สาระสำคัญ/ความคิดรวมยอดการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส เป็นการแบ่งเซลล์ร่างกาย เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ร่างกายระหว่างการเจริญเติบโตและทดแทนเซลล์ที่เสียหายหรือตาย ส่วนการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส คือการแบ่งเซลล์เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศหญิงและ เพศชาย ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ด้านความรู้ - เปรียบเทียบลักษณะโครโมโซมของมนุษย์เพศชายและเพศหญิง ด้านทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ - สังเกตลักษณะโครโมโซมในเซลล์ร่างกายของมนุษย์เพศชายและเพศหญิง การวัดผลและประเมินผลวิธีการ - การตอบคำถามหลังจากศึกษาใบความรู้ เครื่องมือ 1. ใบกิจกรรมที่ 2 การแบ่งเซลล์แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร 2. ใบงานที่ 2 การแบ่งเซลล์แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร 3. ใบความรู้ที่ 3 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและไมโอซิส 4. ใบงานที่ 3 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและไมโอซิสเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร We’ve updated our privacy policy so that we are compliant with changing global privacy regulations and to provide you with insight into the limited ways in which we use your data. You can read the details below. By accepting, you agree to the updated privacy policy. Thank you! View updated privacy policy We've encountered a problem, please try again. แผนการจัดการเรียนรู้ ม.3 รหัสวิชา ว23103 วิชาวิทยาศาสตร์ เทอม 1 นายอับดุลยามีน หะยีขาเดร์ โรงเรียนเดชะปัตตนยานุกูล สำนักงานเขตพื้ นที่การศึกษามัธยมศึกษาปัตตานี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 พนั ธกุ รรม แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ เรือ่ ง โครโมโซม ดเี อน็ เอ และยนี เวลา 4 ช่ัวโมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม 2. ตัวช้ีวัด ว 1.3 ม.3/1 อธบิ ายความสมั พันธ์ระหว่าง ยีน ดเี อน็ เอ และโครโมโซม โดยใช้แบบจาลอง 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายความสมั พันธร์ ะหวา่ งยีน ดีเอน็ เอ และโครโมโซมได้ (K) 4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรทู้ ้องถิ่น - ลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตสามารถ - โครโมโซมประกอบด้วยดีเอ็นเอและโปรตีน - ส่ิงมีชีวิตท่ีมีโครโมโซม 2 ชุด โครโมโซมท่ีเป็น 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 พนั ธุกรรม สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ท่ีต่างกันนี้ว่า
แอลลีล ซ่ึงการเข้าคู่กันของ 5. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด เม่ือมองเซลล์ผ่านกล้องจุลทรรศน์จะเห็นเส้นใยเล็ก ๆ พันกันอยู่ในนิวเคลียส เม่ือเกิดการแบ่งเซลล์ 6. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1) ทักษะการสังเกต 7. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี ินัย 8. คาถามสาคัญ 1. ส่ิงใดควบคุมลักษณะทางพนั ธุกรรมของสิง่ มชี วี ติ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 พันธกุ รรม 9. กิจกรรมการเรยี นรู้ วิธีการสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชั่วโมงท่ี 1 ขั้นนา ขน้ั ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage) ขัน้ สอน ขั้นที่ 2 สารวจคน้ หา (Explore) 3 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 พันธกุ รรม ครูกล่าวนาเข้าสู่กิจกรรม เรื่อง ศึกษาโครงสร้างสารที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดลักษณะทาง ทางพนั ธกุ รรม จากหนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน (ชุด สัมฤทธมิ์ าตรฐาน) วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 5. ครูสุ่มนักเรียน 2-3 กลุ่ม ออกมาอภิปรายผลการทากิจกรรมหน้าชั้นเรียน โดยให้นักเรียนกลุ่มอ่ืน ๆ รว่ มกนั เสนอแนะเพอ่ื ใหไ้ ด้ขอ้ สรปุ ทตี่ รงกนั ดังน้ี “เมื่อใช้กล้องจุลทรรศน์ศึกษาเซลล์ จะพบโครงสร้างของเซลล์ท่ีเห็นได้ชัดเจน คือ นิวเคลียส และ เมื่อใช้กาลังขยายของกล้องจุลทรรศน์สูงขึ้น จะสามารถเห็นโครงสร้างภายในนิวเคลียสซ่ึงท่ีมีท้ัง ลกั ษณะทเี่ ป็นเสน้ ใยยาว เรยี กวา่ โครมาทนิ และลักษณะเปน็ ท่อนสั้น ๆ เรียกว่า โครโมโซม” ชัว่ โมงที่ 2 ขัน้ ท่ี 2 สารวจคน้ หา (Explore) - นักเรียนคดิ วา่ ส่งิ มชี ีวิตแต่ละชนิดมีโครโมโซมเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร ขน้ั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain) 4 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 พันธกุ รรม (แนวตอบ ออโตโซมทาหน้าท่ีกาหนดลักษณะทางพันธุกรรมของร่างกาย ซึ่งมักมีหลายคู่ ชวั่ โมงท่ี 3 ขัน้ ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) พื้นฐาน (ชุด สัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 โดยออกแบบและสร้างแบบจาลองจาก ชวั่ โมงท่ี 4 ขั้นสรปุ ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 5 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 พันธกุ รรม 5. ครูตรวจสอบผลการปฏิบัติกิจกรรม เรื่อง ศึกษาโครงสร้างสารที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดลักษณะ 6. ครตู รวจสอบผลการทาใบงานที่ 2.1.1 เรอ่ื ง
โครโมโซม ดเี อ็นเอ และยีน วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 10. การวดั และประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน การจดั กิจกรรม 1) โครโมโซม ดีเอ็นเอ - ตรวจใบงานที่ 2.1.1 และยนี - ตรวจ Exercise 1.1 - ตรวจแบบจาลอง - แบบประเมนิ ผลงาน โครโมโซม 2) การปฏบิ ัติการ - ประเมนิ การ - แบบประเมิน ปฏบิ ัติการ การปฏบิ ัตกิ าร 3) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกต - ระดับคณุ ภาพ 2 6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 พันธุกรรม รายการวดั วิธีการ เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมิน 6) คุณลกั ษณะอันพึง - สงั เกตความมีวินยั - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2 ในการทางาน อนั พึงประสงค์ 11. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 11.2 แหล่งการเรยี นรู้ 7 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 พันธกุ รรม ใบงานที่ 2.1.1 เรือ่ ง โครโมโซม ดีเอ็นเอ และยีน คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ 1. พิจารณาภาพทก่ี าหนดให้ แล้วระบวุ า่ ภาพใดเป็นโครโมโซมของมนษุ ย์เพศชาย และภาพใดเปน็ ก. ข. 8 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 พนั ธกุ รรม ใบงานท่ี 2.1.1 เฉลย เร่อื ง โครโมโซม ดเี อ็นเอ และยีน คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรียนตอบคาถามต่อไปน้ี 1. พจิ ารณาภาพทีก่ าหนดให้ แล้วระบวุ ่าภาพใดเป็นโครโมโซมของมนษุ ยเ์ พศชาย และภาพใดเป็น ก. ข. ภาพ ก เป็นมนษุ ยเ์ พศหญงิ เพราะมีโครโมโซมคู่ท่ี 23 มขี นาดเท่ากัน นั่นคอื โครโมโซมเพศ XX 2. พิจารณาภาพแล้วระบุสว่ นตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ เซลล์ นิวเคลียส โครโมโซม โครมาทดิ โครมาทนิ ดเี อน็ เอ ยีน โครมาทิด โครมาทิน โครโมโซม { ดเี อ็นเอ ยีน นิวเคลียส 9 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 พนั ธกุ รรม 12. ความเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาหรอื ผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชือ่ ................................. ตาแหน่ง ....... 13. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นอ่นื ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนักเรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี ) ปัญหา/อปุ สรรค 10 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 พันธุกรรม แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 2 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ กรรม เวลา 4 ช่ัวโมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม 2. ตวั ช้ีวัด อธบิ ายการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมจากการผสมโดยพจิ ารณาลกั ษณะเดยี วท่ี 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากการผสมโดยพิจารณาลักษณะเดียวที่แอลลีลเด่น 2. อธิบายการเกิดจโี นไทป์และฟีโนไทปข์ องลูกได้ (K) 4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้
งถนิ่ - เมนเดลได้ศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทาง 11 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 พนั ธุกรรม สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิน่ สาระการเรียนรู้แกนกลาง - ส่ิงมีชีวิตที่มีโครโมโซมเป็น 2 ชุด ยีนแต่ละ - เม่อื มกี ารสรา้ งเซลล์สบื พนั ธุ์ แอลลลี ทเี่ ป็นคู่กัน 5. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล ผู้ค้นพบกฎการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมซึ่งเป็นพ้ืนฐานสาคัญของวิชา สิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซมเป็น 2 ชุด ยีนแต่ละตาแหน่งบนฮอมอโลกัสโครโมโซมมี 2 แอลลีล โดยแอลลีล เม่ือมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ แอลลีลท่ีเป็นคู่กันในแต่ละฮอมอโลกัสโครโมโซมจะแยกจากกันไปสู่เซลล์ 12 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 พันธกุ รรม 6. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1.
ความสามารถในการสื่อสาร 1) ทกั ษะการใช้คานวน 7. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 8. คาถามสาคญั 1. ลักษณะทางพันธุกรรมจากพ่อและแม่จะถา่ ยทอดสรู่ ุ่นลกู ไดอ้ ยา่ งไร 9. กิจกรรมการเรยี นรู้ วิธีการสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชวั่ โมงที่ 1 ข้นั นา ขั้นท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 13 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 พันธกุ รรม ข้ันสอน ข้ันที่ 2 สารวจค้นหา (Explore) 14 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 พันธุกรรม ช่วั โมงที่ 2 ขน้ั ที่ 2 สารวจคน้ หา (Explore) ลักษณะเดน่ และลักษณะใดทเ่ี ป็นลักษณะดอ้ ย โดยมแี นวการอภปิ ราย ดังนี้ ลกั ษณะ เดน่ ดอ้ ย รูปร่างของเมล็ด เรยี บ ขรขุ ระ สขี องเมลด็ เหลอื ง เขยี ว สีของดอก ม่วง ขาว รูปร่างของฝกั อวบ แฟบ สขี องฝกั เขยี ว เหลือง ตาแหนง่ ของดอก ลาต้น ยอด ความสูงของลาต้น สูง เตี้ย 5. ครูนาอภปิ รายเพ่ือให้นกั เรยี นเข้าใจวา่ “จากการทดลองของเมนเดลทาให้ทราบว่า ส่ิงมีชีวิตมีหน่วยควบคุมลักษณะที่สามารถถ่ายทอดจาก พอ่ แม่ไปยงั รุ่นต่อ ๆ ไป โดยเมนเดลสนั นษิ ฐานว่า หน่วยควบคมุ ลกั ษณะพนั ธุกรรมจะอยู่กันเป็นคู่ ๆ น้ัน ถกู เรียกว่า ยนี ” 6. นักเรียนกลุ่มเดิมจากการศึกษาเรื่องท่ีผ่านมา หรืออาจแบ่งกลุ่มใหม่กลุ่มละ 5-6 คน ร่วมกันศึกษา เรื่อง การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุด สัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 แล้วบันทึกสาระสาคัญลงในสมุดประจาตวั นักเรียน 7. ครูต้งั คาถามใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถาม เชน่ - แอลลลี คอื อะไร - แอลลลี เด่นกับแอลลีลด้อยต่างกนั อยา่ งไร อยา่ งสมบูรณ)์ (แนวตอบ จีโนไทป์ คือ รปู แบบของยนี ท่ปี รากฏเปน็ คู่ ๆ เช่น TT Tt tt) (แนวตอบ ฟโี นไทป์ คือ ลักษณะของส่ิงมชี วี ติ ทแี่ สดงออก ซง่ึ เปน็ ผลมาจากจีโนไทป์) 15 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 พนั ธกุ รรม ชัว่ โมงที่ 3 ข้ันที่ 2 สารวจคน้ หา (Explore) ขน้ั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain) 10. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าชนั้ เรยี น โดยให้นักเรยี นกลมุ่ อื่น ๆ รว่ มกนั เสนอแนะจนทกุ กลมุ่ มีความเข้าใจท่ีตรงกัน 11. นกั เรยี นรว่ มกันตอบคาถามทา้ ยกจิ กรรม 12. นักเรียนร่วมกันกาหนดสัญลักษณ์ตัวอักษรภาษาอังกฤษ แทนแอลลีลเด่นและแอลลีลด้อย เมื่อเปรยี บเทียบกับสีของลกู ปดั เช่น สัญลกั ษณ์ R แทน แอลลีลเดน่ แสดงลักษณะ สแี ดง r แทน แอลลลี ด้อย แสดงลกั ษณะ สขี าว ลกั ษณะสลี ูกปัด แดง-แดง แสดงการเข้าค่ขู องยนี RR แดง-ขาว แสดงการเขา้ คขู่ องยีน Rr ขาว-ขาว แสดงการเขา้ คขู่ องยนี rr 13. นักเรียนศึกษาภาพจากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุด สัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 หนา้ 57 อีกครัง้ ซง่ึ เปน็ ภาพแสดงการถ่ายทอดแอลลลี ทค่ี วบคมุ ลกั ษณะความสงู ของต้นถั่วลันเตา 14. ครูนาอภิปรายเพือ่ ใหน้ ักเรียนอธบิ ายเก่ียวกบั ภาพในหน้า 57 ได้วา่ “การถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรมความสูงของต้นถั่วลันเตาน้ัน กาหนดสัญลักษณ์ตัวอักษร ภาษาอังกฤษ T แทน แอลลีลเด่น ซึ่งแสดงลักษณะต้นสูง และสัญลักษณ์ตัวอักษรภาษาอังกฤษ t แทน แอลลลี ด้อย ซง่ึ แสดงลักษณะต้นเตย้ี และแอลลลี จะมกี ารเข้าคู่กนั หลายลักษณะ” 15. ครูอธิบายเพมิ่ เตมิ ว่า “เม่ือมีการเข้าคู่กันของยีนกรณีที่เป็นรูปแบบท่ีเหมือนกัน เช่น AA, TT หรือ aa, tt เรียกลักษณะนีว้ า่ พันธุ์แท้ (homozygous genotype) และกรณีที่เป็นรูปแบบต่างกัน เช่น Aa, Tt เรียกลักษณะนี้ว่า พนั ธ์ุทาง (heterozygous genotype)” 16. นักเรียนแต่ละกลุ่มฝึกเขียนแผนภาพและคานวณอัตราส่วนการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของรุ่นลูก โดยการทาใบงานที่ 2.2.1 เรอื่ ง แผนภาพการเกดิ จีโนไทป์และฟโี นไทป์ 16 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 พนั ธุกรรม ชัว่ โมงท่ี 4 ขั้นที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) ที่สามารถข่มกันได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ยังมีลักษณะที่ถ่ายทอดแล้วข่มกันแบบไม่สมบูรณ์ด้วย เช่น หากกาหนดให้ A แทนแอลลีลเด่น ซ่ึงแสดงลักษณะดอกสีแดง ส่วน a แทนแอลลีลด้อย ซ่ึงแสดง ลักษณะดอกสีขาว เมื่อแอลลีลมีการเข้าคู่กันแบบ Aa แล้วข่มกันแบบไม่สมบูรณ์ ลักษณะที่ปรากฏ ออกมาจะเป็นดอกสชี มพู 18. ใหน้ กั เรียนจับคู่กนั ศึกษาเพิ่มเตมิ เก่ยี วกับการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรมทขี่ ่มกันแบบไมส่ มบูรณ์ 19. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายและสรปุ ผลการทากจิ กรรม ขัน้ สรุป ข้ันที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 6. ครูตรวจสอบผลการทา Exercise 2.1 และ 2.2 จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุด สัมฤทธิ์ มาตรฐาน) วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 17 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 พันธุกรรม 10. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ 10.1 การประเมนิ ระหว่าง - ใบงานที่ 2.2.1 - ร้อยละ 60 พันธุกรรม - ตรวจ Exercise 2.1 และ 2.2 2) การปฏบิ ัติการ - ประเมินการ ปฏบิ ัติการ 3) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกต - ระดับคณุ ภาพ 2 6) คุณลกั ษณะอันพึง การทางานกลุ่ม ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ - สงั เกตความมวี นิ ัย - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2 ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่นั คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์ ในการทางาน อันพงึ ประสงค์ 11. สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้ 11.1 สือ่ การเรยี นรู้ 11.2 แหล่งการเรยี นรู้ 18 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 พันธุกรรม ใบงานท่ี 2.2.1 เรือ่ ง แผนภาพการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ คาชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นเขยี นแผนภาพและคานวณอตั ราส่วนการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของรนุ่ ลกู 1) นาพืชตน้ หน่ึงทมี่ ลี ักษณะดอกสีแดงพันธ์แุ ท้ ผสมกบั อีกตน้ หนึง่ ที่มีลกั ษณะดอกสีขาวพนั ธุ์แท้ จะไดล้ กู ทมี่ ีจีโนไทป์ และฟโี นไทป์อย่างไร กาหนดให้ แอลลีล R ควบคมุ ลักษณะดอกสีแดง แอลลลี r ควบคมุ ลักษณะดอกสขี าว 2) ผสมพันธป์ุ ลาทมี่ ีลกั ษณะครบี ยาวพนั ธุท์ าง กับปลาที่มลี กั ษณะครีบสนั้ พันธุแ์ ท้ จะได้ลูกท่ีมจี โี นไทป์ และฟีโนไทป์อย่างไร กาหนดให้ แอลลลี S ควบคุมลกั ษณะครบี ยาว แอลลลี s ควบคมุ ลักษณะครีบส้นั 19 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1
พันธุกรรม 3) ผสมพนั ธุแ์ มวท่มี ีลกั ษณะขนยาวพนั ธแ์ุ ท้ กับแมวทีม่ ลี ักษณะขนส้ันพนั ธ์ุแท้ จะไดล้ กู รนุ่ ที่ 1 และรุ่นท่ี 2 ทมี่ ีจีโนไทปแ์ ละฟีโนไทป์อย่างไร กาหนดให้ แอลลีล C ควบคมุ ลกั ษณะขนยาว แอลลลี c ควบคมุ ลกั ษณะขนส้ัน 20 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 พันธุกรรม ใบงานที่ 2.2.1 เฉลย เร่อื ง แผนภาพการเกดิ จโี นไทปแ์ ละฟีโนไทป์ คาชีแ้ จง : ให้นกั เรียนเขยี นแผนภาพและคานวณอัตราสว่ นการเกิดจโี นไทป์และฟีโนไทป์ของร่นุ ลกู 1) นาพชื ต้นหน่ึงทมี่ ีลักษณะดอกสีแดงพนั ธุแ์ ท้ ผสมกบั อีกต้นหนง่ึ ท่ีมลี ักษณะดอกสีขาวพนั ธ์ุแท้ จะได้ลูก ทมี่ จี โี นไทป์ และฟีโนไทปอ์ ย่างไร กาหนดให้ แอลลีล R ควบคมุ ลกั ษณะดอกสแี ดง แอลลลี r ควบคมุ ลักษณะดอกสขี าว พ่อ X แม่ RR rr เซลล์สบื พันธ์ R R r r จโี นไทป์ รนุ่ ลูก Rr Rr Rr Rr 2) ผสมพนั ธปุ์ ลาทม่ี ลี กั ษณะครบี ยาวพันธุ์ทาง กับปลาที่มีลกั ษณะครีบสน้ั พันธแุ์ ท้ จะได้ลกู ที่มจี โี นไทป์ และฟโี นไทป์อย่างไร กาหนดให้ แอลลลี S ควบคมุ ลักษณะครีบยาว แอลลลี s ควบคมุ ลักษณะครีบส้ัน พ่อ X แม่ Ss ss เซลลส์ บื พันธุ์ S ss s จโี นไทป์ รุ่นลกู Ss Ss ss ss ฟีโนไทป์ รนุ่ ลูก ครบี ยาว ครีบยาว ครบี สนั้ ครีบสน้ั อัตราส่วนจโี นไทป์ Ss : ss คือ 50 : 50 อตั ราส่วนฟโี นไทป์ ครบี ยาว : ครีบสนั้ คือ 50 : 50 21 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 พันธุกรรม 3) ผสมพนั ธ์ุแมวที่มลี กั ษณะขนยาวพันธ์ุแท้ กบั แมวทมี่ ีลกั ษณะขนสัน้ พันธแ์ุ ท้ จะไดล้ ูกรุ่นท่ี 1 และรนุ่ ที่ 2 ทมี่ จี โี นไทปแ์ ละฟีโนไทป์อยา่ งไร กาหนดให้ แอลลลี C ควบคุมลกั ษณะขนยาว แอลลลี c ควบคุมลักษณะขนส้ัน พอ่ X แม่ CC cc เซลล์สบื พนั ธุ์ C Cc c จโี นไทป์ ลูกรนุ่ 1 Cc Cc Cc Cc ฟโี นไทป์ ลูกรุ่น 1 ขนยาว ขนยาว ขนยาว ขนยาว อตั ราส่วนจโี นไทป์ ลูกร่นุ 1 CC : Cc : cc คือ 0 : 100 : 0 อตั ราสว่ นฟีโนไทป์ ลูกรนุ่ 1 ขนยาว : ขนสน้ั คือ 100 : 0 เซลลส์ บื พันธุ์ Cc Cc จีโนไทป์ ลกู รนุ่ 2 CC Cc Cc cc อัตราสว่ นจีโนไทป์ ลกู รนุ่ 2 CC : Cc : cc คอื 1 : 2 : 1 อัตราส่วนฟโี นไทป์ ลูกรุ่น 2 ขนยาว : ขนสน้ั คอื 3 : 1 22 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 พนั ธกุ รรม 12. ความเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาหรอื ผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชือ่ ................................. ตาแหน่ง ....... 13. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นอ่นื ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนักเรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี ) ปัญหา/อปุ สรรค 23 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 พนั ธุกรรม แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 3 กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง การแบ่งเซลลข์ องสิ่งมีชวี ติ เวลา 4 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ว 2.1 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม 2. ตัวช้วี ัด ว 1.3 ม.3/4 อธบิ ายความแตกต่างของการแบง่ เซลลแ์ บบไมโทซิสและไมโอซิส 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายความแตกต่างของการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและไมโอซิสได้ (K) 4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ไมโทซิส และไมโอซิส ร่างกาย ผลจากการแบ่งจะได้เซลลใ์ หม่ 2 เซลล์ ที่ 24 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 พนั ธกุ รรม สาระการเรียนรทู้ ้องถ่ิน สาระการเรียนรู้แกนกลาง 5. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การแบ่งเซลล์เป็นกระบวนการหน่ึงในการเจริญเติบโตของสิ่งมีชวี ิต ซ่ึงเกิดขึ้นตลอดเวลาต้ังแต่สิ่งมีชวี ิต ไมโทซิสเป็นการแบ่งเซลล์เพื่อเพ่ิมจานวนเซลล์รา่ งกาย ทาให้สิ่งมีชีวิตมีการเจริญเติบโต หรือแบ่งเซลล์ ไมโอซิสเป็นการแบ่งเซลล์เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์ ซ่ึงจะได้เซลล์สืบพันธุ์จานวน 4 เซลล์ แต่ละเซลล์มี 6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1.
ความสามารถในการส่ือสาร 1) ทกั ษะการสังเกต 7. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 8. คาถามสาคญั 1. ทาไมสงิ่ มีชีวติ จงึ ต้องมีการแบ่งเซลล์ 25 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 พนั ธุกรรม 9. กิจกรรมการเรยี นรู้ วิธีการสอนโดยเน้นรปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชว่ั โมงที่ 1-2 ข้นั นา ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) ข้ันสอน ข้ันท่ี 2 สารวจคน้ หา (Explore) 26 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 พันธุกรรม 5. ครตู งั้ คาถามใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุม่ รว่ มกนั ตอบคาถาม 6. นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เร่ือง การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส โดยครูคอยชี้แนะประเด็นที่ ชวั่ โมงที่ 3
ข้นั ท่ี 2 สารวจค้นหา (Explore) 27 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 พนั ธุกรรม
11. ระหว่างที่นักเรียนทากิจกรรมครูควรชี้แนะให้นักเรียนเปรียบเทียบลักษณะของเซลล์ท่ีเห็นจาก 12. ครตู ้ังคาถามใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันตอบคาถาม ชวั่ โมงที่ 4 ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain) ของแผนผงั ความคิด ทาใบงานท่ี 2.3.1 เรอื่ ง การแบ่งเซลล์ของส่ิงมีชีวติ แบบจาลองข้ันตอนการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส และการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส และนามาส่งครูใน 28 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 พนั ธกุ รรม ขัน้ สรปุ ข้นั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 12. ครูตรวจ Exercise 3.1 จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุด สัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 10. การวัดและประเมนิ ผล รายการวัด วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 10.1 การประเมนิ ระหวา่ ง - ใบงานท่ี 2.3.1 - ร้อยละ 60 2) การปฏิบัติการ - ตรวจแบบจาลอง - ประเมินการ 29 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 พนั ธุกรรม รายการวดั วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ 4) พฤติกรรมการ การทางานรายบุคคล พฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2 การทางานกลุ่ม - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมนิ ผลงาน การนาเสนอผลงาน - สงั เกตความมีวินยั - แบบประเมนิ ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ มน่ั คุณลกั ษณะ ในการทางาน อันพึงประสงค์ 11. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 11.1 สอื่ การเรยี นรู้ 11.2 แหล่งการเรียนรู้ 30 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 พันธุกรรม ใบงานท่ี 2.3.1 เรื่อง การแบง่ เซลลข์ องสิ่งมีชวี ติ คาช้ีแจง : ให้นกั เรียนเปรยี บเทยี บการแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซสิ กับแบบไมโอซสิ ลงในตารางทก่ี าหนดให้ ประเดน็ เปรียบเทยี บ ไมโทซสิ ไมโอซิส ประเภทของเซลล์ จานวนเซลลใ์ หม่ จานวนโครโมโซมของเซลล์ใหม่ การแบ่งเซลล์ของเซลลใ์ หม่ การเกดิ ครอสซงิ โอเวอร์ ผลตอ่ สิ่งมชี ีวิต 31 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 พันธุกรรม ใบงานท่ี 2.2.1 เฉลย เรอื่ ง การแบง่ เซลลข์ องสิ่งมชี ีวติ คาชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นเปรียบเทียบการแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซสิ กับแบบไมโอซิสลงในตารางท่ีกาหนดให้ ประเด็นเปรียบเทียบ ไมโทซสิ ไมโอซิส ประเภทของเซลล์ เซลลร์ ่างกาย เซลล์สืบพนั ธุ์ จานวนเซลลใ์ หม่ 2 เซลล์ 4 เซลล์ จานวนโครโมโซมของเซลล์ใหม่ เท่ากับเซลลต์ ง้ั ต้น คร่งึ หนึ่งของเซลลต์ ง้ั ต้น การแบ่งเซลล์ของเซลล์ใหม่ แบ่งเซลลไ์ ด้อกี ไมแ่ บง่ เซลล์อกี การเกดิ ครอสซิงโอเวอร์ ไม่เกิดการครอสซงิ โอเวอร์ เกดิ การครอสซิงโอเวอร์ ผลต่อส่ิงมีชีวติ ส่งิ มีชีวติ มกี ารเจริญเติบโต ส่งิ มีชวี ติ สร้างเซลล์สืบพันธุ์ 32 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 พนั ธกุ รรม 12. ความเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาหรอื ผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชือ่ ................................. ตาแหน่ง ....... 13. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นอ่นื ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนักเรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี ) ปัญหา/อปุ สรรค 33 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 พันธกุ รรม แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 4 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์ เร่อื ง ความผิดปกติทางพันธุกรรม เวลา 4 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ ว 2.1 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม 2. ตัวชวี้ ดั บอกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของยีนหรือโครโมโซมอาจทาให้เกิดโรคทางพันธุกรรม 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายการเปลี่ยนแปลงของยีนหรือโครโมโซมท่ที าใหเ้ กดิ โรคทางพันธกุ รรม และตวั อย่างโรคทาง 2. ลงความเหน็ จากข้อมลู ทร่ี วบรวมได้จากแหล่งเรยี นรูต้ า่ ง ๆ มาเชือ่ มโยงเพื่ออธบิ าายการเปล่ียนแปลง 3. ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องความรู้เรื่องโรคทางพนั ธกุ รรม (A) 4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรูท้ ้องถนิ่ - การเปลี่ยนแปลงของยีนหรือโครโมโซมส่งผล 34 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 พันธกุ รรม สาระการเรยี นรู้ท้องถ่นิ สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ไปสู่ลูกได้ ดังน้ัน ก่อนแต่งงานและมีบุตรจึง 5. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด โรคทางพันธุกรรม คือ โรคท่ีเกิดจากความผิดปกติของยีนหรือโครโมโซม ซ่ึงส่งผลให้เกิดความผิดปกติ
โรคทางพันธุกรรมสามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูกได้ ดังน้ัน ก่อนแต่งงานและมีบุตรจึงควรป้องกัน 6. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1) ทักษะการจาแนกประเภท 7. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 8. คาถามสาคญั 1. ความผดิ ปกตทิ างพันธุกรรมเกิดข้ึนได้อย่างไร 35 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 พันธกุ รรม 9. กจิ กรรมการเรียนรู้ วิธีการสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชว่ั โมงที่ 1-2 ขัน้ นา ข้ันที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) สลากหมายเลข 1 สลากหมายเลข 2 สลากหมายเลข 3 สลากหมายเลข 4 สลากหมายเลข 5 สลากหมายเลข 6 สลากหมายเลข 7 9. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 7 กลุ่ม จับสลากหมายเลขภาพ เพื่อรับภาพบุคคลที่ป่วยเป็นโรคทาง 36 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 พันธกุ รรม 10.นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุด 11.นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลการสืบค้นหน้าช้ันเรียน โดยครูและนักเรียน ข้นั สอน ขน้ั ท่ี 2 สารวจค้นหา (Explore) 37 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 พันธกุ รรม โดยจดบนั ทกึ สาระสาคัญลงในสมดุ ประจาตัวนักเรยี น พันธุกรรมจากขอ้ มูลทรี่ วมรวมได้ - ชอื่ โรคทางพันธกุ รรม (แนวตอบ โครโมโซมคทู่ ่ี 21 เกนิ , มารดาอายมุ าก, ดั้งจมูกแบน หางตาชข้ี ึ้น, ปัญญาอ่อน) (แนวตอบ แขนโครโมโซมคทู่ ี่ 5 ขาด, เสียงร้องคล้ายแมว) (แนวตอบ ยนี บนออโตโซมผิดปกติ, เม็ดเลือดแดงผิดปกติ, ซีดเหลอื ง) (แนวตอบ ยนี บนโครโมโซมเพศ (โครโมโซม X) ผดิ ปกต,ิ มองเห็นสผี ดิ ปกติ) ชั่วโมงที่ 3 ข้ันที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain) 38 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 พนั ธกุ รรม 8. นักเรียนท้ังห้องร่วมกันอภิปรายและสรุปผลการทากิจกรรมเรื่อง โรคทางพันธุกรรม และ ช่ัวโมงท่ี 4 ข้นั ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) ขน้ั สรุป ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล
(Evaluate) 39 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 พนั ธุกรรม 18.ครูตรวจ Exercise 4.1
จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุด สัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 10. การวดั และประเมนิ ผล รายการวดั วธิ ีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ 3)
พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกต - ระดบั คุณภาพ 2 การทางานกลุ่ม 5) การนาเสนอผลงาน - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพ 2 11.1 สือ่ การเรยี นรู้ 11.2 แหล่งการเรยี นรู้ 40 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 พนั ธกุ รรม ใบงานท่ี 2.4.1 เรื่อง การตรวจวนิ ิจฉัยภาวะเสย่ี งของลูกทีอ่ าจเกิดโรคทางพนั ธุกรรม คาช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ข้อมูลเกยี่ วกบั การตรวจวินิจฉัยภาวะเสีย่ งของลูกที่อาจเกิดโรคทางพนั ธกุ รรม 41 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 พันธกุ รรม เฉลย ใบงานท่ี 2.4.1 เร่อื ง การตรวจวนิ ิจฉยั ภาวะเส่ียงของลกู ที่อาจเกดิ โรคทางพนั ธกุ รรม คาชีแ้ จง :
ใหน้ ักเรียนสบื ค้นขอ้ มลู เกย่ี วกับการตรวจวนิ ิจฉยั ภาวะเส่ยี งของลูกที่อาจเกิดโรคทางพนั ธกุ รรม พจิ ารณาจากคาตอบของนักเรยี น เชน่ วิธีน้ีสามารถหาความเส่ียงการเกิดกลุ่มอาการดาวน์หรือความผิดปกติของโครโมโซมอ่ืนที่ หญิงต้ังครรภ์สามารถรับการตรวจ NIPT
ได้ต้ังแต่อายุครรภ์ 10 สัปดาห์ขึ้นไป และเนื่องจาก โดยปกติมนุษย์มีจานวนโครโมโซมท้ังหมด 23 คู่ หรือ 46 โครโมโซม (ได้จากมารดา 23 13.โคบรนั โมทโกึ ซผมลจหาลกงับกิดาารส23อนโครโมโซม) ความผิดปกติของโครโมโซมอาจเกิดได้หลายลักษณะ เช่น มีจานวดนา้
โนคครวโามมโรซู้ มเกินมา 1 แท่ง (Trisomy) ขาดไป 1 แท่ง (Monosomy) หรือมีการขาดหายไป สาเหตทุ ่ีทาใหเ้ กดิ ความผดิ ปกตขิ องโครโมโซมที่พบไดบ้ ่อยมคี วามสัมพันธ์กบั อายุของมารดาท่ี แต่อย่างไรก็ตามความผิดปกติของโครโมโซมเกิดได้จากหลายสาเหตุ
บางชนิดไม่ขึ้นกับอายุ 42 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 พันธกุ รรม 12. ความเหน็ ของผ้บู รหิ ารสถานศึกษาหรอื ผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย ข้อเสนอแนะ ลงชือ่ ................................. ตาแหน่ง ....... 13. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน ด้านความรู้ ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนักเรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี ) ปัญหา/อปุ สรรค 43 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 พันธุกรรม แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ เร่ือง การดัดแปรทางพนั ธกุ รรม เวลา 4 ชัว่ โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ ว 2.1 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม 2. ตัวชวี้ ัด อธิบายการใช้ประโยชน์จากส่ิงมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม และผลกระทบที่อาจมีต่อ 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายการใชป้ ระโยชน์จากสงิ่ มชี วี ิตดดั แปรพนั ธุกรรม และผลกระทบทอ่ี าจมีตอ่ มนษุ ยแ์ ละส่ิงแวดล้อมได้ (K) ของสง่ิ มีชวี ิตดัดแปรพันธุกรรมต่อสังคมและส่ิงแวดล้อมได้ (P) 4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่ิน - มนุษยเ์ ปลีย่ นแปลงพันธกุ รรมของสิง่ มีชวี ิตตาม 44 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 พันธุกรรม สาระการเรยี นรทู้ ้องถิ่น สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ส่ิงมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมเป็นจานวนมาก 5. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม คือ
ส่ิงมีชีวิตท่ีมีการเปล่ียนแปลงพันธุกรรมโดยมนุษย์ ซึ่งเป็นกระบวนการ 6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1) ทักษะการสังเกต 7. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 45 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 พันธกุ รรม 8. คาถามสาคัญ 1. สงิ่ มชี วี ิตดดั แปรพนั ธุกรรมคอื อะไร 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ วิธีการสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชว่ั โมงท่ี 1 ขั้นท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 46 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 พนั ธุกรรม ชัว่ โมงที่ 2 ข้ันสอน ขน้ั ที่ 2 สารวจค้นหา (Explore) 3. ให้นกั เรียนรว่ มกนั เล่นเกม ตามขนั้ ตอน ดงั น้ี 4. ครูมอบรางวัลใหน้ ักเรียนกลุม่ ทแ่ี ขง่ ขันเกมชนะ โดยอาจเป็นลกู อม หรือขนมตา่ ง ๆ รว่ มกันสรปุ ผลจากการทากจิ กรรม เพ่ือใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ วา่ ช่ัวโมงที่ 3 ข้นั สอน ขนั้ ที่ 2 สารวจค้นหา (Explore) 47 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 พนั ธกุ รรม 8. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นท่ีกลุ่มตนเองจับสลากได้ และ ขัน้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain) ช่ัวโมงที่ 4 ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) ขนั้ สรุป ข้นั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 48 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 พันธุกรรม 2. ให้นักเรียนแต่ละคนทา Exercise 5.1 จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุด สัมฤทธิ์มาตรฐาน) 3. ครปู ระเมนิ ผล
โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม และการนาเสนอ 4. ครูตรวจสอบผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม เรอ่ื ง ส่งิ มีชวี ติ ดัดแปรพนั ธกุ รรม เล่ม 1 10. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธกี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ 2) การปฏบิ ตั ิการ - ประเมินการ - แบบประเมนิ - ระดบั คณุ ภาพ 2 3) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกต - ระดบั คุณภาพ 2 6) คุณลกั ษณะอันพึง การทางานกลุ่ม ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ 2 ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมัน่ คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์ 49 |