วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ตั้งอยู่ข้างสวนสราญรมย์ เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสละทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ.2407 เพื่อเป็นวัดธรรมยุตินิกาย เพื่อให้เจ้านายและข้าราชการทั้งฝ่ายนอกและฝ่ายใน ได้บำเพ็ญกุศลกันได้สะดวกขึ้น เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้พระบรมมหาราชวังและทรงพระราชทานนามว่าวัดราชประดิษฐ์สถิตธรรมยุติการาม ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ����Ҫ����ѵ� �.4����Ҫ����ѵ������ �ͧ��кҷ���稾�л�������������خ��Ш������������������кҷ���稾�Ш���������������� ����Ҫ��������� �ѹ��� �� ���Ҥ� �.�.���� �ç�Ѻ�ѹ����ʺ�� ��� �� ��� �� �� �ժǴ �ȡ����ѡ�Ҫ ���� �ç�繾���Ҫ����ͧ���� � 㹾�кҷ���稾�оط��������ҹ����� ������稾����������¹��Һ���ҪԹ� � ����Ҫ�ѧ��� �����ҡ�ا������ ����;�Ъ�������ҧ��� � ����� (�.�. ����) ���稾�к������Ҷ ��ç��С�س��ô����� �Ѵ����վ���Ҫ�Ը�ŧ�ç�繤����á 㹡�ا�ѵ���Թ��� ���ç��� �Ҫ���õ����Ѻ����Ҫ�ҹ��й�����֡㹾���ؾ�ó�Ѯ��� "���稾������١���� ��ҿ�����خ�������ǧ�쾧������� ��ѵ�����âѵ����Ҫ�����" ��ҡ������ԡê������ ���¡��й����� "��š���������Ҿ��ͧ���˭�"
�. ��ҹ�����������ҧ������蹤� ��С�û�ͧ�ѹ����Ҫ�ҳҨѡ� �. ��ҹ��û���ٻ��û���ͧ �. ��ҹ��÷ӹغ��ا�Ҫվ�ͧ��ɮ� ��С�û���ٻ�ҧ���ɰ�Ԩ ��С�ä�ѧ �. ��ҹ�ӺѴ�ء����ا�آ�ͧ��ɮ� �. ��ҹ���ا�֡����ʵ�� �. ��ҹ����Ҫ�Ը� ���ླ� �������� �. ��ҹ�����ʹ� �. ��ҹ��á�����ҧ ��кҷ���稾�Ш���������������� ��зʹ���������ػ�Ҥ� ������Ѻ��ǵ��ǻ���� ��Т���Ҫ ��Ծ�÷���ҹ���ҡ� �ѧ��Ѵ��ШǺ���բѹ�� ����� : http://kmitl.ac.th �� : ��� �ح�� ྪþ���ѡ��, �ç���¹�����������ѧ, �ѹ��� 20 �ԧ�Ҥ� 2545 “…ผู้คนเกรงท่าน [กรมขุนราชสีหวิกรม] แม้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็คงจะมีอะไรที่ทรงเกรงอยู่บ้าง ทั้งที่ท่านเป็นที่ใกล้ชิดกับพระองค์ เพราะปรากฏว่าในปลายรัชสมัยได้ตรัสเรียกให้ท่านเข้าไปปฏิญาณพร้อมกับเจ้านายชั้นผู้ใหญ่หน้าพระแก้วมรกตว่าจะไม่แย่งราชบัลลังก์ เรื่องนี้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงบันทึกไว้ใน ‘พระราชประวัติรัชกาลที่ 5 ก่อนเสวยราชย์’ โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสเล่าพระราชทาน ดังนี้ ‘ในปีเถาะ พ.ศ.2410 เมื่อพระราชทานเพลิงพระศพ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้เลื่อนกรมเจ้านายเนื่องในเหตุที่พระมหาอุปราชสวรรคตตามราชประเพณีซึ่งเคยมีมา ‘เจ้านายซึ่งโปรดให้เลื่อนกรมครั้งนั้นมี 5 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหามาลา เป็นกรมขุนบำราบปรปักษ์ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวรจักรธรานุภาพ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นราชสีหวิกรม สองพระองค์หลังนี้เป็นกรมขุนคงพระนามเดิม ส่วนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (เดิมทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นพิฆเนศวรสุระสังกาศ) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงเปลี่ยนพระนามกรมเป็นกรมขุนพินิตประชานาถ ด้วยทรงพระราชดำริว่ากรมมเหศวรศิววิลาศ กรมวิษณุนาถนิภาธร พระชันษาไม่ยั่งยืน จะเป็นด้วยพระนามพ้องกับนามของพระเป็นเจ้าในไสยศาสตร์ จึงทรงเปลี่ยนพระนามกรมหมื่นพิฆเนศวรสุระสังกาศ เป็นกรมขุนพินิตประชานาถ ‘เวลาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวดำรัสสั่งให้เลื่อนกรมเจ้านายครั้งนั้น เสด็จประทับที่ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อทรงสั่งแล้วมีพระราชดำรัสให้หาเจ้านายทั้ง 4 พระองค์นั้นเข้าไปเฝ้า ณ ที่รโหฐานตรงหน้าพระพุทธรูป แล้วมีพระราชดำรัสว่าจะทรงปฏิญาณเฉพาะพระพักตร์พระมหามณีรัตนปฎิมากรว่า เจ้านายซึ่งจะเป็นกรมขุน 4 พระองค์นี้ ถ้าใครได้ครองราชย์สมบัติต่อไปจะไม่ทรงรังเกียจเลย ‘เจ้านาย 3 พระองค์ ต่างกราบทูลถวายปฏิญาณว่ามิได้ทรงคิดมักใหญ่ใฝ่สูง ตั้งพระหฤทัยแต่จะสนองพระเดชพระคุณช่วยทำนุบำรุงสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอให้ได้รับราชสมบัติสืบไป’ ครั้งมีสุริยุปราคาหมดดวง กรมขุนราชสีหวิกรม พร้อมด้วยพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ ได้ตามเสด็จพระราชดำเนินไปเกาะจาน เมื่อเสด็จกลับมาก็ประชวรไข้และสิ้นพระชนม์ก่อนสวรรคตในรัชกาลที่ 4 เพียง 15 วัน ส่วนโอรสธิดาซึ่งประสูติในวังท่าพระ ก็ประทับในวังนั้นต่อมาจนถึงรัชกาลที่ 5 จึงย้ายออกไปอยู่ที่บ้านท่าช้าง คือบ้านของคุณตาท่าน (พระยาราชมนตรี) สำหรับหม่อมเจ้าปฤษฎางค์ โอรสองค์สุดท้องซึ่งภายหลังได้เลื่อนขึ้นเป็นพระองค์เจ้า ถูกส่งไปศึกษาต่อที่สิงคโปร์และประเทศอังกฤษ เป็นคนไทยคนแรกที่ได้เข้ามหาวิทยาลัย (King’s College, London) และถูกแต่งตั้งให้เป็นราชทูตสยามคนแรกประจำราชสำนักอังกฤษและอีก ๑๑ ประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกา บทบาทสำคัญของเจ้านายพระองค์นี้ได้แก่การแก้สนธิสัญญาเบาริ่ง (Bowring) ที่กลุ่มประเทศตะวันตกได้เปรียบสยาม การนำสยามเข้าเป็นสมาชิกการไปรษณีย์โทรเลขสากล และจัดการวางสายโทรเลขกรุงเทพฯ-ไซ่ง่อน และกรุงเทพฯ สิงคโปร์ อีกทั้งได้ชักชวนข้าราชการสถานทูตกราบบังคมทูลถวายร่างรัฐธรรมนูญสยามฉบับแรก ใน ค.ศ. 1884″ คัดมาจากบางส่วนของบทความ “วังท่าพระและเรื่องพิศดารบางเรื่องเกี่ยวกับเจ้านายในวัง” โดย สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ใน ศิลปวัฒนธรรม ฉบับ มิถุนายน 2559 |