุกกับการกินอาหารนอกบ้านมากจนลืมตัว ตักอาหารเข้าปากแล้วก็อยากจะพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ไปด้วย คุณพ่อคุณแม่จึงควรบอกลูกว่าต้องเคี้ยวอาหารในปากให้หมดเรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเล่าหรือพูดคุยกับคนอื่น เพื่อป้องกันเศษอาหารที่กำลังกินอยู่กระเด็นออกจากปากและหากคนอื่นมองเข้ามาเห็นอาหารที่ลูกกำลังเคี้ยวก็เป็นภาพที่ไม่น่าดูเอาซะเลย 4. ใช้ช้อนกลางการใช้ช้อนกลางนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากป้องกันเศษอาหารจากช้อนตัวเองไปหล่นใส่จานอาหารอื่นแล้ว การฝึกให้ลูกเคยชินในการใช้ช้อนกลางยังช่วยป้องกันเชื้อโรคหรือโรคติดต่อที่เกิดจากการรับประทานอาหารร่วมกับคนอื่นได้อีกด้วย อ้างอิง |