ถ้ายังไม่หาย คงต้องดูท่าวิ่งต่อครับ ว่าขณะวิ่งลงเท้ายังไง ถ้าผิดท่านานๆ ไปไม่น่าจะดี เสี่ยงอาการบาดเจ็บ Show อีกนิดฮะ เรื่องวิ่งไม่ได้ช่วยลดพุงเท่าไรนะ ถ้าจะ Burn ต้อง 45 นาทีไปแล้ว ถึงจะเห็นผล หรือต้องวิ่ง Zone2 อะไรแบบนี้ ผมแนะนำ Planking นะ ส่วนตัวผมได้ผลมากเลย ผมใช้สูตรนี้ ● โดยรวมฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ เป็นรถในแบบที่ชอบคือ เครื่องยนต์ตอบสนองดีตั้งแต่รอบต่ำ ไม่ต้องลากรอบสูงก็ให้การตอบสองที่ดี ไม่ใช่คนที่ขับรถเร็วก็น่าจะชอบ เกียร์อัตโนมัติ CVT ที่มีพฤติกรรมดีขึ้น แต่โดยรวมก็ยังชอบเกียร์อัตโนมัติแบบมาตรฐานมากกว่า ช่วงล่างหนึบกำลังดีและไม่กระด้าง กับเบรกที่มีพลังและควบคุมได้ง่าย อุปกรณ์มาตรฐานครบครันตามรุ่นย่อย ห้องโดยสารกว้างขวาง ด้านหลังเหลือเฟือสำหรับผู้โดยสารหุ่นมาตรฐาน 2 คน คุณภาพวัสดุโดยรวมก็ตามระดับราคา ไม่ถึงกับหรูหราแต่ก็ดูไม่แย่ รูปร่างหน้าตาของรุ่น RS ดูสปอร์ตดี ทำเอารุ่นรองลงไปดูจืดไปเลย ●Honda City 2018 Honda City 2018 ในประเทศไทย เต็มที่ไปกับขุมพลังการขับเคลื่อนและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ดียิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีความล้ำหน้าของเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที ผสานความนุ่มนวลด้วยระบบเกียร์ CVT พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด ที่พัฒนาเป็นเทคโนโลยี Earth Dream อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 17.9 กม.ลิตรและระบบช่วยการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน Eco Assist เพื่อความสมบูรณ์แบบของการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับพลังงานทางเลือก E85 มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ 1.สีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก) *เฉพาะรุ่น SV+ – SV 2.สีขาวออร์คิด (มุก) 3.สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) *ยกเว้นรุ่น S MT 4.สีดำคริสตัล (มุก) 5.สีขาวทาฟเฟต้า 6.สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) ภายนอก Honda City 2018 ภายนอกของ Honda City 2018 การออกแบบเหนือระดับด้วยกระจังหน้าแบบโครเมียมดีไซน์ใหม่เพิ่มอารมณ์แห่งความสปอร์ตระดับพรีเมียมด้วยไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED พร้อมไฟหน้าแบบ LED เพิ่มความโดดเด่น สะท้อนความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง มือจับประตูด้านนอก โครเมียม เสาอากาศ แบบสั้น แบบครีบฉลาม ไล่ฝ้ากระจกหน้า หลัง พร้อมไล่ฝ้ากระจกข้าง ไฟหน้า LED ไฟตัดหมอกคู่หน้า LED กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลา ล้ออัลลอย 16 นิ้ว ภายใน Honda City 2018 ภายในของ Honda City 2018 ภายในรถมีความหรูหรา ด้วยการออกแบบห้องโดยสารที่กว้างขวาง พร้อมดีไซน์พื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสบายสูงสุด เบาะนุ่มนั่งสบาย ครบครันด้วยอุปกรณ์พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกล้ำสมัย ที่ดึงพับเบาะด้านหลัง เบาะนั่งด้านหลังปรับพับได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่สำหรับวางสัมภาระได้อย่างเต็มที่ เบาะนั่งลายใหม่สไตล์สปอร์ตช่องเชื่อมต่อ USB พร้อมช่องเชื่อมต่อ HDMI ที่วางแก้วน้ำ บริเวณคอนโซลหน้า ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้าแบบ LED ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบ LED ลำโพง 8 ตำแหน่ง ด้านหลังท้ายรถ ความปลอดภัยของ Honda City 2018 ความปลอดภัยของ Honda City 2018 มาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครันทั้งระบบเบรก ABS ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA และสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS ที่มีให้ครบในทุกรุ่นพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยของรถระดับพรีเมียม อาทิ ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3ระดับ และอีกหลากหลายเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ให้คุณมั่นใจในทุกการเดินทาง ISOFIX & Child Anchor จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง Multi-angle Rearviwe Camera กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ
เป็นยังกันบ้าง ถูกใจกันมั้ยคะกับรถยนต์ Honda City 2018 ที่เรานำมารีวิวให้ชมกัน ก็เป็นรถอีกรุ่นหนึ่งที่ซื้อมาขับขี่ได้เป็นอย่างดีเพราะราคาสมเหตุสมผล ออปชั่นก็ให้มาครบและคุ้มค่า ข้อดีก็เยอะมาก ข้อเสียมีให้เห็นบ้าง แต่ก็ไม่ได้เยอะจนเกินไป ใครที่เล็งไว้ลองเก็บไปพิจารณาดูนะคะ แล้วชาว Chobrod ว่ายังไงบ้าง คอมเม้นท์มาบอกกันได้นะคะ หลังจากที่ฮอนด้าผลิตรุ่น บริโอ และ อเมซ อีโคคาร์เฟสแรก ออกมาจำหน่ายมานานพอสมควร ก็ได้เริ่มพัฒนารถเพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์ของ อีโคคาร์ เฟส 2 ที่มีความเข้มข้นขึ้นในเรื่องของอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและค่าปริมาณไอเสีย เพื่อให้ได้รับอานิสงส์ของอัตราการเก็บภาษีที่ลดลงเป็นการตอบแทน จนในที่สุดก็ได้ผลลัพท์ออกมาเป็น ฮอนด้า ซิตี้ สายพันธุ์ที่ 5 เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย โดยนำเครื่องยนต์ 3 สูบ ตัวใหม่ที่ลดปริมาตรความจุจากรุ่นเดิม 1.2 ลิตร เหลือแค่ 1.0 ลิตร เพื่อให้มีอัตราความสิ้นเปลืองที่ลดต่ำลง โดยมีเทอร์โบมาช่วยเพิ่มพลังให้เครื่องยนต์ตัวเล็กนี้มีพละกำลังใกล้เคียงกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร แถมยังมีแรงบิดสูสีกับเครื่อง 1.8 ลิตรเลยทีเดียว แต่ให้ความประหยัดเชื้อเพลิงต่างกันมากทีเดียว โดยตั้งราคาเริ่มต้นเพียง 579,500 บาท ไปจนถึงตัวทอพ 739,000 บาท
รูปทรงภายนอกถือว่าออกแบบมาได้ลงตัวทีเดียว ขนาดกะทัดรัดคงจะเป็นที่ถูกใจวัยรุ่นและสุภาพสตรีไม่น้อย ตัวถังเตี้ยลงจากซิตี้ตัวเดิม 10 มม. ความกว้างเพิ่มขึ้น 53 มม. ความยาวเพิ่มขึ้น 113 มม. ด้านหน้าติดตั้งกระจังหน้าแบบโครเมียม, ชุดไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟเดย์ไลท์แอลอีดีสำหรับวิ่งในเวลากลางวัน, ชุดไฟท้ายแบบแอลอีดี, เสาอากาศแบบครีบฉลาม ฯลฯ ส่วนในรุ่น อาร์เอส ยังมีการตกแต่งแอโรพาร์ทและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเสริมบุคลิกสปอร์ทรอบคัน ล้อแม็คขนาด 16 นิ้ว แลดูลงตัวกับบอดี้นี้ แต่ถ้าเพิ่มความสวยสะดุดตา ผู้ซื้อคงจะเปลี่ยนล้อแม็คเพิ่มขนาดไปเป็น 17-18 นิ้ว มาพร้อมยางซีรีส์ต่ำ แต่อัตราเร่งและอัตราความสิ้นเปลืองน่าจะด้อยลงไปบ้างเพื่อแลกกับความสวยงามและการยึดเกาะถนนที่มั่นคงยิ่งขึ้น ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ให้ความสะดวกสบาย การตกแต่งมาให้แนวเรียบหรูแฝงไว้ด้วยความสปอร์ท อุปกรณ์ทั้งในแง่การอำนวยความสะดวกและความบันเทิงในตัวทอพนี้ให้มามากเกินพอเลยทีเดียว ประกอบไปด้วย มาตรวัดเรืองแสง, จอแสดงข้อมูลการขับ, จอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน iOS ด้วย Apple CarPlay, ระบบสั่งการด้วยเสียงผ่าน SIRI, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ฯลฯ ในขณะใช้ความเร็วสูงๆ บนเส้นทางไฮเวย์ ฮอนด้า ซิตี้ แม้มีเครื่องยนต์ขนาดเล็กแต่มีการตอบสนองได้ดีจากพละกำลังจากเครื่องยนต์ติดเทอร์โบที่มาพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ เวสท์เกทไฟฟ้า ให้กำลัง 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 17.6 กก.-ม. ที่ 2,000 – 4,500 รตน. รองรับการใช้งาน E20 ส่งกำลังผ่านเกียร์แบบ CVT ที่มีอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง สามารถควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด ซิตี้ เป็นรถที่ขับสนุก ผมว่ามีอัตราเร่งดีกว่ารถ 1.5 ลิตรหลายๆ คันที่ได้เคยลองขับมาเลย การควบคุมบังคับในช่วงความเร็วประมาณ 120-140 กม./ชม. ยังคงให้ความมั่นใจดี พวงมาลัยที่ใช้ระบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้าที่สามารถปรับน้ำหนักโดยอัตโนมัติเซทมาค่อนข้างลงตัว ในเมืองพวงมาลัยจะเบาขับสบาย แต่เมื่อใช้ความเร็วสูงจะปรับมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นซึ่งผมถือว่ากำลังเหมาะพอดี ไม่เบาหวิวจนเกิดความเครียดในขณะขับเร็วๆ เกียร์ซีวีทีแบบใหม่ให้ความรู้สึกในการใช้งานใกล้เคียงกับเกียร์อัตโนมัติแบบเดิม ไม่ต้องปรับตัวในการใช้งานมากนัก การทำงานนุ่มนวลและต่อเนื่องดี การเก็บเสียงรบกวนทั้งในการวิ่งในเมืองและนอกเมืองขณะใช้ความเร็วสูงทำได้เงียบมากแม้จะเป็นรถประเทอีโคคาร์ก็ตาม ระบบรองรับตอบสนองการขับขี่ที่ค่อนข้างสปอร์ท ยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวล นั่งสบาย ไม่รู้สึกกระด้าง การทรงตัวขณะใช้ความเร็วในช่วง 140 กม./ชม.ยังเป็นไปด้วยดี การใช้งานโดยทั่วไปถือว่าน่าพอใจ แต่ผู้ที่ใช้ความเร็วสูงในการเดินทางเป็นประจำและต้องการความมั่นคงในการควบคุมมากขึ้นอาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อแลกกับช็อคอัพสไตล์สปอร์ท 4 ต้น รวมทั้งเปลี่ยนขนาดล้อแม็คและยางซีรีส์ต่ำลง ซึ่งก็ต้องแลกกับความนุ่มนวลที่ลดลงไปบ้าง แต่การขับขี่จะมีความมั่นคง กระชับขึ้นอย่างแน่นอน แต่สำหรับการใช้งานปกติ ระบบรองรับ ล้อ ยาง ชุดที่มาจากโรงงานนี้ผมถือว่าดีเพียงพอแล้ว อัตราการสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยในขณะวิ่งด้วยความเร็วสูงสลับกับการวิ่งตามปกติ ราว 70-100 กม./ชม. ฮอนด้า ซิตี้ทำได้ราว 16 กม./ลิตร. ถ้าขับสบายๆ แบบไม่เร่งรีบตัวเลข 18-20 กม./ลิตร น่าจะมีให้เห็นได้โดยไม่ยากเย็น ระบบห้ามล้อ ด้านหน้าแบบจาน หลังดุม มาพร้อมระบบเอบีเอสให้ความปลอดภัยและมั่นใจในการหยุดรถเป็นอย่างดี ระบบความปลอดภัยประกอบด้วย โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control (G-CON), ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, ระบบกระจายแรงเบรค EBD, ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง Vehicle Stability Assist, ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill Start Assist และกล้องหลังแบบปรับมุมมองได้ 3 ระดับ Multi-angle Rearview Camera ฯลฯ ถือว่าให้มาพร้อมจนไม่รู้ว่าจะต้องติดอุปกรณ์อะไรเพิ่มเติมแล้ว ฮอนด้า ซิตี้ ถือว่าเป็นอีโคคาร์ในรูปแบบใหม่ที่มีความคุ้มค่า น่าใช้ อุปกรณ์ใช้งานต่างๆ มีมาให้ครบทั้งในแง่ความสะดวกสบายและปลอดภัย คุณภาพรถอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจในระดับต้นๆ ของรถอีโคคาร์ในยุคนี้ ราคามีให้เลือกตั้งแต่ 54 แสนต้นๆ ไปจนถึง 7 แสนต้น แตกต่างกันที่อุปกรณ์และรายละเอียดต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ซื้อว่าความพอใจอยู่ที่จุดไหน City 1.0 Turbo ถังน้ำมันกี่ลิตร2020 1.0 Honda City SV. 2020 1.0 Honda City RS. ความจุถังน้ำมัน (ลิตร) 40 L.
ถังน้ำมัน City 2022 กี่ ลิตรความจุถังน้ำมัน (ลิตร) 40.
มาสด้า2กินน้ำมันกี่โลลิตรMazda 2 Sedan 2022 เครื่องยนต์และสมรรถนะ
เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.3 ลิตร กำลังสูงสุด 93 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.3 กิโลเมตร/ลิตร
City Hatchback ใช้น้ำมันกี่ลิตรGRADE LEVEL DETAILS. |