ตัวอย่างความสําเร็จของงานที่ทํา ผ่าน ในช่วง 3 ปี

วิธีการทำงานให้ประสบความสำเร็จ

อุปสรรคของการทำงานที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จก็คือ ความท้อแท้นั่นเอง เพราะหากเกิดอาการท้อแท้หมดหวังก็พลอยทำให้การงานและเรื่องอื่นๆแย่ลงไปด้วย เพราะไม่มีกำลังใจที่จะทำงานต่อไป อีกอย่างหนึ่งที่จะทำให้วิธีการทำงานประสบผลสำเร็จได้นั้น ก็คือความขยันนั่นเอง เพราหากไม่ขยันงานก็คงจะไม่เสร็จอย่างแน่นอน นอกจากนี้ การทำงานให้ประสบความสำเร็จยังต้องอาศัยองค์ประกอบอื่นๆ ตามมาอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น สติ หรือกำลังใจ เพราะหากขาดอย่างหนึ่งอย่างใด ก็อาจทำให้งานที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จนั่นเอง

ความคาดหวังกับวิธีการทำงาน

ปัจจุบันยุคสมัยได้เข้าสู่โลกแห่งการพัฒนาทั้งทางด้านเทคโนโลยี และด้านทรัพยากรมนุษย์ ที่มีการแข่งขันกันตลอดเวลา จะเห็นได้ว่าในวัยทำงานยุคสังคมนี้บางคนที่ขยันมากมาย ทำงานตัวเป็นเกลียวและทุ่มเทงานให้กับองค์กร แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เจ้านายไม้ปลื้ม เงินเดือนไม่ขึ้นสักที ซึ่งเชื่อว่าแต่ละคนย่อมมีความคาดหวังให้ตนเอง อยากมีหน้าที่การงานทำที่ดี และต้องการให้ประสบความสำเร็จ ก้าวไปกับองค์กรที่ตนเองทำงานอยู่

เทคนิควิธีการทำงานให้สำเร็จ

ควรมีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ด้วยการศึกษา ข้อบกพร่อง จุดด้อย หรือจุดแข็ง ของตนเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุคลิกท่าทาง ลักษณะและพฤติกรรม หรือแม้แต่วิธีการทำงานของตนเอง สิ่งไหนที่มีดีอยู่แล้ว ต้องหมั่นต่อยอดและมีการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม สิ่งไหนที่ข้อบกพร่องต้องปรับปรุง ศึกษาหาความรู้ต่อเติมให้ดีกว่าเดิม บริษัทในปัจจุบัน ต้องการพนักงานที่มีความหลากหลายในทักษะการทำงาน เพื่อเข้ามาพัฒนา ปรับปรุงองค์กรให้ดีขึ้น เนื่องจากพนักงานที่มีคุณภาพและความสามารถหลายอย่าง มักจะไม่ปฏิเสธ หรือลีกเลี่ยงการทำงานที่มอบหมายให้ เพราะเป็นบุคคลที่สามารถ พัฒนาตนเอง และเพื่อนร่วมงานอย่างต่อเนื่อง และมักจะไม่ปฏิเสธการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มักจะทำตนเป็นเหมือนแก้วน้ำที่ไม่เต็มและยอมรับฟังความคิดเห็น ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดีตลอดเวลา

การอดทนกับการทำงานเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ

ความสำเร็จของการทำงาน คือ การอดทนที่มีต่อสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในเรื่องสถานที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานที่ได้รับมอบหมาย และพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของหัวหน้างาน หรือเพื่อนร่วมงาน มีหลายคนทนไม่ได้กับการได้รับการพูดจา ดูถูก สบประมาท และลาออกจากที่ทำงานทันที ซึ่งสิ่งนั้นอาจจะการทำร้ายตนเองและไม่สามารถได้งานใหม่ เพราะประวัติการทำงานของคุณเสียเพราะไม่สามารถเผชิญ กับสถานการณ์ตึงเครียด หรือสถานการณ์อันเลวร้ายในที่ทำงานได้ หากคุณมีความอดทนและอดกลั้น ก็จะทำให้คุณจะสามารถเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ได้สำเร็จ

ความสนใจของการทำงานที่จะนำพาสู่ความสำเร็จ

หากคุณเป็นคนที่มีความกระตือรือร้น ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และลองผิด ลองถูกอย่างสม่ำเสมอ หมั่นหาความรู้จาก หนังสือ ผู้คนรอบข้างและ อินเทอร์เน็ต มาประยุกต์ใช้กับวิธีการทำงาน จนทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ย่อมสามารถดึงดูด ความสนใจจากหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน ให้เห็นศักยภาพของคุณได้ ซึ่งคนที่มีทักษะในการดึงดูดนั้นสามารถทำงานร่วมกันเป็นทีม และทำงานคนเดียวอย่างอิสระได้อย่างไม่มีปัญหา และเป็นคนที่มีความกระตือรือร้น เป็นคนที่ชอบลองผิดลองถูก มักหาโอกาสค้นคว้าข้อมูลและหาความรู้เพิ่มเติม พยายามที่จะให้งานเสร็จก่อนหรือตรงตามเวลาที่กำหนด ซึ่งแตกต่างจากบุคคลที่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำงาน เพราะขาดความกระตือรือร้น และความดึงดูด ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ไม่อยากให้วันทำงานมาถึง และชอบรอคอยเวลาเลิกงานหรือวันสุดสัปดาห์การทำงาน เป็นคนที่มีวิธีการทำงานที่เรื่อยเฉื่อย และไม่สนใจรับฟังข้อมูลข่าวสารใด ๆ

การทำงานให้สำเร็จต้องรักงานที่ทำ

คุณสามารถรักงานที่ทำได้ ลองพิจารณาดูว่างานที่ทำอยู่นั้น มีคุณค่ามากมายเพียงใด ให้อะไรกับคุณบ้าง การทำใจให้รักงาน ซึ่งถือเป็นพื้นฐานของความสำเร็จทุกอย่าง และทำให้คุณมีความสุขกับงานที่ทำ เมื่อคุณมีความรักในตัวงาน รักองค์กร คุณจะมีความสุขกับงานที่ทำ ซึ่งจะทำให้คุณพยายามหาวิธีการทำงานต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าของงานที่ทำอยู่ ซึ่งจะส่งผลให้คุณรู้จักวางแผนชีวิตและเป้าหมายความสำเร็จในการทำงานของคุณ แต่ถ้าหากคุณไม่สามารถรักงานที่คุณทำอยู่ได้ ความเบื่อหน่าย ความท้อแท้จะเกิดกับคุณ และในที่สุดคุณก็จะทิ้งมันไป และเสาะแสวงหางานที่คุณรักอยู่เรื่อยๆ เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้คุณ ไม่ประสบความสำเร็จสักที เพราะมัวแต่ไปนับหนึ่งเริ่มต้นใหม่

จัดการวิธีการทำงานให้เป็นเลิศ

คนที่มีทักษะในการจัดการงานให้ได้ผล และประสบความสำเร็จนั้น ส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จ ทั้งในเรื่องครอบครัว และ หน้าที่การงาน เพราะจะเป็นคนที่รู้จักวางแผน ทำงานเป็นขั้นตอน รู้จักความเสี่ยง และหามาตรการมาป้องกัน และยังมีความสามารถในการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ เพราะมีการวางแผน จัดการ วางไว้เป็นขั้นเป็นตอนเรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงเวลาที่จะนำมาใช้นั้นก็จะทำให้ง่ายขึ้น ทำให้ประหยัดทั้งเวลา และทรัพยากรต่างๆ

วิธีทำงานให้ประสบความสำเร็จใน 3 ปี โดยที่ไม่เปลี่ยนงาน

ผมก็จะขอแนะนำบทความการทำงานให้ประสบความสำเร็จใน 3 ปี โดยที่ไม่เปลี่ยนงาน ซึ่งใครที่คิดว่าการเปลี่ยนงานบ่อยครั้งเป็นกำไรของชีวิต อยากให้ลองคิดดูใหม่ สำหรับชีวิตคนทำงานเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จ ในทุกย่างก้าวนอกเหนือจากความสามารถแล้ว ย่อมต้องใช้เวลาเป็นหลักสำคัญในการตัดสินอนาคตด้วย และระยะเวลา 3 ปี ดูเหมือนว่าเหมาะสม และลงตัวไม่น้อย

การทำงานปีที่ 1 : ปีแห่งการเรียนรู้

ก่อนที่คุณจะก้าวสู่การทำงานในบริษัทไหนก็ตาม สิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ ต้องรู้จักตัวเองว่าต้องการอะไร มองลักษณะนิสัยตัวเอง ให้ออกมาเด่นชัด ว่าจริงๆ แล้ว เราเหมาะสมกับงานแบบไหน เพราะมิฉะนั้นต่อให้คุณทำงานบริษัทใหญ่โต และมั่นคงเพียงไร หากคุณไม่มีความรัก หรือชอบในงานที่ทำ การทำงานให้ประสบความสำเร็จย่อมเป็นไปได้ยาก ดังนั้นต้องค้นหาตนเองให้พบเสียก่อน

และเมื่อถึงวันที่คุณเข้าไปทำงานในที่ไหนก็ตาม ในปีแรกนับเป็นปีแห่งการเรียนรู้ ให้คุณลองทำตัวเป็นฟองน้ำ ที่พร้อมจะดูดซับ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับระบบบริษัท เนื้องานต่างๆ ศึกษาเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน และโดยเฉพาะบทบาทในการทำงานของตนเองอย่างทะลุปุโปร่ง

สร้างความเข้าในเกี่ยวกับงาน

ในกรณีที่คุณไม่เคย หรือไม่สันทัดกับงานที่เข้าไปทำ เรียกว่าเพิ่งจับงานด้านนั้นๆ เป็นครั้งแรก ให้ลองเปิดเว็บไซต์ เข้าไปศึกษาข้อมูลบริษัทต่างๆ ที่ดำเนินธุรกิจแบบเดียวกันกับบริษัทของคุณ ตามอ่านข่าวสารธุรกิจจากสื่อต่างๆ ในแวดวง เพื่อสร้างความรอบรู้ในแวดวงธุรกิจขององค์กรคุณ รวมทั้งธุรกิจอื่นๆ ที่น่าจะเกี่ยวเนื่องกันได้ เพราะยิ่งคุณรู้ข้อมูลมากเท่าไร จะทำให้ทำงานได้ง่าย และสามารถทำงานให้ประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น

เรียนรู้ระบบบริษัท

เรียนรู้ระบบบริษัทของตัวเองให้ถ่องแท้ ว่าดำเนินงานไป ในทิศทางเช่นไร กฎระเบียบบริษัทที่ควรปฏิบัติ เป้าหมาย และผลงานที่บริษัทต้องกร เพื่อเป็นแนวทางให้คุณดำเนินไปได้อย่างถูกทาง โดยไม่หลงไปทิศทางอื่น

อ่านใจนายให้ทะลุปรุโปร่ง

ปัจจุบันเพียงแค่ทำงานหนัก และหวังเพียงความสามารถของตัวเองคงไม่เพียงพอ ถ้าเราอยากจะก้าวหน้าในที่ทำงานแล้ว ควรทำตัวให้เข้ากับหัวหน้างาน เพราะเจ้านายคุณนี่แหละเป็นหนึ่งในตัวแปรเรื่องการทำงานของคุณให้ประสบความสำเร็จ เพราะเจ้านายคุณจะเป็นคนหยิบยื่นโอกาสในการทำงานต่างๆ และในการเลื่อนตำแหน่ง รวมไปถึงการพิ่มเงินเดือนให้กับคุณ

มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

แน่นอนว่าทุกๆ บริษัทต้องการคนที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สามารถสร้างผลงานใหม่ที่เกิดจากไอเดียอันดีเลิศของคุณ สิ่งนี้จะทำให้คุณอัพเงินเดือนได้มากขึ้น เรียกว่าคนเก่ง เงินเดือนก็ต้องสูงเป็นธรรมดา

สร้างความมั่นใจในการทำงาน

เราต้องมีความกล้าคิดกล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็น และมีความมั่นใจอย่างมีเหตุผล มั่นใจในผลงานของตัวเอง อย่า หวาดระแวง หรือกลัวทั้งที่มีความสามารถ ยิ่งคนที่มีตำแหน่งสูงๆ จะกดดันมาก เพราะต้องมีมาตรฐานการทำงานที่สูง ดังนั้นให้เชื่อในคุณค่า และศรัทธาในตนเองให้มากที่สุด แต่ก็ต้องฟังความคิดเห็นจากคนอื่น ๆ ด้วยเป็นการติ เพื่อก่อ

ตั้งเป้าหมายสำหรับตนเอง

การทำงานให้ประสบความสำเร็จ คุณต้องตั้งเป้าหมายในทำงาน เป็นการให้ทิศทางการทำงานที่ต้องการให้เกิดขึ้น การตั้งเป้าหมายแห่งความสำเร็จ จะเป็นแรงกระตุ้น เป็นพลังให้คนเราทำในสิ่งนั้นๆ ได้สำเร็จ และให้ทำการประเมินการทำงานของตนเองอยู่เสมอ อีกทั้งยังก่อให้เกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้นอีกด้วย

สร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี

เราต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีความจริงใจแก่ผู้ร่วมงาน และผู้ที่ติดต่อทางธุรกิจ เพื่อการดำเนินงานที่ราบรื่น ลดอุปสรรค และปัญหาลงได้ไม่น้อย

รู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง

รู้ว่าตัวเองทำงานอะไร ในหน้าที่ตำแหน่งใด มีเป้าหมายอะไรในการทำงาน และควรพัฒนา ไปอย่างไรให้การทำงานประสบความสำเร็จ

ไม่กลัวความผิดพลาด

เพราะในเมื่อมีสุภาษิตว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง แล้วไฉนเลยคนธรรมดาอย่างเราๆ จะทำงานพลาดบ้างไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าผิดซ้ำซาก บกพร่องในเรื่องเดิมๆ ก็ไม่ไหว ให้เอาความพลาดพลั้งมาเป็นบทเรียน เป็นประสบการณ์เพื่อไม่ให้ เกิดขึ้น ในครั้งต่อไปนี่สิ จึงจะเรียกว่าเป็นการทำงานที่มีการพัฒนา

ทำงานด้วยความสนุก

ให้ทำงานด้วยความสนุก มีความสุขที่จะเรียนรู้ ไม่เบื่อที่จะต้องทำงานมากมาย เหนื่อยไปหน่อยก็พักสมองให้หายเครียดบ้าง พร้อมเมื่อไรลุยต่อได้เลย

จัดการงานได้ดี

มีหลักการง่ายๆ ถ้าเรามีงานต้องทำหลายอย่างในหนึ่งวัน คือ หนึ่งตำแหน่งอาจจะต้องทำทั้งขายสินค้า และทำเอกสารส่งเจ้านาย ให้เราทำงานที่ไม่ชอบ หรือไม่ถนัดเสียก่อน แล้วค่อยทำในส่วนที่เราชอบ หรือถนัดในภายหลัง และอย่าเป็นคนผัดวัน ประกันพรุ่ง กำหนดเส้นเวลาการทำงาน

การทำงานปีที่ 2 : ปีแห่งการสร้างผลงาน

วันเวลา 1 ปีที่ผ่านไป เชื่อว่าเราเรียนรู้งานน่าจะเริ่มโปรแล้ว มาถึงปีที่ 2 เราต้องเริ่มไต่ถึงขั้นที่ต้องสามารถสร้างสรรค์ผลงานให้เป็นชิ้นเป็นอันด้วยโปรเจ็กต์ใหญ่ๆ สำคัญๆ ให้เข้าตากรรมการได้แล้ว และเคล็ดลับสำคัญในการสร้างผลงาน ไม่ว่าคุณจะอยู่ในระดับใดก็ตาม คือ ให้ทำงานดีขึ้น และการจะสร้างผลงาน ต้องไม่ใช่การเบ่งทับผู้อื่น ทำตัว เด่นเกินหน้าเกินตา หรือลอบกัดไม่ให้ใครได้ดีเกินหน้าเกินตา และต่อไปนี้ คือการสร้างความประทับใจ ที่คุณจะสร้างผลงานให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ไม่ยาก

สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ

เพราะการริเริ่มไอเดียใหม่ๆ ในที่ทำงาน นอกจากจะทำให้การงานของคุณไม่น่าเบื่อแล้ว ยังช่วยให้คนอื่นมองเห็นว่าคุณไม่ได้ย้ำอยู่กับที่

มีทัศนคติที่ดี และทุ่มเทให้กับงาน

ควรตั้งใจทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายเอกสาร และต้องทำด้วยความรวดเร็ว มีรอยยิ้มให้มากที่สุด ซึ่งการทำงานที่นอกเหนือหน้าที่มากมายโดยไม่ปริปากบ่น จะทำให้คุณได้เลื่อนตำแหน่งในที่สุด ซึ่งโดยส่วนใหญ่พนักงานที่เข้าทำงานใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะไม่ทำงานเกินหน้าที่ เพราะถือว่าทำงานเกินเงินเดือน แต่ถ้าคุณทำได้สารพัดบ่งบอกว่าคุณรักงานนี้ คุณรักองค์กรนี้ ทุ่มเทได้ แม้จะเหนื่อยในบางครั้ง แต่คุณอาจจะได้รับการเลือกเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ทำให้ประสบความสำเร็จในการทำงานด้วยระยะเวลาที่ไวขึ้น

คนที่ทำงานยุ่งอยู่เป็นประจำ และสม่ำเสมอแม้ว่า จะเป็น งานที่นอกเหนือ หน้าที่นั้น เป็นคนหนึ่งที่เจ้านาย หมายตาไว้ ส่วนคนที่เอาแต่จ้องนาฬิกา หรือคุยกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อ เป็น การฆ่าเวลาจะไม่มีโอกาส ได้สร้างผลงานโดดเด่น ให้ตัวเองเลย

รู้จักแก้ปัญหาการทำงานได้ดีขึ้น

มีทักษะในการประสานงาน และแก้ปัญหางานในเรื่องต่างๆ รวมทั้งมีความสามารถในการสร้างแรงจูงใจ และพิสูจน์ตัวเองว่า สามารถทำงานใหญ่ๆ ได้โดยไม่มีพลาด แต่หากตำแหน่งของคุณไม่เอื้ออำนวยให้ทำงานใหญ่ๆ สิ่งที่ควรทำคือ หาประสบการณ์ในการทำงานให้มากขึ้น เช่น มีส่วนร่วม หรือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง แม้จะเป็นงานเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็สามารถส่งเสริม ภาพลักษณ์ของคุณให้เจ้านายเห็นได้

อย่างน้อยก็ได้รู้ว่า คุณสามารถประสานงาน และดำเนินโครงการต่างๆ ให้ลุล่วงได้ดี เพราะการรู้จักการแก้ปัญหา และการ เป็นนักแก้ปัญหาที่ดี และรู้จักสร้างแรงจูงใจให้ผู้อื่นนั้น เป็นคุณสมบัติที่ดีของพนักงานที่ดี

มีความรับผิดชอบสูง

ตอนนี้เราอาจจะรู้ทะลุปุโปร่งแล้วว่า งานของคุณคืออะไร แล้วทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด การนำตัวเองไปยุ่งกับงานของคนอื่น เพื่อที่จะให้เจ้านายเห็นผลงานนั้น ไม่เป็นการดีเอาเสียเลย กลับจะถูกมองว่า คุณก้าวก่ายงานคนอื่น แถมซ้ำร้าย ยัง ทำให้เข้าใจได้ด้วยได้ว่า งานที่คุณได้รับมอบหมายนั้น น้อยเกินไป ทำให้คุณมีเวลาว่าง จนไปยุ่มย่ามกับงาน ของคนอื่น

การทำงานปีที่ 3 : ปีแห่งการประเมินผล

ผ่านการทำงานไป 3 ปี น่าจะทำให้คุณทราบได้แล้วว่าตัวเองทำงานเป็นอย่างไร มีผลงานเท่าไหน ยืนอยู่ตรงไหน และจะสร้างความก้าวหน้าในหน้าที่การให้ตัวเองได้เช่นไร ฉะนั้นช่วงเวลาในปีที่ 3 นับเป็นช่วงที่คุณจะสามารถประเมินตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงานอนาคตข้างหน้าของตนเอง หากค้นพบว่างานที่ทำนี้คือใช่ และคุณมีความสุข และสนุกที่จะทำต่อไป ก็ลุยกันไปต่อได้เลย

เมื่อคุณผู้อ่าน อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็จะขอแนะนำเคล็ดลับในการทำงานให้ประสบความสำเร็จไว้ดังนี้

– ตั้งใจทำงานให้เต็มที่ และต้องเป็นไป อย่างสร้างสรรค์ คือมีไอเดียใหม่ๆ ในงานของตัวเอง
– ควรวางแผนความก้าวหน้า ไว้กับหน้าที่การงาน ว่าในอนาคต คุณจะเดินไป ณ จุดที่สูงขึ้น ไม่ใช่ยืนอยู่ที่เดิม
– ทำงานด้วย ความกระตือรือร้น มีชีวิตชีวา ใส่ความสุขให้กับการทำงาน
– มีน้ำใจแก่เพื่อนร่วมงาน และถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ถ้าวันนึงเราขึ้นตำแหน่งก่อนเพื่อนร่วมงาน เค้าจะได้มีความเคารพเรา
– ใฝ่หาความรู้เพิ่มเติม นอกเหนือจากงานประจำที่ทำอยู่ รับรู้ถึงความเป็นไปของข่าวสารเศรษฐกิจต่างๆ จะทำให้คุณเป็นคนหนึ่ง ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลขึ้น

ผมก็ขอจบบทความการทำงานให้ประสบความสำเร็จใน 3 ปีไว้แต่เพียงเท่านี้ ก็หวังว่าทุกท่านที่อ่านจะได้สาระดีๆ ในการทำงานกันทุกนะครับ และขอให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานกันทุกท่านครับ

สรุป

วิธีการทำงานที่จะให้ประสบความสำเร็จในการทำงานได้ นอกจากจะเป็นผู้ที่มีความรู้ ทั้งวัยวุฒิ และคุณวุฒิแล้ว อาจจะต้องนำทักษะอื่นๆ เข้ามาเสริมและปรับปรุง รวมถึงการในวิธีการทำงานของตน โดยทักษะที่เกิดจากการสังเกต การเรียนรู้ ค้นคว้า การศึกษา และการนำประยุกต์ใช้ นั่นเอง