การสร้างสูตรในการคํานวณ Excel ต้องเริ่มต้นด้วยเครื่องหมายใด

รูปแบบของสูตรคำนวณ

Show

ตัวดำเนินการที่ใช้ในสูตร (Operator)
           เครื่องหมายหรือตัวดำเนินการคือ  องค์ประกอบหนึ่งในสูตรโดยจะระบุชนิดของการคำนวณที่ต้องการ ซึ่ง Excel  จะแบ่งตัวดำเนินการออกเป็น  4  ประเภท  คือ  คณิตศาสตร์  การเปรียบเทียบ  ข้อความ  และการอ้างอิง

ตัวดำเนินการทางคณิตศาสตร์ (Arithmetic Operator)
           ตัวดำเนินการทางคณิตสาสตร์  ใช้คำนวณด้วยวิธีทางคณิตศาสตร์ขั้นพื้นฐาน  เช่น  การบวก  ลบ คูณ หาร การรวมตัวเลข  การหาผลลัพธ์ต่าง ๆ

เครื่องหมาย

ความหมาย

ตัวอย่าง

+

การบวก

5+3

-

การลบ

9-4 หรือ -1

*

การคูณ

5*6

/

การหาร

10/3

%

เปอร์เซ็นต์

2%

^

เลขชี้กำลัง

2^2 (หรือ 2*2)

ตัวดำเนินการเปรียบเทียบ (Comparison Operator)
          เราสามารถใช้ตัวดำเนินการเปรียบเทียบเพื่อการเปรียบค่าสองค่า โดยผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นค่าทางตรรกศาสตร์คือ True หรือ False

เครื่องหมาย

ความหมาย

ตัวอย่าง

=

เท่ากับ

C5=D5

>

มากกว่า

C5>D5

<

น้อยกว่า

C5<D5

>=

มากกว่าหรือเท่ากับ

C5>=D5

<=

น้อยกว่าหรือเท่ากับ

C5<=D5

<>

ไม่เท่ากับ

C5<>D5

ตัวดำเนินการข้อความ (Text Concatenation Operator)
         
  ตัวดำเนินการข้อความจะใช้เครื่องหมาย (&) ในการรวมข้อความหรือคำ 2 คำขึ้นไป เพื่อให้เป็นข้อความเดียวกัน

เครื่องหมาย

ความหมาย

ตัวอย่าง

เชื่อมหรือนำคำ 2 คำมาต่อกัน
ทำ ให้เกิดค่าข้อความ
ต่อเนื่องที่เป็นค่าเดียวกัน

"Lampamg"&"Kanlayanee"
ผลลัพธ์เป็น
LampangKanlayanee

ตัวดำเนินการสำหรับอ้างอิง (Reference Operator)
              ตัวดำเนินการอ้างอิงถูกนำมาใช้เพื่อรวมช่วงของเซลล์สำหรับการคำนวณ

เครื่องหมาย

ความหมาย

ตัวอย่าง

ตัวดำเนินการช่วง
โดยจะอ้างอิงเป็นช่วง ระหว่าง
จุดอ้างอิง ที่หนึ่งกับจุดอ้างอิงที่สอง

ตัวดำเนินการส่วนรวม ซึ่งเป็นตัวรวมการอ้างอิงหลาย ๆ ชุดเช้าด้วยกันเป็นการอ้างอิงหนึ่งชุด

Formula หรือสูตรใน Microsoft Excel คืออะไร?

Formula หรือ สูตร คือการสั่งให้ Excel คำนวณค่าบางอย่างที่เราใส่ลงไปก่อนที่จะแสดงผลลัพธ์ของการคำนวณออกมา โดยเราจะใส่ทุกอย่างหลังเครื่องหมายเท่ากับ (=)

เราสามารถสั่งให้มันคำนวณเลขธรรมดา เช่น =3+5 (จะแสดงผลการคำนวณออกมาเป็นเลข 8) หรือจะเป็นแนวอื่นเช่น อ้างอิงค่าจากช่องอื่น เช่น =B6 + B9 ก็ได้ นอกจากนี้ยังใส่อะไรลงไปได้อีกมากมาย ลองติดตามอ่านได้ครับ

รูปแบบของการใส่สูตรใน Microsoft Excel

การใส่สูตร (Formula) จะต้องขึ้นต้นด้วยเครื่องหมายเท่ากับ (=) เพื่อบอก โปรแกรม Excel ว่าสิ่งที่จะพิมพ์ต่อไปไม่ใช่ข้อความหรือตัวเลขธรรมดาๆ ทื่อๆ แล้วนะ แต่มันคือสูตรซึ่งเป็นสิ่งที่ Excel ต้องทำการคำนวณผลลัพธ์ออกมานั่นเอง

การคำนวณโดยใช้สูตรการคำนวณโดยการใช้สูตรสำเร็จจากการแทรกฟังก์ชันนี้เป็นที่รวบรวมสูตรหรือฟังก์ชันประเภทต่าง ๆ  ได้แก่ การเงินวันและเวลา คณิตศาสตร์และตรีโกณมิติ ทางสถิติ การค้นหาและการอ้างอิงฐานข้อมูล ข้อความ ตรรกศาสตร์ ข้อมูล เป็นต้น ดังนั้นการใช้ประโยชน์จากการแทรกฟังก์ชันของโปรแกรม Microsoft Excel นั้นมีอยู่อย่างมากแต่สิ่งสำคัญยิ่งในการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือนี้ก็คือความรู้และความเข้าใจในการใช้สูตรที่ต้องได้รับ การศึกษามาในแต่ละสาขาวิชาซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการนำไปใช้กรอกข้อมูล หรือสร้างตารางคำนวณได้ถูกต้องและตรงกับการนำไปใช้ในสูตรหรือฟังก์ชันนั้นโดยจะกล่าวถึงหลักการในการใช้สูตรหรือฟังก์ชัน ดังต่อไปนี้การใส่สูตรคำนวณปกติ1. เลือกเซลล์ที่ต้องการแสดงผลลัพธ์ จากตัวอย่างนี้ตำแหน่งเซลล์อยู่ที่ D4 2. พิมพ์เครื่องหมาย = แล้วตามด้วยตำแหน่งเซลล์ เช่น =D2*D3 เสร็จแล้วกดปุ่ม Enter3. ที่เซลล์ D4 จะแสดงผลลัพธ์ และที่ Formula bar จะแสดงสูตรคานวณที่กำหนดไว้การคำนวณหาผลรวมถ้าต้องการหาผลรวมของตัวเลขหลายๆ ตำแหน่งให้คุณใช้ฟังก์ชันของการหาผลรวมเข้ามาช่วยมีขั้นตอนดังนี้1. เลือกเซลล์ที่ต้องการแสดงผลลัพธ์2. ที่แท็บ Home คลิกปุ่ม Sum บนทูลบาร์3. จะปรากฏสูตรคานวณ =SUM (B4:G4) ให้ดูช่วงข้อมูลตัวเลขที่จะคำนวณว่าถูกต้องหรือไม่สังเกตจากเส้นประวิ่งรอบๆ ข้อมูลถ้าถูกต้องแล้วกดปุ่ม Enter ถ้าไม่ถูกต้อง drag คลุมช่วงข้อมูลใหม่แล้วกดปุ่ม Enterเปิดเลือกสูตรที่ต้องการใช้ (adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({}); ให้คลิกที่หัวลูกศรดำ ๆ หลังชื่อสูตรที่เกิดขึ้นจะเป็นการเปิดรายการสูตรที่ถูกใช้เมื่อเร็ว ๆ นี้ 10 สูตรและฟังก์ชันเพิ่มเติม... ให้คลิกเลือกสูตรที่ต้องการจะมีแผ่นกรอกข้อมูลที่ได้นำเซลล์ข้อมูลเข้าไปแล้ว หากต้องการเปลี่ยนแปลงข้อมูลก็ให้ลบข้อมูลเดิมและคลิกเลือกเซลล์ใหม่ที่ต้องการแล้วคลิกปุ่มตกลงแท็บสูตรแท็บ Formula จะแสดงประเภทของสูตรคำนวณให้เลือกใช้ในที่นี้คลิกปุ่มลูกศรลงของ AutoSumจะปรากฏสูตรคำนวณที่ใช้งานบ่อยๆ ให้เลือกAverage                       สูตรการหาค่าเฉลี่ยCount Numbers           สูตรการนับจำนวนข้อมูลMax                             สูตรการหาค่าสูงสุดMin                             สูตรการหาค่าต่าสุดMore Functions           สูตรอื่นๆการคัดลอกสูตรการคำนวณในตำแหน่งเซลล์อื่น ๆ แต่มีการใช้สูตรเดียวกันจำเป็นที่ต้องคัดลอกสูตรที่ทำแล้วนำไปใช้แต่การคัดลอกอาจมีปัญหาบางประการเกิดขึ้นได้ ดังนั้นควรต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ การคัดลอกสูตรการอ้างอิงเซลล์ ผลลัพธ์ข้อความแปลก ๆ ดังต่อไปนี้ การคัดลอกสูตรและการอ้างอิงเซลล์เมื่อเราคำนวณโดยการพิมพ์สูตรหรือการใช้ฟังก์ชันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้คัดลอกไปวางไว้ในเซลล์อื่น ๆ ได้โดยใช้การคัดลอกและวางจากเมนูหรือเครื่องมือตามที่ได้อธิบายไปแล้วหรือให้ใช้ตัวเติมอัตโนมัติลากไป ในกรณีที่ข้อมูลอยู่ในแนวแถวและคอลัมน์เดียวกัน ดังนี้ การคัดลอกโดยใช้ตัวเติมอัตโนมัติในกรณีที่ข้อมูลในตารางที่ต้องการคัดลอกสูตรอยู่ในแนวแถวและคอลัมน์เดียวกันก็สามารถใช้ตัวเติมอัตโนมัติลากไปได้ตลอดซึ่งเซลล์ที่ถูกวางในลำดับต่อ ๆ ไปนั้นจะมีการอ้างอิงในสูตรเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยตามลักษณะของแถวและคอลัมน์ เช่น การคัดลอกสูตรหาเงินภาษีของแต่ละคนจากตำแหน่งเซลล์ F3 ใช้สูตร =10%*E3 เมื่อคัดลอกโดยลากตัวเติมอัตโนมัติลงมาตามแนวคอลัมน์ของ F ในแต่ละแถวการอ้างอิงเซลล์ในสูตรจะเปลี่ยนไปตามแถวนั้น ๆคือที่ F4 จะเป็นสูตร =10%*E4 โดยที่คอลัมน์ไม่ได้ถูกเปลี่ยนเพราะลากลงมาในคอลัมน์เดียวกันหากแถวใดไม่มีข้อมูลเลยก็จะได้ผลลัพธ์เป็น 0 หรือ - การคัดลอกโดยใช้เมนูเครื่องมือและเมาส์ลาก เป็นการคัดลอกไปใช้ในตำแหน่งเซลล์ที่ไม่อยู่ในแถวและคอลัมน์เดียวกันหรืออยู่แต่เป็นการอ้างอิงไม่เหมือนกันจากตัวอย่างเช่นการหาผลรวมที่เซลล์ C6 ใช้สูตรผลรวม =SUM (D6,E6) แล้วคัดลอกมาวางที่ตำแหน่ง เซลล์ G6 จะได้สูตรผลรวม =SUM (H6,I6) ซึ่งเป็นการอ้างอิงเลื่อนลำดับคอลัมน์ไปตามต้นฉบับที่มี 2 เซลล์ แต่ในข้อมูลตำแหน่งว่างมีข้อมูลถึง 3 เซลล์ จึงได้สูตรและผลลัพธ์ไม่ถูกต้อง ต้องแก้ไขสูตรใหม่ให้เป็น =SUM (H6:J6) ดังนั้นการคัดลอกมาวางในตำแหน่งอื่น ๆ ต้องระวังว่าเซลล์ต้นฉบับกับเซลล์ปลายทางนั้นมีความสอดคล้องเหมือนกันหรือไม่ถ้าไม่เหมือนกันต้องแก้ไขการอ้างอิงให้ถูกต้องด้วยข้อความแสดงความผิดพลาดจากสูตรคำนวณการที่เราใช้งานสูตรคำนวณนั้นบางครั้งอาจเกิดการผิดพลาดได้ซึ่ง Microsoft Excel 2007 มีข้อความแสดงความผิดพลาดให้เราทราบดังต่อไปนี้ (adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({}); ผลลัพธ์ที่เกิด สาเหตุที่เกิด แนวทางการแก้ไข ##### จะเกิดขึ้นเมื่อตัวเลขในเซลล์ยาวกว่าขนาดกว้างของเซลล์ แก้ไขได้โดยการขยายขนาดความกว้างของเซลล์ #VALUE จะเกิดเมื่อเราใช้สูตรผิดหลักไวยากรณ์ของสูตรเช่นนำตัวเลขไปบวกกับตัวอักษรเป็นต้น แก้ไขได้โดยการสำรวจดูว่าประเภทของข้อมูลถูกต้องตามหลักคณิตศาสตร์หรือไม่ #DIV/0! จะเกิดเมื่อเราใช้ 0 เป็นตัวหารเช่น 10/0ซึ่งทำไม่ได้โดยเด็ดขาด แก้ไขโดยใช้ตัวเลขอื่น ๆ เป็นตัวหารแทน #NAME? จะเกิดเมื่อในสูตรมีข้อความที่ Excel ไม่สามารถบอกได้ว่าคืออะไรเช่น A21+วัสดุโดยที่คำว่าวัสดุไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยในแผ่นงานนั้น แก้ไขโดยการตรวจสอบสูตรดูว่ามีข้อความอะไรแปลกปลอมเข้าไป หรือไม่ #N/A จะเกิดขึ้นเมื่อโปรแกรมไม่สามารถค้นหาตำแหน่งอ้างอิงเซลล์ที่ใช้ในสูตรได้มักพบเมื่ออ้างอิงเซลล์ข้ามแผ่นงานหรือข้ามสมุดงาน แก้ไขโดยการตรวจสอบว่าประเภทตัวแปรของฟังก์ชันคืออะไรแล้วเปลี่ยนให้ถูกต้อง #REF! จะเกิดขึ้นเมื่อโปรแกรมไม่สามารถค้นหาตำแหน่งอ้างอิงเซลล์ที่ใช้ในสูตรได้มักพบเมื่ออ้างอิงเซลล์ข้ามแผ่นงานหรือข้ามสมุดงาน แก้ไขโดยการตรวจสอบตำแหน่งอ้างอิงเซลล์ที่อาจจะหายไป #NULL! จะเกิดขึ้นเมื่อเรากำหนดพื้นที่เซลล์สองเซลล์ที่ไม่ได้มีส่วนใดต่อกันแต่ลืมแบ่งแยกด้วยเครื่องหมายคั่น (,) เช่น SUM (A1:B2, C2:D5) เขียนผิดเป็นSUM (A1:B2 C2:D5) เป็นต้น แก้ไขโดยการใส่เครื่องหมายคั่นให้ถูกต้อง

สูตรคํานวณ Excel มีอะไรบ้าง

แจก 10 สูตรคำนวณ Excel ช่วยให้ทำงานเร็วขึ้น !.
✅ สูตร SUM ใช้ตอนหาผลรวมของตัวเลข =SUM(number1, [number2], …) ... .
✅ สูตร AVERAGE ใช้ตอนหาค่าเฉลี่ยของตัวเลข =AVERAGE(number1, [number2], …) ... .
⭐ พิมพ์แค่คอลั่มเดียวแล้วลากลงมาเลย ไม่ต้องพิมพ์สูตรทุกช่อง แต่ต้องใส่ $ คั้นไว้ตามสูตรด้วยนะ.

หากต้องการใช้ข้อความในสูตร Excel ต้องใช้เครื่องหมายใด

สูตรจะคํานวณค่าตามลําดับที่ระบุ สูตรจะเริ่มต้นด้วยเครื่องหมายเท่ากับ (=) เสมอ Excel สำหรับเว็บ จะแปลอักขระที่อยู่หลังเครื่องหมายเท่ากับเป็นสูตร ต่อจากเครื่องหมายเท่ากับ คือองค์ประกอบที่จะคํานวณ (ตัวถูกดําเนินการ) เช่น ค่าคงที่หรือการอ้างอิงเซลล์ ซึ่งคั่นด้วยตัวดําเนินการการคํานวณ Excel สำหรับเว็บ คํานวณสูตรจากซ้ายไปขวา ...

สูตรการคำนวณใน Microsoft Office Excel จะเริ่มต้นด้วยเครื่องหมายใด *

น้อยลง คุณสามารถสร้างสูตรอย่างง่ายเพื่อบวก ลบ คูณ หรือหารค่าในเวิร์กชีตของคุณได้ สูตรอย่างง่ายจะเริ่มต้นด้วยเครื่องหมายเท่ากับ (=), เสมอ แล้วตามด้วยค่าคงที่ที่เป็นค่าตัวเลขและตัวดำเนินการการคำนวณ เช่น เครื่องหมายบวก (+), เครื่องหมายลบ (-), เครื่องหมายดอกจัน (*) หรือเครื่องหมายทับ (/)

การป้อนสูตร Excel ต้องพิมพ์เครื่องหมายใดก่อนเป็นอันดับแรก

หมายเหตุ: สูตรใน Excel จะขึ้นต้นด้วยเครื่องหมายเท่ากับ เลือกเซลล์หรือพิมพ์ตำแหน่งเซลล์ในเซลล์ที่เลือก ใส่ตัวตัวตัว ตัวอย่างเช่น – for การลบ