โซเชียลมีเดีย (Social Media) ทำให้การสื่อสารออนไลน์ในวันนี้กลายเป็นวัฒนธรรมการแสดงออกทางความคิด ความเชื่อ ที่เจาะลึกถึงระดับก้านสมองทีเดียว! สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นเทคนิคการออกแบบของโซเชียลมีเดียที่ทำให้คน “เข้าถึง” และ “มีปฏิสัมพันธ์” ในระดับความคิดและจิตวิทยาของมนุษย์เมื่อพูดถึงช่องทางการสื่อสารหลัก แม้ว่าโซเชียลมีเดียจะช่วยสร้างความก้าวหน้าให้กับการสื่อสารที่มนุษย์ต้องพึ่งพาความล้ำหน้าของเทคโนโลยี ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของเศรษฐกิจ-สังคม และสร้างความความสะดวกสบายนานัปการ ฯ แต่การสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์ก็มีด้านที่เป็นลบกับผู้คนและสังคมที่น่าวิตกทีเดียว!!!การสื่อสารออนไลน์ทำให้ชีวิตผู้คนถูกครอบงำ แปรเปลี่ยนไปตามบงการด้านผลประโยชน์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นเจ้าของกิจการการสื่อสารยุคใหม่อย่างมีนัยสำคัญ! เรื่องที่เผยจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ กูรูสื่อยุคใหม่ที่ทำงานกับสื่อออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย ทั้งผู้เคยร่วมก่อตั้งแอปพลิเคชั่นต่างๆ วิศวกรนักออกแบบสื่อออนไลน์ นักวิจัย นักปฏิบัติการสื่อสาร นักการตลาด จนถึงผู้แพร่กระจายโซเชียลมีเดียจากหลากหลายแอปพลิเคชั่นอาทิ Twitter, Facebook, Instagram, Google, youtube, Wikipedia ที่คลุกคลีใกล้ชิดกับโลกโซเชียลร่วมชี้บอก-วิเคราะห์ให้เห็นผลด้านลบที่น่าวิตกซึ่งเกิดกับผู้คน-สังคม ว่าผู้ใช้สื่อออนไลน์ล้วนถูกครอบงำ-ถูกจับขึงอยู่ในวงจรการสื่อสาร-ถูกปั่นให้คิดและทำตามกระแสชี้นำจากข้อมูลที่ปรากฏในแต่ละวันรวมทั้งปฏิบัติการของอัลกอริทึม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลากสาขาที่มีส่วนสร้างงานที่เป็นต้นน้ำกลุ่มนี้ ตระหนักถึงอีกด้านของเหรียญที่แฝงฝังอยู่ในความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสาร ซึ่งก่อผลลบต่อสุขภาพจิตและการเสพติดข่าวสารในโซเชียลมีเดีย!
การเข้าถึงและการใช้โซเชียลมีเดียต่างๆ เป็นเสมือนเราเป็นผู้ใช้-ผู้สื่อสารในกระบวนการการสื่อสาร-เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นไปสู่ผู้รับสาร แต่ที่จริงเรากลายเป็นสินค้าของระบบการสื่อสารนั้น ข้อมูลทุกอย่างในทุกความเคลื่อนไหวจะถูกบันทึกและส่งกลับมากระทำต่อเราในแต่ละช่วงเวลา จนมันค่อยๆ เปลี่ยนความคิด-พฤติกรรมเราไปโดยปริยายวัฒนธรรมการบริโภคยุคใหม่ทั้งในแง่ของพฤติกรรมการบริโภคข่าวสาร การใช้ชีวิตประจำวัน พฤติกรรมต่างๆ จะกลายเป็นข้อมูลย้อนกลับส่งมาถึงเรา และจะมากขึ้นเรื่อยๆ ตามสภาพการใช้งานของเรา จนสามารถครอบงำเราได้แม่นยำมากขึ้น! ขึ้นอยู่กับว่ามันต้องการประโยชน์จากเราในมุมไหน? มากมายเพียงใด?
ดร.แอนนา เลมเบอร์คลี ชี้ว่า โซเชียลมีเดียเป็นยาเสพติด และเผยว่าไม่มีแอปพลิเคชั่นของโซเชียลมีเดียไหนที่ออกแบบเพื่อปกป้องเด็กหรือสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้แก่เด็ก มีแต่มุ่งไปสู่การค้า-การสร้างผลประโยชน์ให้บริษัทเจ้าของแอพพลิเคชั่นต่างๆ เท่านั้น! เรากำลังใช้ในโซเชี่ยลมีเดียที่ออกแบบโดยวิศวกรชั้นเยี่ยมร่วมมือกันนับพันคนกับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ผลิตและส่งต่อให้ผู้ใช้งานกว่า 2 พันล้านคน เราจะสู้กับมันได้อย่างไร!ในโลกวันนี้ ความรุนแรงของข่าวปลอมก็เลวร้ายลงทุกขณะ มีโกหกคำโตเต็มไปหมด! จนบางครั้งไม่มีใครเชื่อโลกที่เป็นจริง! กรณีไวรัสโคโรนาในอเมริกาที่สื่อส่งกันในโซเชียลมีเดียจนไม่มีการป้องกันและการจัดการที่ดี ในที่สุดอเมริกาก็เป็นผู้รับผลกระทบที่รุนแรง นับเป็นตัวอย่างล่าสุดของผลลบที่เกิดขึ้น!วัฒนธรรมใหม่ในการสื่อสารในโซเชียลมีเดียมักมีแนวโน้มเป็นเรื่องของความเชื่อ การครอบงำความคิดของคน ซึ่งแน่นอนว่าปัญญาประดิษฐหรือเอไอไม่สามารถแก้ปัญหาข่าวปลอมได้! เพราะมันไม่รู้ว่าอะไรจริง อะไรปลอม? ซึ่งข่าวสารปลอมล้วนเป็นภัยคุกคามสังคมมนุษย์อย่างยิ่ง ในในโซเชียลมีเดียจึงมีสัญญานบอกให้รู้ว่า ความก้าวหน้ากับความหายนะมีเพียงเส้นบางๆ เท่านั้นที่คั่นอยู่!โซเชียลมีเดียสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อสังคมและวิถีชีวิตอย่างไม่มีวันกลับคืนได้ มันตั้งตนเป็นรัฐบาลแห่งโลก ขณะที่ผู้คนต้องการความเป็นส่วนตัวในระบบดิจิทัล ที่ไม่ต้องการจำนนกับผลประโยชน์ของบริษัทยักษ์เบื้องหลังในโซเชียลมีเดียเหล่านี้!ความเคลื่อนไหวในโลกเสมือนจริงในโซเชียลมีเดียมีผลกระทบต่อความซึมเศร้า ความเปราะบาง ความหวาดกลัว ความเหงา ความวิตกกังวลของผู้คน ด้วยว่าการสร้างแอปพลิเคชั่นของโซเชียลมีเดียจะใช้หลักเศรษฐกิจแบบ กระตุ้นให้เกิดการใช้และการเข้าถึง ซึ่งมันคืออำนาจและอิทธิพลสายพันธุ์ใหม่ที่อยู่เหนือรัฐชาติ กาลเวลา และเป็นเหมือนเวทมนตร์ที่ก่อตัวขึ้นจากข้อมูลมหาศาล อัลกอริทึม และปัญญาประดิษฐ์ ที่ออกแบบมาให้เราเข้าถึงและเชื่อมต่อเพื่อสร้างความพึงพอใจเฉพาะหน้าจนเราเสพติดมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเบื้องหลังคือ ผลประโยชน์ทางการค้ามหาศาล!เทคโนโลยีที่ก้าวข้ามจุดอ่อนของมนุษย์ทำให้เราเห็นความแตกแยก เห็นการแบ่งขั้วทางการเมืองมากขึ้น ทั้งแตกแยกทางออนไลน์และในโลกจริง จนก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นบ่อยครั้ง ล้วนเกิดจากการปลุกเร้าผ่านโซเชียลมีเดียทั้งสิ้น เช่น
ทั้งหมดคือ ความกังวลของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญโซเชียลมีเดียที่ออกมาพูดถึง “เหรียญด้านมืด” รวมถึงความขัดแย้งในฮ่องกงที่มีการประท้วงครั้งใหญ่จนบ้านเมืองลุกเป็นไฟ ก็มีประเด็นมาจากสื่อออนไลน์ทั้งสิ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้จึงน่าวิตกยิ่ง เพราะการใช้โซเชียลมีเดียนั้นแค่เรา “เลือก” และ “คลิก” ก็อาจส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อผู้คนและสังคมได้ นี่คือปัญหาของโซเชียลมีเดียที่ทำให้สังคมเสื่อมทรามลง และความเสื่อมทรามนั้นก็ย้อนกลับมาทำร้ายผู้คนที่ใช้งานกันอยู่! |