ตัวอย่าง resume hr ภาษาไทย

สวัสดีครับ วันนี้พวกเรา เรซูเม่อินไทย ก็มาแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการเขียนเรซูเม่ และการสมัครงานกันเช่นเคย ช่วงที่ผ่านมามีผู้สมัครงานหลายท่าน ทั้งที่เพิ่งจบใหม่ และมีประสบการณ์กันมาอย่างโชกโชนแล้วก็ตาม ถามคำถามหนึ่งกับพวกเราอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ วิธีเขียนเรซูเม่สมัครงาน อย่างไรให้โดนใจ HR (ฝ่ายสรรหาบุคลากรของบริษัท) และได้งานที่ฝันเอาไว้ พวกเราจะมาตอบคำถามนี้กันในวันนี้อย่างละเอียดครับ

ทำความรู้จักเรซูเม่

เรซูเม่ (Resume) คือเอกสารสรุปประวัติการทำงานส่วนบุคคล โดยเน้นให้สั้น กระชับ และครบถ้วน เพื่อใช้ในการสมัครงาน ส่วนมากจะมีความยาวเพียง 1 หน้ากระดาษเท่านั้น ในเรซูเม่จะเขียนถึงประวัติการทำงาน ประวัติการศึกษา จุดมุ่งหมายในการทำงาน และความรู้ความสามารถสำคัญที่มีประโยชน์ต่อตำแหน่งงานที่สมัคร ทำให้ HR สามารถทำความรู้จักกับผู้สมัครงานได้ในระยะเวลาสั้น ๆ

เวลาสมัครงานเราจะส่งเรซูเม่ของเราให้กับ HR บริษัท เพื่อให้ HR สามารถทำความรู้จักกับเราได้อย่างคร่าว ๆ ว่าเรามีความใกล้เคียงเหมาะสมกับตำแหน่งงานว่างนั้น ๆ ขนาดไหน และถ้ามีความใกล้เคียงก็จะเรียกเข้าไปสัมภาษณ์งานเพื่อเจาะลึกอีกทีหนึ่ง ดังนั้นเรซูเม่ที่ดีจึงจะต้องเป็นเรซูเม่ที่ทำให้ HR เห็นภาพรวมของเราได้นั่นเอง

ตัวอย่าง resume hr ภาษาไทย

ตัวอย่างเรซูเม่สมัครงาน

เรซูเม่อินไทย ได้สรุปเทคนิควิธีเขียนเรซูเม่ ที่โดนใจ HR ออกมาเป็นข้อๆ โดยละเอียดตามนี้ครับ

1. บริหารพื้นที่เรซูเม่ให้ดี

เรซูเม่ที่ดีจะต้องเขียนให้จบได้ภายใน 1 หน้ากระดาษเท่านั้น การเขียนเรซูเม่ให้ดีจึงเป็นการแสดงความสามารถในการสรุปใจความของเรา ให้ HR ได้เห็นผ่านผลงานของเรา ซึ่งก็คือตัวเรซูเม่นี้ ถ้าใครยังมองไม่เห็นภาพรวมนัก ก็ลองใช้อัตราส่วนตามนี้ดูสิครับ

เด็กจบใหม่

  • ข้อมูลส่วนตัว 10% (ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล์ รูปถ่าย)
  • ประสบการณ์ฝึกงาน 30%
  • การศึกษา 30%
  • สกิลต่าง ๆ 10% (ความสามารถด้านภาษา คอมพิวเตอร์ ซอฟท์สกิล ฯลฯ)
  • กิจกรรมตอนเรียน 20%

ผู้สมัครงานมีประสบการณ์ทำงานแล้ว

  • ข้อมูลส่วนตัว 10% (ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล์ รูปถ่าย)
  • ประสบการณ์ทำงาน 60%
  • การศึกษา 10%
  • สกิลต่าง ๆ 20% (ความสามารถด้านภาษา คอมพิวเตอร์ ซอฟท์สกิล ฯลฯ)

2. ห้ามเว้นพื้นที่ว่างเอาไว้โดยเด็ดขาด

การกรอกข้อมูลให้ครบ ถือเป็นกฎเหล็กของการสมัครทุกอย่างในโลกนี้ ไม่ใช่แค่การสมัครงานอย่างเดียว ซึ่งผู้รับเอกสารต่าง ๆ จะมองภาพรวมของตัวคุณจากการที่คุณปล่อยพื้นที่ว่างๆเอาไว้ด้วย ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ ในเรซูเม่นี้ก็เป็นข้อมูลส่วนตัวของคุณเองทั้งนั้น ถ้าคุณปล่อยทิ้งว่างๆเอาไว้เยอะๆก็แสดงว่าคุณไม่รู้จักตัวเองดีพอ และคนที่ไม่รู้จักตัวเองดีพอ ก็จะยังไม่พร้อมในการสมัครงานอย่างแน่นอน

ตัวอย่างเรซูเม่ที่ใช้พื้นที่ได้ดี

ตัวอย่าง resume hr ภาษาไทย

ตัวอย่าง resume hr ภาษาไทย

ตัวอย่าง resume hr ภาษาไทย

ตัวอย่าง resume hr ภาษาไทย

3. ใส่รูปอย่างเป็นทางการเท่านั้น

การสมัครงานถือว่าเป็นขั้นตอนในระดับมืออาชีพ ซึ่งผู้สมัครงานเองก็จะต้องแสดงความเป็นมืออาชีพออกมาด้วย รูปสมัครงาน ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากในระดับต้นๆเลยก็ว่าได้ รูปที่ดีที่สุดที่คุณควรจะใส่ในเรซูเม่จึงเป็น รูปติดบัตร ที่จะทำให้เรซูเม่ของคุณเป็นทางการมากพอ

ส่วนรูปอื่น ๆ ที่ไม่ใช่รูปติดบัตร จะทำให้คุณเสียโอกาสในการสมัครงานไปไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว รูปที่ไม่เหมาะสมต่าง ๆ ที่ HR เคยได้รับในเรซูเม่ แล้วโดนโยนทิ้งลงถังขยะทันทีก็ได้แก่ รูปเซลฟี่ รูปไปเที่ยว รูปถ่ายตัวเองสะท้อนในกระจก(ห้องน้ำ) รูปกับรถ รูปตอนกินหมูกระทะ รูปยืนหันข้าง หันหลัง รูปใส่แว่นกันแดด ใส่มาสก์ มองไม่เห็นหน้าเลย เป็นต้น

4. เขียนรายละเอียดส่วนตัวของตัวเอง การติดต่อให้ชัดเจน

รายละเอียดส่วนตัวถือเป็นอีกสิ่งที่ชี้เป็นชี้ตายในการสมัครงานได้เช่นกัน เมื่อคุณเขียนเรซูเม่มาอย่างดี แต่คุณดันใส่เบอร์โทรศัพท์ตัวเองผิด ในอีเมล์ตัวเองผิด HR ก็ติดต่อนัดคุณไปสัมภาษณ์งานไม่ได้ แล้วคุณก็ไม่รู้ตัวด้วยเช่นกันว่าทำไมไม่ได้งานสักที เรื่องสำคัญแบบนี้อย่ามองข้ามนะครับ เขียนให้ถูก อ่าน ตรวจทาน หลายๆรอบให้ถูกต้องจริง ๆ ไม่อย่างนั้นแล้วน้ำตาจะเช็ดหัวเข่าเอา

สำหรับผู้ที่เขียนที่อยู่ของตัวเอง อยู่คนละจังหวัดกับบริษัท ก็ให้เขียนกำชับให้ดีนะครับว่าเรากำลังหางานในจังหวัดนี้จริง ๆ ไม่ได้สมัครงานข้ามจังหวัดโดยที่เราไม่รู้นะ

5. ใส่รายละเอียดของงานที่เคยทำให้ชัดเจน ยาวมากพอ

มาถึงส่วนสำคัญที่สุดของเรซูเม่สมัครงานกันแล้ว นั้นก็คือส่วนของรายละเอียดในการทำงานที่ผ่านๆมาของคุณ ให้ใส่ข้อมูลให้เยอะมากพอ เคยทำงานตำแหน่งอะไร บริษัทไหนมา ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงเมื่อไหร่ เรียงลำดับจากงานล่าสุดก่อน ลงไปจนถึงงานเก่าสุดที่คุณเคยทำมา ซึ่งตรงนี้ถ้าคุณเคยผ่านงานมาหลายบริษัทมาก ๆ (เกิน 10 ปี) ก็สามารถเลือกที่จะเขียนเฉพาะบริษัทที่สำคัญๆก็พอแล้ว

และส่วนที่สำคัญมากที่สุดก็คือ หน้าที่การทำงาน ที่คุณจะต้องเขียนสรุปลงไปว่าคุณได้ทำงานอะไรลงไปบ้างในตำแหน่งงานนั้น ๆ ซึ่งจะต้องมีความยาวที่พอดี ไม่น้อยเกินไปจนอ่านจับใจความไม่ได้ และไม่มากเกินไปจนน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง โดยส่วนมากแล้วข้อมูลตรงนี้จะมีความยาวประมาณ 3-5 บรรทัด ต่อตำแหน่งงานที่คุณเคยทำมา ตรงนี้จะมีรายละเอียดมากพอสมควร หากคุณสนใจล่ะก็สามารถอ่านเทคนิคการ ใส่ประสบการณ์ทำงาน ลงในเรซูเม่อย่างมืออาชีพได้

ตัวอย่าง resume hr ภาษาไทย

ตัวอย่างเรซูเม่ที่ใส่รายละเอียดการทำงานมากพอ

ถ้าหากว่าคุณเป็นเด็กจบใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ล่ะก็ ให้ใส่รายละเอียดของประสบการณ์ฝึกงานลงไปในส่วนนี้แทน อย่าปล่อยว่างเอาไว้เด็ดขาด เพราะเมื่อคุณคือเด็กจบใหม่ คู่แข่งของคุณก็คือเด็กจบใหม่เหมือนกัน และ HR ก็มักจะเลือกเด็กจบใหม่ที่มีความเข้าใจ และเขียนรายละเอียดการฝึกงานของตัวเอง เอาไว้ก่อนคนที่ปล่อยว่างเอาไว้อย่างแน่นอน

6. ใส่รายละเอียดการศึกษาของตัวเอง

รายละเอียดการศึกษาก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม คุณจะต้องใส่รายละเอียดการศึกษาของคุณตั้งแต่วุฒิสูง ลงมาถึงวุฒิต่ำ เรียงลำดับลงมา ใส่ชื่อสถานศึกษา คณะ เอก ให้อย่างละเอียด ห้ามเว้นเอาไว้เช่นกัน เพราะว่ามีงานเฉพาะทางหลายๆงานที่จะรับเฉพาะนักศึกษาบางคณะ หรือบางเอกเท่านั้น เช่นวิศวกรรมโยธา สถาปนิกภายใน กฎหมาย เป็นต้น

หลายๆคนมีข้อสงสัยว่า เราจะต้องใส่เกรดเฉลี่ย (GPA) ลงไปด้วยไหม คำตอบคือไม่จำเป็นจะต้องใส่ลงไป ไม่ได้มีการบังคับใด ๆ ถ้าคุณมีเกรดเฉลี่ยอยู่ในระดับ 3.00 ขึ้นไป ถ้าคุณใส่เกรดลงไปด้วย คุณจะเพิ่มโอกาสในการได้งานของคุณ แต่ถ้าคุณมีเกรดที่ต่ำกว่า 2.50 การเลือกที่จะไม่ใส่เกรดลงไปจะทำให้คุณได้งานง่ายกว่านั่นเอง

7. สกิลทางด้านภาษาต่าง ๆ

ต่อไปเป็นความสามารถทางด้านภาษา ที่จะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเรซูเม่ของคุณ พวกเราเชื่อว่าอย่างน้อย ๆ ผู้สมัครงานทุกคนที่ได้อ่านบทความของเรา จะต้องได้ภาษาไทย อย่างน้อยละ 1 ภาษาแน่นอน ก็ให้กรอกลงไปด้วยนะครับว่าคุณสามารถอ่านเขียนพูดไทยได้ เป็นภาษาแม่เลย

ภาษาที่สองที่ควรจะได้กันก็คือภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเก่ง หรือไม่เก่งอย่างไร ก็ควรจะใส่ลงไปในเรซูเม่ด้วย ซึ่งถ้าหากว่าคุณไม่เก่งภาษาอังกฤษจริง ๆ ก็ให้ใส่ว่า Average ก็พอครับ อย่าไปใส่ว่าเก่งมากในระดับภาษาแม่ เดี๋ยวโดนคนอินเดียมาสัมภาษณ์งานแล้วจะขำไม่ออก

ส่วนภาษาที่สามขึ้นไป ถือเป็นกำไรชีวิตของคุณครับ ไม่ว่าคุณจะได้ภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อิตาเลียน สแปนิช เยอรมัน ฯลฯ คุณก็สามารถใส่ลงไปได้เช่นกัน ซึ่งรวมไปถึงภาษาเพื่อนบ้านอย่างภาษาพม่า และภาษาลาวด้วย ถ้าได้ก็ใส่ลงไป

8. สกิลเฉพาะทางต่าง ๆ

สกิลเฉพาะทางต่าง ๆ ที่จะนับเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการทำงานเท่านั้นครับ เช่น

  • สมัครงานโปรแกรมเมอร์: ถ้าหากคุณสามารถเขียนภาษา Java, Php, หรือ .Net ได้ ก็ให้ใส่มันลงไปอย่างชัดเจนว่าคุณเขียนภาษาอะไรได้ ใช้เฟรมเวิร์คอะไรเป็น เคยผ่านเครื่องมืออะไรมาบ้าง
  • สมัครงานคลังสินค้า: คุณสามารถขับรถโฟล์คลิฟท์ได้ มีใบขับขี่โฟล์คลิฟท์
  • สมัครงานเภสัชกร: คุณสามารถใส่เลขที่ใบอนุญาตของเภสัชกรลงไปในนี้ได้

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือ กราฟแสดงค่าพลังว่าคุณเก่งขนาดไหน ซึ่งเอาจริง ๆ ก็ทุกคนแหล่ะที่คิดว่าตัวเองเก่งจะเต็มหลอดกันทั้งนั้น แต่สุดท้ายหลาย ๆ บริษัทก็มีการสอบเข้าทำงานเพื่อวัดความสามารถของคุณจริง ๆ ถ้าหากว่าคุณเขียนว่าตัวเองเกือบเต็มหลอด แต่ผลสอบออกมาว่าคุณเก่งแค่ระดับพลังสีแดงกระพริบ ๆ ใกล้ตายแล้ว มันจะอับอายขายหน้าเอามาก ๆ เลยนะครับ

9. งานอดิเรก ไม่ต้องใส่ลงไป

งานอดิเรกของคุณ ไม่ว่าจะเป็นดูหนังฟังเพลงต่าง ๆ ถือเป็นข้อมูลที่รู้ก็ได้ ไม่รู้ก็ดี แต่ถ้าจะให้ดีก็ไม่ต้องใส่ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอ่าน (HR เขาบอกมายังงี้) เพราะว่าเรซูเม่คือพื้นที่ที่ใช้แสดงถึงประวัติการทำงานของคุณ ซึ่งคุณจะต้องบริหารพื้นที่นี้ให้เป็น (ย้อนกลับไปอ่านข้อ 1) ถ้าคุณปล่อยให้มีที่ว่างมากพอที่จะเขียนเรื่องที่ไม่จำเป็นลงไปล่ะก็ ถือว่าคุณมาผิดทางแล้ว ให้เอางานอดิเรกออกไป แล้วกลับไปใส่ข้อมูลในส่วนอื่นให้มากกว่านี้แทน

แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่บ้างสำหรับบางงานอดิเรกที่มีประโยชน์ และถ้าใส่มันลงไปในเรซูเม่ก็จะมีผลดี ให้ลองอ่านบทความของเราเรื่อง งานอดิเรกที่น่าใส่ในเรซูเม่ ดูนะครับ

10. ธีมเรียบ ๆ คือผู้ชนะ อย่าใช้ธีมเรซูเม่ฉูดฉาด

คุณรู้หรือไม่ว่า 99% ของเรซูเม่ที่ได้งาน คือเรซูเม่ที่ใช้ธีมเรียบ ๆ กันทั้งนั้น เพราะว่า HR จะให้ความสำคัญกับข้อมูล การสรุปข้อมูล การจัดเรียงข้อมูลของคุณ ส่วนเรซูเม่ที่มีสีสันฉูดฉาดนั้นส่วนมากมักจะเกิดจากการที่ผู้สมัครงานต้องการทำให้เรซูเม่ของตัวเอง น่าสนใจ มากขึ้น เพราะเห็นว่าข้อมูลของตัวเองไม่มีอะไรน่าสนใจ จึงทำให้เรซูเม่ของตัวเองมีสีสันฉูดฉาดเพื่อดึงความสนใจ ซึ่งต้องบอกตรง ๆ เลยครับว่ามาผิดทาง คุณควรจะต้องให้ความสำคัญกับข้อมูล และการจัดเรียง มาเป็นอันดับหนึ่งต่างหาก

แต่ก็มีข้อยกเว้นเช่นกัน 1% ของเรซูเม่สีสันฉูดฉาดที่ได้งานนั้น จะเป็นกลุ่มผู้สมัครงานด้านครีเอทีฟ งานด้านกราฟฟิกดีไนเนอร์ เท่านั้น ที่จะต้องเน้นแสดงฝีมือของตัวเองลงในเรซูเม่นั่นเอง แต่ถ้าคุณไม่ได้สมัครงานในกลุ่มนี้แล้วล่ะก็ อย่าใช้ธีมเรซูเม่สีสันฉูดฉาดเด็ดขาด

11. ส่งเป็นไฟล์ PDF เท่านั้น

เมื่อคุณเขียนเรซูเม่ของตัวเองเสร็จแล้ว ก็อย่าส่งไฟล์ .doc หรือ .docx ให้ HR โดยเด็ดขาด ให้คุณแปลงไฟล์เป็น PDF ก่อนแล้วจึงส่งสมัครงาน เพราะเมื่อนำไปเปิดที่เครื่องไหน ก็จะได้หน้าตาเหมือนกันทั้งนั้น ไม่พัง และไม่สามารถแก้ไขอะไรได้

12. ทำเรซูเม่ออนไลน์ กับเว็บไซต์ resume.in.th สิครับ

เข้าสู่ช่วงสุดท้ายกันแล้ว ทิปส์ข้อที่ผ่านๆมาทั้งหมด เว็บเรซูเม่อินไทย (www.resume.in.th) สามารถช่วยให้คุณ สร้างเรซูเม่ออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ทิปส์ทุกข้อที่พวกเรากล่าวมาได้อย่างดี ทำให้เรซูเม่ของคุณออกมาดี มีความเป็นมืออาชีพ เป็นระเบียบ ส่งผลให้คุณได้งานในฝันได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญคือใช้งานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้นครับ ลองใช้งานกันดูได้เลย