เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

    การเขียนโครงการวิจัย ผู้เขียนจะต้องเตรียมการเป็นอย่างดี เกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานต่าง ๆ ที่

    1) มีหัวข้อ ประเด็นครบถ้วนตามแบบฟอร์มที่หน่วยงานรับข้อเสนอโครงการวิจัยได้กาหนดไว้

    2) เขียนได้ชัดเจน ตรงประเด็น มีรายละเอียดพอเพียงที่จะทาให้ทราบว่าผู้วิจัยต้องการจะทา

อะไร เพราะเหตุใดจึงต้องทาวิจัย สิ่งที่ทามีความสาคัญอย่างไร มีประโยชน์อย่างใด และจะทาอย่างไรกระบวนการที่คาดว่าจะทานั้นมีความเป็นไปได้และใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือเพียงใด

หลักการเขียนโครงการวิจัย

    โครงการวิจัยและพัฒนาโดยทั่วไปนั้นจะประกอบด้วยหัวข้อการวิจัยที่จะต้องเขียนเสนอ

ดังต่อไปนี้ (ทิศนา แขมมณี, 2527)

 1. ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา ในหัวข้อนี้เป็นการอธิบายถึงความเป็นมา

และสาเหตุของปัญหาหรือความต้องการในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนว่าเป็นอย่างไร และความจาเป็นที่ผู้วิจัยจะต้องหาแนวทางในการแก้ปัญหาหรือทาวิจัย และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การเขียนควรนาเสนอปัญหาอย่างกระชับและตรงประเด็นโดยแสดงให้เห็นสภาพที่เป็นอยู่และสภาพที่คาดหวังให้เป็น การเขียนควรมีการอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้

    2. วัตถุประสงค์การวิจัย การเขียนวัตถุประสงค์ของการวิจัยและพัฒนาให้เขียนเป็นข้อ ๆ

โดยมีหลักการเขียน ดังนี้

        1) วัตถุประสงค์การวิจัยต้องแสดงให้เห็นว่าผู้วิจัยมุ่งพัฒนาหรือศึกษาอะไร ซึ่งเป็นผล

จากการดาเนินการ ไม่ใช่กระบวนการดาเนินการ เช่น “เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์” แทนที่จะเขียนว่า“เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน” เป็นต้น

        2) วัตถุประสงค์การวิจัยต้องสอดคล้องกับรูปแบบการวิจัย เช่น เขียนวัตถุประสงค์การ

วิจัยว่า “เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ของผู้เรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน” แต่ในแบบแผนการวิจัยเป็นเพียงการวัดผลผู้เรียนในด้านต่าง ๆ หลังเรียนเท่านั้น ซึ่งในลักษณะนี้ควรเขียนว่า“ศึกษาผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ...” เท่านั้น

    3. สมมติฐานการวิจัย เป็นการคาดเดาคาตอบล่วงหน้าที่เป็นไปตามเกณฑ์ของการพัฒนา

ที่เป็นที่ยอมรับในทางวิชาการ ซึ่งผู้วิจัยต้องอาศัยการศึกษาแนวคิด ทฤษฎีจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น ในการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้นั้นยึดหลักการเรียนแบบรอบรู้คือ ผู้เรียนต้องมีผลการเรียนรู้ทั้งด้านกระบวนการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ทั้งสองด้านในระดับร้อยละ 80 ขึ้นไป ดังนั้นจึงตั้งสมมติฐานของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นให้มีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ E1/E2 เท่ากับ80/80เป็นต้น หรือกาหนดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนต้องสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญที่ระดับ 0.05 ตามหลักการของการใช้สถิติภาคอ้างอิง เป็นต้น และการกาหนดความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับดี ซึ่งหมายถึงระดับค่าเฉลี่ยตั้งแต่ร้อยละ 70 หรือระดับ B ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์สากลซึ่งเป็นที่ยอมรับ เป็นต้น

    4. กรอบแนวคิดในการวิจัย หมายถึง พื้นฐานทางทฤษฎีและหลักการที่ผู้วิจัยยึดถือและ

นามาใช้ในการกาหนดลักษณะสาคัญของตัวแปรต้นและตัวแปรตาม ซึ่งนามาใช้เป็นแนวทางสาหรับการออกแบบและพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนและเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูลในการวิจัย กรอบแนวคิดในการวิจัยจะต้องสรุปให้เห็นแนวคิดหรือหลักการที่แฝงอยู่ในนวัตกรรมและลักษณะสาคัญของนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น นามาใช้เป็นตัวแปรจัดกระทา และการกาหนดลักษณะสาคัญที่สังเกตได้ วัดได้ของตัวแปรตามเพื่อนามาใช้เป็นแนวทางในการสร้างเครื่องมือการวัดผล การนาเสนอกรอบแนวคิดในการวิจัย ผู้วิจัยจึงต้องสังเคราะห์จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจนได้ข้อสรุปที่เป็นแนวคิดและหลักการสาคัญที่ใช้ในการดาเนินการวิจัย หากสรุปและนาเสนอเป็นแผนภาพได้ก็จะมีความชัดเจนแต่ไม่ใช่ข้อกาหนดตายตัว

    5. ขอบเขตในการวิจัย สิ่งที่ควรกล่าวถึงได้แก่

        1) ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง โดยกล่าวถึงลักษณะของประชากรที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย

ของการวิจัยว่าเป็นใคร มีจานวนเท่าใด มีลักษณะเป็นอย่างไร การเลือกกลุ่มตัวอย่างเพื่อเป็นตัวแทนของประชากรนั้น มีวิธีการเลือกมาได้อย่างไร จานวนเท่าใด

        2) ตัวแปรในการวิจัย ได้แก่ ตัวแปรต้น และตัวแปรตาม ตัวแปรต้นในที่นี้ คือตัวแปร

จัดกระทาการทดลอง หรือการใช้นวัตกรรม และตัวแปรตาม คือผลการเรียนรู้อันเป็นผลจากการจัดกระทาการทดลอง

        3) เครื่องมือในการวิจัย หมายถึง เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ เครื่องมือ

ประเมินประสิทธิภาพของนวัตกรรม และเครื่องมือที่ใช้ในการวัดประเมินผลตัวแปรตาม ในส่วนนี้ควรกล่าวถึงลักษณะและประเภทของเครื่องมือที่ใช้ จานวนของเครื่องมือ กระบวนการหรือวิธีการในการพัฒนาคุณภาพของเครื่องมือ เช่น ในกรณีที่เป็นแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คุณภาพของเครื่องมือ ได้แก่ ความตรง ความเที่ยง ความยากง่ายและอานาจจาแนกของเครื่องมือ เป็นต้น

 6. วิธีดาเนินการวิจัย เนื่องจากเป็นการวิจัยและพัฒนาการเรียนการสอน ดังนั้นในส่วนนี้

ควรเขียนให้สอดคล้องกับกระบวนการของการออกแบบการเรียนการสอน โดยนาเสนอขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา ดังนี้

        ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์ ผู้วิจัยควรนาเสนอขอบเขตของข้อมูลและสารสนเทศที่ต้องการ

วิเคราะห์ เช่น การวิเคราะห์หลักสูตร การวิเคราะห์ความต้องการของผู้เรียน และการวิเคราะห์สภาพและความต้องการของชุมชน เป็นต้น การนาเสนอวิธีการในการวิเคราะห์และเครื่องมือที่ใช้ ตลอดจนกาหนดผู้ให้ข้อมูลสาคัญ หรือแหล่งข้อมูลในการวิเคราะห์

        ขั้นตอนที่ 2 การออกแบบ และพัฒนาเป็นขั้นที่ผู้วิจัยนาเสนอกระบวนการดาเนินการ

พัฒนา ได้แก่ การวิเคราะห์จุดประสงค์การเรียนรู้ การกาหนดและออกแบบสาระการเรียนรู้ การกาหนดขั้นตอนการสอนและกิจกรรมการเรียนการสอน การออกแบบและคัดเลือกสื่อการเรียนรู้ การกาหนดวิธีการประเมินผลผู้เรียน เป็นต้น ในองค์ประกอบการเรียนการสอนดังกล่าวมีวิธีดาเนินการให้ได้มาอย่างไรและมีกระบวนการที่จะตรวจสอบคุณภาพเบื้องต้นโดยผู้เชี่ยวชาญและผู้เรียนอย่างไร

        ขั้นตอนที่ 3 การประเมิน เป็นขั้นของการทดลองใช้นวัตกรรมกับผู้เรียนที่ไม่ใช่กลุ่ม

ตัวอย่างประชากรเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของนวัตกรรม ซึ่งเป็นการประเมินความก้าวหน้าเพื่อนาผลมาใช้ในการปรับปรุงแก้ไขนวัตกรรม ก่อนนาไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างประชากรเพื่อประเมินผลสรุปโดยการวัดผลการเรียนรู้หลังเรียน การวัดความพึงพอใจของผู้เรียน ความคิดเห็นของผู้ใช้นวัตกรรม และการสังเกตการใช้นวัตกรรมเพื่อนาข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจว่านวัตกรรมที่ออกแบบนั้นมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือไม่ ในขั้นนี้ผู้วิจัยควรจะได้กล่าวถึงประเด็นที่สาคัญ ดังนี้

            1) การประเมินนวัตกรรมโดยผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกนั้นมีกระบวนการในการ

ดาเนินการอย่างไร การคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญมีเกณฑ์ในการพิจารณาอย่างไร ประเมินนวัตกรรมด้านใด ใช้เกณฑ์ในการประเมินอย่างไร เป็นต้น

            2) กระบวนการทดสอบประสิทธิภาพของนวัตกรรม โดยการทดสอบจากผู้เรียนนั้น

ทาอย่างไร เช่น การทดสอบแบบเดี่ยว แบบกลุ่มย่อย แบบกลุ่มใหญ่หรือภาคสนาม ทาอย่างไร ใช้เกณฑ์ในการพิจารณาอย่างไร

            3) แบบการวิจัยทดลอง ที่ใช้เป็นแผนงานในการทดลองและรวบรวมข้อมูลการวิจัย

ในขั้นประเมินผลรวมนั้นเป็นแบบใด

            4) การวิเคราะห์ข้อมูล การใช้สถิติกับข้อมูลที่รวบรวมแต่ละประเภทเป็นอย่างไร

ใช้เกณฑ์ในการวิเคราะห์อย่างไร และแปลผลการวิเคราะห์อย่างไร

    7. ระยะเวลาในการดาเนินการวิจัย ควรนาเสนอเป็นแผนผังควบคุมงาน (gantt chart)

แสดงขั้นตอนของการดาเนินการวิจัยและระยะเวลาที่ต้องใช้ในแต่ละกิจกรรม เพื่อใช้เป็นแผนงานสาหรับควบคุมการทางานให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ

    8. ประโยชน์ที่ได้จากการวิจัย ในส่วนนี้ต้องระบุให้ชัดเจนว่า งานวิจัยนี้จะได้ประโยชน์

อะไรเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจว่าควรอนุมัติให้ทาหรือไม่ อย่างไร เช่น การแก้ปัญหา การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม การได้ข้อความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการเรียนการสอน การเขียนในส่วนของประโยชน์ของการวิจัยนี้จะต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์แต่ไม่ใช่วัตถุประสงค์ ควรเขียนในลักษณะที่จะก่อให้เกิดประโยชน์และผลกระทบเมื่อนาผลการวิจัยไปใช้ เป็นต้น

    9. งบประมาณที่ใช้ในการวิจัย สาหรับการเสนอโครงการวิจัยให้กับแหล่งผู้สนับสนุนทุน

ในการดาเนินการวิจัยนั้น ส่วนนี้นับว่ามีความสาคัญควรศึกษารายละเอียดให้ชัดเจนว่าแหล่งผู้สนับสนุนนั้นจัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายไว้อย่างไร และมีหลักเกณฑ์สาหรับการเบิกจ่ายในแต่ละหมวดอย่างไรเพื่อจะได้ทาให้ถูกต้องตามความต้องการของแหล่งทุนที่สนับสนุน

 10) คณะผู้วิจัย ควรระบุรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวของผู้วิจัย ได้แก่ ชื่อ สกุล ตาแหน่ง

สถานที่ปฏิบัติงาน สถานที่ติดต่อ คุณวุฒิและประสบการณ์ของผู้ทาวิจัยให้ชัดเจนตามแบบฟอร์มที่แจ้งไว้ประเด็นการวิจัยทั้ง 10 ข้อนี้ จะทาให้เห็นภาพงานของการวิจัยชัดเจนแต่จะต้องเขียนทั้ง 10หัวข้อนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับแบบฟอร์มของหน่วยงานที่ต้องการโครงร่างการวิจัยเป็นผู้กาหนด

ตัวอย่างโครงการวิจัย

    ตัวอย่างที่นามาเสนอในที่นี้ เป็นโครงการวิจัยที่นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมได้ทาขึ้นเพื่อเสนอขออนุมัติหัวข้อวิทยานิพนธ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต ซึ่งผู้เขียนได้ปรับปรุงให้มีความสมบูรณ์ตามแนวทางที่ได้เสนอไว้

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

เป้าหมายสำคัญของการวิจัยและพัฒนาคือข้อใด

บทสรุป

    การวิจัยและพัฒนาได้นามาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาการเรียนการสอนหรือออกแบบการเรียนการสอนของนักวิชาการ การวิจัยและพัฒนาที่ครูใช้ในชั้นเรียนกับการวิจัยและพัฒนาที่นักวิชาการใช้มีความแตกต่างกัน การวิจัยและพัฒนาที่ครูในโรงเรียนใช้เรียกว่า การวิจัยปฏิบัติการในห้องเรียน (classroomaction research- CAR) สาหรับกระบวนการวิจัยและพัฒนาที่นักวิชาการทา เรียกว่า การวิจัยและพัฒนา(research and development–R&D) การวิจัยปฏิบัติการในห้องเรียนใช้วงจรควบคุมคุณภาพ PAOR(plan action observation revision) หรือ PDCA (plan do check action) เป็นกระบวนการในการดาเนินงาน ส่วนการวิจัยและพัฒนา ใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา (R & D) เป็นเครื่องมือในการดาเนินงานทั้งสองกระบวนการมีการดาเนินงานเป็นวงจรต่อเนื่อง เพื่อนาผลที่ได้มาพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้นแต่ต่างกันตรงที่การวิจัยและพัฒนาของนักวิชาการ มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่นาไปใช้แก้ปัญหาและสามารถอ้างอิงไปสู่ประชากรเป้าหมายได้ ในขณะที่การวิจัยปฏิบัติการในห้องเรียนของครูมุ่งแสวงหาความรู้เพื่อปรับปรุงงานที่ปฏิบัติให้ดีขึ้น ไม่เน้นการสรุปอ้างอิงผลการวิจัย ดังนั้นกระบวนการวิจัย

และพัฒนาจึงใช้ระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่มีความเคร่งครัดในการออกแบบการวิจัยข้อมูลใช้ทั้งข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพเพื่อเสริมจุดเด่นและลดจุดด้อยของกันและกัน ในขณะที่การวิจัยปฏิบัติการในห้องเรียนใช้ระเบียบวิธีวิทยาศาสตร์เช่นกันแต่มีความยืดหยุ่นมากกว่า ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ

    กระบวนการออกแบบการเรียนการสอนมีลักษณะเช่นเดียวกับกระบวนการวิจัยและพัฒนา

และใช้การออกแบบการวิจัยเป็นเครื่องมือในการประเมินการเรียนการสอน

    ในการดาเนินการวิจัยและพัฒนาจาเป็นต้องมีการเสนอแผนงานหรือโครงร่างการวิจัยที่ใช้เป็น

แนวทางในการควบคุมการดาเนินงานให้เป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้ โครงร่างการวิจัยนี้สามารถใช้เป็นเอกสารเพื่อขอทุนสนับสนุนการดาเนินงานโครงการวิจัยได้ และสาหรับนักศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษาโครงร่างการวิจัยเป็นแผนงานที่นักศึกษาต้องเสนอเพื่อขออนุมัติจากคณะกรรมการบริหารหลักสูตรเพื่อขออนุมัติโครงการ และอาจารย์ที่ปรึกษาใช้เป็นแนวทางในการตรวจสอบและควบคุมการดาเนินงานวิจัยให้เป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้ โครงร่างการวิจัยจึงเป็นแผนงานที่จะต้องได้รับการวางแผนอย่างรอบคอบเขียนให้ถูกต้อง ชัดเจน และมีความเป็นไปได้ในการดาเนินงาน โครงร่างการวิจัยจึงเป็นหลักประกันเบื้องต้นของความสาเร็จในการวิจัย