เป็น ประจำเดือน กิน เกลือ แร่ ได้ ไหม

อาการปวดท้อง และรู้สึกไม่สบายตัวเมื่อมีประจำเดือน ทำให้ผู้หญิงอย่างเราทุกข์ทรมานและแทบไม่อยากลุกขึ้นจากเตียง แต่รู้ไหมคะว่าการทานอาหารบางอย่างสามารถช่วยลดความเจ็บปวด, อาการท้องอืด, ตัวบวม แขนขาบวม และความแปรปรวนของอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ เดี๋ยวเราไปดูกันค่ะว่าอาหารที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง

อาหารที่ควรรับประทานในช่วงที่มีประจำเดือน

ได้แก่

ปลาแซลมอน

แซลมอน เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3 fatty acids) ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และลดอาการอักเสบ (Anti-inflammatory) ที่สามารถช่วยคลายการบีบตัวของมดลูก (Uterus) หรือบรรเทาอาการปวด (Alleviating the cramping pains) ต่าง ๆ ได้ โดยคุณสามารถเลือกทานแซลมอลได้ทั้งแบบดิบ และสุก นอกจากคุณสมบัติข้างต้นแล้ว แซลมอนยังให้โปรตีน และ วิตามินบีสูง ที่สามารถให้พลังงานแก่ร่างกายของคุณได้ด้วยนะคะ

ไข่ไก่

ไข่ เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยโปรตีน, กรดไขมันจำเป็น, แร่ธาตุ และวิตามินที่มีประโยชน์หลายชนิด ซึ่งจะช่วยลดอาการปวด และสร้างพลังงานทดแทนในส่วนที่สูญเสียไปได้ แนะนำให้กินไข่ทุกวันช่วงมีประจำเดือน แต่ไม่ควรกินไข่ลวก (Hard-boiled eggs)  เพราะจะทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารและทำให้ท้องอืด (Bloating) ได้ง่าย

กล้วย

สำหรับบางคนที่มีอาการท้องร่วง (Diarrhea) ขณะที่มีประจำเดือน สารอาหาร เช่น แมกนีเซียม (Magnesium), โพแทสเซียม (Potassium) และเส้นใย (Fiber) ที่อยู่ในกล้วย จะช่วยเรื่องการขับถ่าย และช่วยปรับอารมณ์ให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น โดยเฉพาะ แมกนีเซียม จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้เป็นอย่างดี

ช็อกโกแลต (Dark chocolate)

เชื่อว่าช็อกโกแลต เป็นขนมโปรดของใครหลาย ๆ คน แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าช็อกโกแลตนั้นอุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีความจำเป็นกับร่างกายเมื่อเกิดการสูญเสียเลือดช่วงมีประจำเดือน สามารถช่วยลดอาการปวด และช่วยเสริมการสร้างฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) ฮอร์โมนที่มีหน้าที่ช่วยให้อารมณ์ดี ลดการแปรปรวนของอารมณ์ได้เป็นอย่างดี แนะนำให้กินดาร์กช็อกโกแลต เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลปัญหาความอ้วนที่จะตามมากันนะคะ

ผักและผลไม้ เช่น บร็อคโคลี (Broccoli), พืชตระกูลส้ม (Citruses ), แตงโม (Watermelons) และ ดอกคาโมไมล์ (Chamomile) เป็นต้น ซึ่งมีแร่ธาตุ และวิตามินสูง

  • บร็อคโคลี ให้ธาตุเหล็ก (Iron) และเส้นใยสูง ช่วยทดแทนการสูญเสียเลือดช่วงมีประจำเดือน (Period bleeding) และลดท้องอืด
  • พืชตระกูลส้ม (Citruses ) ให้วิตามิน C, D (Vitamin C, D) และแคลเซียม (Calcium) ช่วยบรรเทาความรู้สึกวิตกกังวล หรือความกลัว ซึ่งเป็นผลมาจากการแปรปรวนของระดับฮอร์โมน แต่ไม่ควรกินในปริมาณที่มากจนเกิดไป เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
  • แตงโม (Watermelons) มีน้ำตาลธรรมชาติซึ่งพบได้ในปริมาณมาก จะช่วยทดแทนน้ำตาล และความชุ่มชื้นที่ร่างกายสูญเสียไป ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด และจะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นได้มากขึ้น
  • ชาจากดอกคาโมไมล์ ไม่เพียงช่วยให้สมองเกิดความผ่อนคลาย อีกทั้งช่วยในการคลายตัวของมดลูกด้วย ช่วยลดความเครียด และทำให้หลับสบายในช่วงที่มีประจำเดือนได้เป็นอย่างดี

และนี่ก็เป็นอาหารที่เราแนะนำให้ทุกคนลองไปทาน เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด และทรมานช่วงมีประจำเดือนกันนะคะ

สุดท้ายก่อนจากกัน ขอแนะนำเเพิ่มเติมอีกนิดนะคะ ซึ่งนั่นก็คือ อาหารประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงช่วงมีประจำเดือน ได้แก่ ขนมขบเคี้ยว ที่มีเกลือ น้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูง, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารรสจัดทั้งหลาย เพื่อไม่ให้เกิดอาการท้องอืด, ร่างกายอ่อนเพลีย หรือตัวบวม และที่สำคัญคือ อาหารพวกนี้สามารถทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และสร้างความกลุ้มใจทิ้งไว้ให้คุณหลังผ่านช่วงมีประจำเดือนได้ด้วยนะคะ

แบ่งปันเกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพทั้งโรคภัยไข้เจ็บ วิธีออกกำลังกาย เคล็ดลับลดน้ำหนัก เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง อยู่กินของอร่อยไปได้อีกนาน ๆ

นอกจากอาการปวดท้องประจำเดือนที่ทำให้ผู้หญิงหลายคนต้องทรมานจนอยากจะตัดมดลูกทิ้งให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ยังมีอาการที่น่าเป็นห่วง คือ “ไข้ทับระดู” และอาการที่น่ารำคาญ และทำให้ผู้หญิงหลายคนทรมานไม่แพ้กัน คืออาการ “ท้องเสีย” นั่นเอง

 

ทำไมผู้หญิงหลายคนถึงมีอาการท้องเสียในช่วงที่มีประจำเดือน?

ถ้าใครยังจำความรู้ที่เคยเรียนมาตอนเด็กๆ ได้ จะทราบดีว่า ช่วงที่ผู้หญิงมีประจำเดือน หรือใกล้มีประจำเดือน จะเป็นช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างชัดเจน เป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งที่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้น มีสิวขึ้นบริเวณใบหน้า หรือการเปลี่ยนแปลงที่อาจไม่เห็นด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ เช่น อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มาจากฮอร์โมนที่มีชื่อว่า “เอสโตรเจน” และ “โปรเจสเตอโรน” ที่นอกจากการเปลี่ยนแปลงที่กล่าวไปแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของคุณผู้หญิงด้วย เช่น ภูมิต้านทานน้อยลง ส่งผลให้ผู้หญิงเสี่ยงต่อการเป็นหวัด ติดเชื้อในอวัยวะภายในได้ง่ายขึ้น หรือมีไข้ หรือส่งผลกระทบต่อระบบย่อยอาหาร จนทำให้เกิดอาการท้องเสียได้

อาการท้องเสียระหว่างมีประจำเดือน มาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มมากขึ้น บวกกับระดับฮอร์โมนเซโรโทนินที่เพิ่มมากขึ้นด้วย ที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวได้ แต่ส่วนใหญ่อาการไม่น่าเป็นห่วง อาการท้องเสียจะค่อยๆ หายไปเองหลังจากมีประจำเดือนไปได้ 1-3 วัน

 

การป้องกันอาการท้องเสียระหว่างมีประจำเดือน

เมื่อในช่วงนี้ระบบย่อยอาหารอาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนเคย เราจึงควรงดอาหารที่รบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหาร หรือช่วยให้ร่างกายทำงานได้ง่ายขึ้น ด้วยการงดอาหารที่ทำให้เสาะท้องได้ง่าย เช่น อาหารรสจัด หวานจัด เค็มจัด เผ็ดจัด มันจัด ผลไม่ที่มีรสเปรี้ยวรุนแรง เช่น มะม่วงเปรี้ยว มะขาม มะดัน เครื่องดื่มประเภทนม รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย

นอกจากนี้ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดอาการท้องเสียระหว่างมีประจำเดือนได้ ดังนั้นควรออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ นอกจากเรื่องท้องเสียแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ ลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นไข้ทับระดู และยังช่วยลดอาการปวดท้องระหว่างมีประจำเดือนได้อีกด้วย