Show การบอกเวลาในภาษาอังกฤษเป็นอีกสิ่งที่เราควรรู้ไว้ เวลาเราต้องสื่อสารเรื่องเวลากับคนต่างชาติ เราจะได้สื่อสารได้ถูก ไม่เกิดความผิดพลาดจนทำให้เสียการเสียงาน สำหรับคนที่ยังไม่แม่นเรื่องการบอกเวลาเป็นภาษาอังกฤษก็สามารถวางใจได้ เพราะในบทความนี้ ชิววี่ได้รวบรวมคำอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย การบอกเวลาในภาษาอังกฤษการบอกเวลาเป็นภาษาอังกฤษหลักๆแล้วทำได้ 2 แบบ คือ 1. บอกชั่วโมงก่อน แล้วตามด้วยนาทีวิธีนี้เราสามารถอ่านตัวเลขได้ตรงๆเลย 6.19 – It’s six nineteen. 9.05 – It’s nine oh-five. (oh อ่านว่า โอ) 8.40 – It’s eight forty. 7.54 – It’s seven fifty-four. 2. บอกนาทีก่อน แล้วตามด้วยชั่วโมงสำหรับช่วง 1 – 30 นาที เราจะใช้คำว่า after (นิยมใช้ใน American English) หรือ past (นิยมใช้ใน British English) แล้วตามด้วยชั่วโมงปัจจุบัน (เป็นการบอกว่าผ่านชั่วโมงปัจจุบันมากี่นาทีแล้ว) สำหรับช่วง 31 – 59 นาที เราจะใช้คำว่า to แล้วตามด้วยชั่วโมงถัดไป (เป็นการบอกว่าอีกกี่นาทีจะถึงชั่วโมงถัดไป) วิธีที่ 2 นี้อาจสับสนเล็กน้อยสำหรับคนที่ยังไม่คุ้น 6.19 – It’s nineteen after/past six. (ผ่าน 6 โมงมา 19 นาทีแล้ว) 9.05 – It’s five after/past nine. (ผ่าน 9 โมงมา 5 นาทีแล้ว) 8.40 – It’s twenty to nine. (อีก 20 นาทีจะถึง 9 โมง) 7.54 – It’s six to eight. (อีก 6 นาทีจะถึง 8 โมง) กรณี 15, 30, 45, 0 นาทีตอน 15, 30, 45 และ 0 นาที เราจะอ่านเวลาต่างจากปกติ ถ้าเป็นตอน 15 นาที เราจะใช้ quarter after/past แล้วตามด้วยชั่วโมงปัจจุบัน (quarter แปลว่า หนึ่งในสี่ส่วน ในที่นี้จะหมายถึง 1/4 ของ 60 นาที ซึ่งก็คือ 15 นาทีนั่นเอง) ถ้าเป็นตอน 45 นาที
เราจะใช้ quarter to แล้วตามด้วยชั่วโมงถัดไป ตอน 30 นาที เรานิยมใช้ half past (เราจะไม่ใช้ half after) ตอน 0 นาที เรานิยมใช้ o’clock (อ่านว่า โอ-คล็อก ย่อมาจาก of the clock) เพิ่มเติมในการบอกเวลา เราจะใช้ a หน้า quarter หรือไม่ก็ได้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นบางที่ใช้ It’s quarter… แต่บางที่ก็ใช้ It’s a quarter… ในภาษาพูด บางครั้งเราอาจได้ยินคนใช้คำว่า till และ before แทนคำว่า to โดยเฉพาะใน American English เช่น It’s ten till six. หรือ It’s ten before six. (มีความหมายเหมือน It’s ten to six. ซึ่งก็คือ 5.50 น.) การถามเวลาในภาษาอังกฤษการถามเวลาปัจจุบัน What time is it? หรือ What is the time? ถ้าอยากให้สุภาพขึ้น เราอาจถามว่า Could you tell me the time please? การถามเวลาสำหรับเหตุการณ์หรือกิจกรรมต่างๆจะใช้ what time หรือ when เช่น What time will he arrive? What time is the meeting? When will you finish working? When did you sleep yesterday? การใช้ a.m. และ p.m.a.m. ย่อมาจาก ante meridiem เป็นภาษาลาติน แปลว่า ก่อนเที่ยง ทั้งชาวอเมริกันและบริติชจะนิยมใช้ระบบเวลาแบบ 12 ชั่วโมง ดังนั้น เพื่อป้องกันการสับสน (เช่น 2.00 อาจหมายถึงบ่ายสอง หรือ ตีสองก็ได้) จึงมีการใช้ a.m. และ p.m. เพื่อเป็นตัวบอก ว่าเป็นช่วงเวลาก่อนหรือหลังเที่ยง
ปกติถ้าเราถามตอบเวลาในปัจจุบัน เราไม่จำเป็นต้องบอกว่าเป็น a.m. หรือ p.m. เพราะต่างฝ่ายต่างก็รู้อยู่แล้วว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาไหน แต่ถ้าเป็นการพูดถึงเวลาในอดีตหรืออนาคต เราอาจต้องบอกว่าเป็นช่วงเวลาใด เพื่อป้องกันการสับสน เช่น Tomorrow I have to be at the airport before 5 a.m. หรือเราอาจใช้คำอื่น อย่างเช่น in the morning (แทน a.m.), in the afternoon (แทน p.m.), at night (แทน p.m. ในช่วงเวลาดึกๆ) แทน a.m. และ p.m. ก็ได้ เช่น Tomorrow I have to be at the airport before 5 o’clock in the morning. จบแล้วสำหรับการบอกและการถามเวลาเป็นภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปฝึกใช้กันได้แล้วนะครับ อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time |