คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อังกฤษ : Faculty of Medicine, Chulalongkorn University) เป็นหน่วยงานระดับคณะวิชาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีพระราชกฤษฎีกาประกาศตั้งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2490 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2490 โดยสังกัดอยู่ภายใต้มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ จนกระทั่งถูกโอนมาสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี พ.ศ. 2510 เป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 2 ของประเทศไทย ถือกำเนิดจากพระราชปรารภในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 การดำเนินการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์แห่งนี้เริ่มขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงเพียงแปดเดือนเท่านั้น ถือเป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทย ประสบความยากลำบากทางการเมืองและเศรษฐกิจ อีกทั้งจำเป็นต้องมีการบูรณะบ้านเมืองที่เสียหายจากการทิ้งระเบิด คณะแพทยศาสตร์แห่งนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาวงการสาธารณสุขของประเทศ ในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ควบคู่ไปกับการพัฒนามาตรฐานแพทยศาสตรศึกษา ปัจจุบันคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นศูนย์ความร่วมมือขององค์การอนามัยโลก 3 สาขา ได้แก่ ศูนย์ความร่วมมือด้านแพทยศาสตรศึกษา ศูนย์ความร่วมมือด้านการวิจัยการสืบพันธุ์ของมนุษย์ ศูนย์ความร่วมมือด้านการวิจัยและฝึกอบรมด้านไวรัสและโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน Show
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดำเนินงานร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มีหน้าที่หลักในการผลิตบัณฑิตทั้งในระดับปริญญาบัณฑิตและบัณฑิตศึกษา การวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ทางการแพทย์และสหศาสตร์ เผยแพร่ความรู้สู่สังคมและให้การบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขแก่ประชาชนทั่วไป มีชื่อเสียงและผลงานด้านการรักษาพยาบาล รวมถึงงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับทั้งในระดับชาติและนานาชาติ ในปัจจุบัน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีภาควิชาที่ทำการเรียนการสอนอยู่ 22 ภาควิชา และมีหน่วยงานภายใน 12 หน่วยงาน โดยแต่ละภาควิชาจะมีฐานะเป็นแผนกหนึ่งของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นบุคคลคนเดียวกัน นอกจากนี้คณาจารย์ในสังกัดคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังปฏิบัติหน้าที่เป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อีกด้วย ที่ตั้งของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่ในพื้นที่ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นพื้นที่ใจกลางเขตธุรกิจ การเงินและการทูตของประเทศไทย ด้านทิศตะวันตกติดกับถนนอังรีดูนังต์ ทิศใต้ติดกับถนนพระรามที่ 4 ด้านทิศตะวันออกติดกับถนนราชดำริและสวนลุมพินี ทิศเหนือติดกับราชกรีฑาสโมสร หรือ สนามม้าปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร สามารถเดินทางมาถึงได้โดย รถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้ามหานครและรถโดยสารภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประวัติ[แก้]ป้ายคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทรในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงพยาบาลขึ้นโดยตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณพระราชวังบวรสถานพิมุขหรือวังหลัง พระราชทานนามว่า โรงศิริราชพยาบาล (ปัจจุบัน คือ โรงพยาบาลศิริราช) ซึ่งมีความจำเป็นต้องหาแพทย์มาประจำในโรงพยาบาลจึงมีความจำเป็นต้องเปิดโรงเรียนแพทย์ขึ้นเพื่อผลิตแพทย์ให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตตั้งโรงเรียนแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราช ต่อมาได้รับพระราชทานชื่อว่า โรงเรียนราชแพทยาลัย (ปัจจุบัน คือ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล) ซึ่งเป็นสถานที่ฝึกอบรมแพทย์เพียงแห่งเดียวของประเทศในขณะนั้นซึ่งตั้งเป้าหมายการผลิตแพทย์ไว้ประมาณ 50 คนต่อปี แต่ความนิยมของผู้ป่วยที่ต้องการเข้ารับการรักษาแพทย์แผนปัจจุบันนั้นมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ยิ่งทำให้เกิดความต้องการแพทย์เพิ่มมากยิ่งขึ้น ทำให้คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลต้องเพิ่มจำนวนการรับนักเรียนแพทย์แต่ด้วยมีทรัพยากรและสถานที่จำกัดทำให้รับนักเรียนแพทย์ได้ไม่เกิน 100 คนต่อปีเท่านั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทรเสด็จพระราชทานปริญญาบัตรและอนุปริญญาบัตร ณ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (มหาวิทยาลัยมหิดล ในปัจจุบัน) เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2489 ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทตอนหนึ่งว่า "...พระองค์มีพระราชประสงค์ให้มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ผลิตแพทย์ผู้ได้สำเร็จหลักสูตรให้มีปริมาณมากขึ้น เพื่อออกมาช่วยเหลือประเทศชาติ..." เพื่อสนองพระราชประสงค์ดังกล่าว รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณจำนวนหนึ่งให้แก่มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เพื่อให้สามารถผลิตแพทย์เป็นจำนวนมากพอกับความต้องการของประเทศชาติ และมีการเสนอแนวทางเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวไว้ 3 แนวทางด้วยกัน ได้แก่
เมื่อพิจาณาจาก 3 แนวทางขั้นต้น พบว่า แนวทางแรกนั้นเป็นไปได้ยาก เนื่องจากในขณะนั้นคณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มีทรัพยากรและสถานที่จำกัดไม่สามารถรองรับการผลิตแพทย์เพิ่มขึ้นได้อีก ส่วนแนวทางที่สองนั้นต้องใช้เวลาและงบประมาณจำนวนมากและไม่ทันการกับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ ดังนั้น แนวทางที่ 3 จึงเป็นแนวทางที่ใช้เวลาและงบประมาณไม่มากนัก รวมทั้ง ยังสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้รวดเร็วที่สุด โดยที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ของสภากาชาดไทย มีความพร้อมทั้งในด้านสถานที่และอุปกรณ์ ด้วยเคยใช้เป็นโรงเรียนแพทย์ทหารบกมาก่อน สามารถพัฒนาให้เป็นโรงเรียนแพทย์แห่งที่สองของประเทศต่อไปได้ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยและคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 8 ในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ศาสตราจารย์ นพ.เฉลิม พรมมาส ผู้บัญชาการมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ในขณะนั้น จึงได้ติดต่อประสานงานการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์แห่งใหม่ผ่านทางผู้อำนวยการกองบรรเทาทุกข์และอนามัย สภากาชาดไทย พระยาดำรงแพทยาคุณ (ชื่น พุทธิแพทย์) หรือ ศาสตราจารย์อุปการคุณ พลตรี พระยาดำรงแพทยาคุณ โดยขอความร่วมมือไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดการเรียนการสอน คณะแพทยศาสตร์แห่งใหม่จึงก่อกำเนิดขึ้นในนาม "คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์" และสามารถเปิดการเรียนการสอนได้ ภายใน 9 เดือนเศษนับจากวันที่ได้เริ่มมีการติดต่อครั้งแรก โดยมีพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกรมมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ในกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2490 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2490 มีผลบังคับใช้วันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2490 ให้แบ่งส่วนราชการคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ออกเป็น 10 แผนก ได้แก่ แผนกอำนวยการ แผนกกายวิภาคศาสตร์ แผนกสรีระวิทยา แผนกพยาธิวิทยา แผนกอายุรศาสตร์ แผนกศัลยศาสตร์ แผนกสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา แผนกรังสีวิทยา แผนกกุมารเวชศาสตร์ และ แผนกจักษุวิทยาและวิทยาโสตนาสิกลาริงซ์ และได้เปิดการภาคเรียนเป็นปฐมฤกษ์ ในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2490 มีนักศึกษาปีแรก 67 คน (ขณะอยู่ในสังกัดมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ใช้คำเรียกผู้ศึกษาว่า"นักศึกษา") ภายหลังได้โอนไปสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2510 ปัจจุบันแบ่งส่วนงานออกเป็น 22 ภาควิชาและสำนักงานเลขานุการคณะ โดยในแต่ละภาควิชาของคณะแพทยศาสตร์มีฐานะเป็นแผนกหนึ่งของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นอกจากนี้คณาจารย์ของคณะแพทยศาสตร์ ยังปฏิบัติหน้าที่เป็นแพทย์ประจำในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์อีกด้วย โดย 22 ภาควิชาประกอบไปด้วย
หลักสูตร[แก้]หลักสูตรที่เปิดสอนในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย หลักสูตรที่เปิดสอนในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรระดับปริญญาบัณฑิต ระดับปริญญาบัณฑิต ระดับปริญญาโท ระดับปริญญาเอก หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.)
หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตและวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (หลักสูตร 2 ปริญญา : พ.บ.- วท.ม.)
หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.)
หมายเหตุ : หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต จำนวนปีละ 313 คน ได้แก่
หากโครงการใดรับไม่เต็มจำนวน จะรับเพิ่มในโครงการรับตรงร่วมกับกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทยให้ครบตามจำนวน 313 คน หลักสูตรควบข้ามระดับข้ามศาสตร์ ปริญญาตรีแพทยศาสตรบัณฑิต และปริญญาโทวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (หลักสูตร 2 ปริญญา : พ.บ.- วท.ม.) จำนวน 1 หลักสูตร ได้แก่
ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะ[แก้]อาคารต่าง ๆ ในบริเวณคณะแพทยศาสตร์ภูมิทัศน์คณะแพทยศาสตร์เมื่อมองจากสวนลุมพินี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จัดตั้งศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในสาขาต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการบริการทางการแพทย์และความก้าวหน้าทางวิชาการ ดังนี้
การมีส่วนร่วมในการศึกษาวิจัยของประชาชน[แก้]ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการศึกษาวิจัยให้กับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยได้หลายวิธี ดังนี้ การอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา วิจัยและการรักษาทางการแพทย์[แก้]ศาลาทินทัต การอุทิศร่างกายมีส่วนสำคัญในการพัฒนาการศึกษาด้านแพทยศาสตร์เป็นอย่างมาก ผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาจะถูกเรียกว่า "อาจารย์ใหญ่" เพราะนอกจากท่านจะเป็นผู้ให้ความรู้โดยละเอียดด้านกายวิภาคศาสตร์ได้สมบูรณ์แบบและเสมือนจริงที่สุดอย่างไม่มีสิ่งใดทดแทนได้ให้แก่นิสิตแพทย์แล้ว อาจารย์ใหญ่แต่ละร่างยังเป็นผู้ฝึกอบรมทักษะการช่วยชีวิตผู้ป่วยและการผ่าตัดขั้นสูงด้วย ซึ่งในแต่ละปี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำเป็นต้องใช้ร่างอาจารย์ใหญ่มากกว่า 300 ท่าน ประชาชนทั่วไปสามารถศึกษารายละเอียดและแสดงความจำนงเป็นผู้อุทิศร่างกายได้ที่ ศาลาทินทัต ด้านข้างอาคาร ภปร. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เวลา 08.30-16.30 น วันจันทร์-ศุกร์ (เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์) อย่างไรก็ตามคณะแพทยศาสตร์ไม่สามารถรับศพผู้อุทิศร่างกาย ดังนี้
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถือเป็นโรงเรียนแพทย์ขนาดใหญ่ มีนิสิตทั้งระดับปริญญาบัณฑิต (ปริญญาตรี) และบัณฑิตศึกษา (สูงกว่าปริญญาตรี) รวมถึงแพทย์เพิ่มพูนประสบการณ์อีกเป็นจำนวนมาก ในแต่ละปีการศึกษามีการจัดการเรียนการสอนที่จำเป็นต้องเรียนรู้ผ่านร่างอาจารย์ใหญ่มากมาย มีการฝึกผ่าตัดเพื่อเพิ่มพูนทักษะ สร้างความแม่นยำในการรักษาแก่แพทย์ประจำบ้านและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญปีละกว่า 100 ครั้ง และมีแนวโน้มที่จะมีการฝึกผ่าตัดกับร่างอาจารย์ใหญ่มากขึ้นทุกปี อาจารย์ใหญ่จึงเป็นบุคคลสำคัญอย่างมากในการศึกษาด้านแพทยศาสตร์ทุกระดับ ผู้อุทิศร่างกายทุกท่านถือเป็นบุคคลสำคัญและมีคุณูปการอย่างที่สุดต่อวงวิชาการทางการแพทย์และการศึกษาในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสภากาชาดไทย อันจะนำมาสู่การสร้างบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถระดับสูง และวิทยาการทางการทางการแพทย์ใหม่ ๆ ที่จะเป็นความหวังของผู้ป่วยทั่วประเทศไทย ปัจจุบันการอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาให้กับคณะแพทศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สามารถทำได้ง่ายขึ้นผ่านระบบลงทะเบียนออนไลน์ ทางเว็บไซต์ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ซึ่งเป็นสถานปฏิบัติการ (โรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์) ของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเลือกเมนู อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา เก็บถาวร 2018-10-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย[แก้]การที่ผู้ป่วยยินยอมให้นิสิตแพทย์และพยาบาลเข้าร่วมสังเกตการรักษาและให้ความร่วมมือแก่นิสิตระหว่างการรักษา เช่น การให้ข้อมูลของผู้ป่วยโดยละเอียด ถูกต้อง เป็นความจริง ระหว่างการติดตามอาการและการบันทึกประวัติ ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้อาจารย์แพทย์ได้ทำการสอนนิสิตจากสภาพจริง เอื้อต่อการเพิ่มพูนทักษะให้กับนิสิตแพทย์และพยาบาลในหลายด้าน เป็นขั้นตอนสำคัญของการศึกษาด้านแพทยศาสตร์และจะช่วยให้คณะฯ สามารถผลิตบุคลากรทางการแพทย์ที่มีทักษะการปฏิบัติที่ดีออกสู่สังคมได้มากขึ้น การมีส่วนร่วมในการศึกษาวิจัยของผู้ป่วยและประชาชนผู้เข้ารับการรักษาจึงเป็นการอุปการะอย่างสำคัญต่อวงการแพทย์ จุฬาลงกรณ์เวชสาร[แก้]จุฬาลงกรณ์เวชสาร เป็นวารสารวิชาการประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีกำหนดการออกเผยแพร่ทุก 2 เดือน หรือ 6 ฉบับต่อปี มีเนื่อหาด้านแพทยศาสตร์และศาสตร์ที่เกี่ยวของกับการแพทย์อื่น ๆ โดยเผยแพร่ทั้งในรูปแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ บทความประเภทนิพนธ์ต้นฉบับ (Original Research) และรายงานผู้ป่วย (Case Report) ต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเผยแพร่ในระดับนานาชาติและรักษามาตรฐานของวารสาร ส่วนบทความประเภทอื่น ๆ อาจเขียนเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ เพื่อให้สะดวกต่อการสื่อสารความรู้สู่ผู้อ่านและสมาชิกของวารสาร ทั้งนี้บทความที่ส่งมาต้องไม่เคยพิมพ์เผยแพร่มาก่อน จุฬาลงกรณ์เวชสารสามารถเข้าถึงได้อย่างเสรีทางอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ยังเผยแพร่ในรูปแบบตีพิมพ์ด้วยกระดาษในระบบห้องสมุดของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแหล่งรวมทรัพยากรวิชาการของสถานศึกษาด้านการแพทย์อื่น ๆ สำนักงานบรรณาธิการของจุฬาลงกรณ์เวชสาร ตั้งอยู่ที่ชั้น 5 อาคารอานันทมหิดล คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรติประวัติ[แก้]คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประสบความสำเร็จทางด้านการแพทย์มากมาย โดยผลงานเด่น ๆ มีดังนี้
ศูนย์ความร่วมมือขององค์การอนามัยโลก[แก้]คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับความไว้วางใจจากองค์การอนามัยโลกให้เป็น WHO Collaborating Centre หรือ ศูนย์ความร่วมมือขององค์การอนามัยโลก ในสาขาต่าง ๆ อาทิ
บุคคล[แก้]คณบดี[แก้]ตามข้อตกลงระหว่างมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์และสภากาชาดไทยให้คณบดีคณะแพทยศาสตร์และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นบุคคลคนเดียวกันแต่แยกการบริหารออกเป็น 2 หน่วยงาน รายนามคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีดังนี้ ทำเนียบคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายนามคณบดี วาระการดำรงตำแหน่ง 1. ศาสตราจารย์อุปการคุณ พลตรี พระยาดำรงแพทยาคุณ (ชื่น พุทธิแพทย์) 4 มิถุนายน พ.ศ. 2490 - 5 มกราคม พ.ศ. 2493 2. ศาสตราจารย์ นายแพทย์ หลวงพรหมทัตตเวที (ไหมพรม ศรีสวัสดิ์) 20 มีนาคม พ.ศ. 2493 - 8 เมษายน พ.ศ. 2495 (รักษาการ) 9 เมษายน พ.ศ. 2495 - 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2497 3. ศาสตราจารย์อุปการคุณ นายแพทย์ หลวงเฉลิมคัมภีร์เวชช์ (เฉลิม พรมมาส) 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2497 - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 (รักษาการ) 4. ศาสตราจารย์ พันเอก นายแพทย์ หลวงประกิตเวชศักดิ์ (แก้ว บำรุงชีพ) 1 เมษายน พ.ศ. 2500 - 30 เมษายน พ.ศ. 2503 5. ศาสตราจารย์ นายแพทย์ หม่อมหลวงเกษตร สนิทวงศ์ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2503 - 4 ธันวาคม พ.ศ. 2508 5 ธันวาคม พ.ศ. 2508 - 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2509 (รักษาการ) 6. ศาสตราจารย์อุปการคุณ พันตรี นายแพทย์ ทวี ตุมราศวิน 8 ตุลาคม พ.ศ. 2506 - 5 กันยายน พ.ศ. 2507 (รักษาการ) 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2509 - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2516 7. ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ สมัค พุกกะณะเสน 1 เมษายน พ.ศ. 2516 - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2520 8. ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ ศริพร วณิเกียรติ 1 มีนาคม พ.ศ. 2520 - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2524 9. รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยาใจ ณ สงขลา 1 มีนาคม พ.ศ. 2524 - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 10. ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ จรัส สุวรรณเวลา 1 มีนาคม พ.ศ. 2528 - 8 มกราคม พ.ศ. 2532 11. รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ บรรเทอง รัชตะปีติ 9 มกราคม พ.ศ. 2532 - 8 มกราคม พ.ศ. 2536 12. ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ ศุภวัฒน์ ชุติวงศ์ 9 มกราคม พ.ศ. 2536 - 8 มกราคม พ.ศ. 2540 13. รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ ปรีดา ทัศนประดิษฐ์ 9 มกราคม พ.ศ. 2540 - 30 กันยายน พ.ศ. 2542 14. ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ ภิรมย์ กมลรัตนกุล 1 ตุลาคม พ.ศ. 2542 - 30 กันยายน พ.ศ. 2550 15. ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ อดิศร ภัทราดูลย์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550 - 30 กันยายน พ.ศ. 2554 16. รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ โศภณ นภาธร 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 30 กันยายน พ.ศ. 2558 17. ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 - 30 กันยายน พ.ศ. 2564 18. รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ ฉันชาย สิทธิพันธุ์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 - ปัจจุบัน นิสิตเก่าและคณาจารย์ที่มีชื่อเสียง[แก้]ดูเพิ่มที่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผลิตบุคลากรทางด้านการแพทย์ ทั้งในระดับปริญญาตรี โท และเอก โดยคณาจารย์และศิษย์เก่าได้รับรางวัลมากมายทั้งในระดับชาติและนานาชาติ เช่น นักวิทยาศาสตร์ดีเด่น , เมธีวิจัยอาวุโส สกว. , นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ นอกจากนี้ ศิษย์เก่ายังมีบทบาททางการเมือง การปกครอง และการบริหารต่าง ๆ นิสิตเก่าและคณาจารย์ที่มีชื่อเสียง เช่น
สิ่งก่อสร้างสำคัญ[แก้]คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งอยู่ในพื้นที่ของสภากาชาดไทย มีอาคารเรียนและอาคารฝึกปฏิบัติหลายแห่ง เพื่อรองรับอุปกรณ์การแพทย์ บุคลากรและนิสิตที่มีจำนวนมากและผู้เข้ารับการบริการทางการแพทย์ รวมถึงรถยนต์ที่มากตามจำนวนคน ที่ตั้งที่อยู่ใจกลางเขตเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานครนี้มีข้อจำกัดในการขยายตัว อาคารหลายหลังจึงเป็นอาคารสูงและหลายหลังมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น อาทิ อาคารอำนวยการหลังแรกของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนแบบศิลปะตะวันตก อาคารสถาปัตยกรรมร่วมสมัยอย่างอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ ซึ่งอาคารเหล่านี้เป็นจุดสังเกตสำคัญในการเดินทางมายังคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พิพิธภัณฑ์[แก้]
การเดินทางมาสู่คณะ[แก้]รถโดยสารภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU Pop Bus)
สิ่งสืบเนื่อง[แก้]พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล[แก้]ที่ตั้งปัจจุบันของพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 8 ด้านหลังอาคารแพทยพัฒน์คณะกรรมการบริหารสมาคมศิษย์เก่าแพทย์จุฬาลงกรณ์ ได้ดำเนินการขอพระบรมราชานุญาตจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลเพื่อประดิษฐานหน้าอาคาร อานันทมหิดล โดยได้ติดต่อคุณไข่มุก ชูโต เป็นปฏิมากรผู้ออกแบบปั้นพระบรมรูป ซึ่งหล่อด้วยส่วนผสมของทองเหลืองและทองแดง มีขนาดหนึ่งเท่าครึ่งของพระองค์จริง ประทับนั่งเหนือพระเก้าอี้ ผินพระพักตร์ไปทางเบื้องขวาเล็กน้อย โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินวางศิลาฤกษ์แท่นประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2528 และ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงเททองหล่อพระบรมรูป เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2528 หลังการดำเนินการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์แล้วเสร็จ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 อนึ่ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ เป็นประจำทุกปี ปัจจุบันพระบรมราชานุสาวรีย์ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานด้านหลังอาคารแพทยพัฒน์ ด้านหน้าอาคาร อปร. วันอานันทมหิดล[แก้]วันอานันทมหิดล เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ผู้กำเนิดคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งตรงกับวันที่ 9 มิถุนายน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงดำริที่จะจัดงานวันอานันทมหิดลขึ้นเป็นประจำทุกปี กิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วยพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ ด้านหน้าอาคาร "อปร.", การจัดทำเข็มกลัดที่ระลึกเนื่องในวันอานันทมหิดล เพื่อออกรับบริจาคโดยนิสิตแพทย์ เป็นรายได้สมทบทุนมูลนิธิอานันทมหิดลและช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้, การจัดการแข่งขันตอบปัญหาวิชาการชีววิทยาและวิทยาศาสตร์การแพทย์ชิงโล่พระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, การจัดงานเสวนาเนื่องสัปดาห์วันอานันทมหิดล และกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์อื่น ๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดำเนินงานร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อพัฒนานวัตกรรมทางวิชาการและการบริการทางการแพทย์ให้ดีที่สุดเพื่อสุขภาพของผู้ป่วยทุกประเภท โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยและสถาบันร่วมผลิตแพทย์[แก้]คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ริเริ่มจัด โครงการส่งเสริมการศึกษาแพทย์สำหรับชาวชนบท (Medical Education for Students in Rural Area Project-MESRAP) เป็นครั้งแรกของประเทศเมื่อ พ.ศ. 2521 เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาทางด้านแพทยศาสตร์ไปสู่ชนบทเป็นครั้งแรก และเป็นแม่แบบของ โครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท (Collaborative Project to Increase Production of Rural Doctor-CPIRD) ของกระทรวงสาธารณสุขในเวลาต่อมา โดยคณะได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข จัดการเรียนการสอนชั้นคลินิกที่โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรีและโรงพยาบาลชลบุรี นอกจากนี้ยังได้ริเริ่ม โครงการการศึกษาแพทย์แนวใหม่เป็นแห่งแรกของประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2531 โดยเป็นโครงการร่วมระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย-กองทัพอากาศดำเนินการรับนิสิตที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสายวิทยาศาสตร์ มาศึกษาต่อในสาขาแพทยศาสตร์เป็นเวลา 5 ปี โดยใช้โรงพยาบาลภูมิพลอดุลเดชเป็นสถานที่เรียนชั้นคลินิก และยุติโครงการไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ในปี พ.ศ. 2556 ทางโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ได้เปิดโครงการร่วม "แพทย์จุฬาฯ-ทหารอากาศ" โดยศึกษาชั้นปีที่ 1-3 ที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และศึกษาชั้นปีที่ 4-6 ที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงและพัฒนาโครงการผลิตแพทย์ต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีโครงการที่ยังคงดำเนินการอยู่ ได้แก่ โครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 โครงการทุนกระจายแพทย์หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน (One Doctor One District project-ODOD) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 และโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐด้านสาธารณสุข (Mega project) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 - พ.ศ. 2550 โดยนิสิตในทุกโครงการจะศึกษาในชั้นปีที่ 1-3 (พรีคลินิก) ที่คณะแพทยศาสตร์และคณะอื่น ๆ ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นจึงไปศึกษาต่อระดับชั้นคลินิกในโรงพยาบาลที่ให้ความร่วมมือในโครงการผลิตแพทย์ต่าง ๆ ดังนี้ โรงพยาบาลหลัก ที่ตั้ง สังกัด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เขตปทุมวัน, กรุงเทพมหานคร สภากาชาดไทย โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา (เฉพาะหลักสูตรนานาชาติ) อำเภอศรีราชา, จังหวัดชลบุรี สภากาชาดไทย สถาบันร่วมผลิตแพทย์ ที่ตั้ง สังกัด ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า (เฉพาะโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบทร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข) อำเภอเมืองจันทบุรี, จังหวัดจันทบุรี กระทรวงสาธารณสุข ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลชลบุรี (เฉพาะโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบทร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข) อำเภอเมืองชลบุรี, จังหวัดชลบุรี กระทรวงสาธารณสุข กองแพทยศาสตรศึกษา โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช (เฉพาะโครงการผลิตแพทย์ร่วมกับกรมแพทย์ทหารอากาศ กองทัพอากาศ) เขตสายไหม, กรุงเทพมหานคร กรมแพทย์ทหารอากาศ กองทัพอากาศ สถาบันต่างประเทศในความร่วมมือทางวิชาการและการแลกเปลี่ยนนิสิต (เฉพาะหลักสูตรนานาชาติ) ที่ตั้ง วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยยอนเซ (Yonsei University College of Medicine) โซล, สาธารณรัฐเกาหลี วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (Seoul National University College of Medicine) โซล, สาธารณรัฐเกาหลี วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติคย็องซัง (Gyeongsang National University College of Medicine) ชินจู, สาธารณรัฐเกาหลี มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนหูเป่ย์ (Hubei University of Chinese Medicine) อู่ฮั่น, สาธารณรัฐประชาชนจีน วิทยาลัยแพทยศาสตร์เซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยฟูตัน (Shanghai Medical College, Fudan University) เซี่ยงไฮ้, สาธารณรัฐประชาชนจีน มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์คุนหมิง (Kunming Medical University) คุนหมิง, สาธารณรัฐประชาชนจีน ศูนย์วิทยศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง (Peking University Health Sciences Center) ปักกิ่ง, สาธารณรัฐประชาชนจีน คณะแพทยศาสตร์เหลย์ก๊าเส่ง มหาวิทยาลัยฮ่องกง (The University of Hongkong, Li Ka Shing Faculty of Medicine) ฮ่องกง, สาธารณรัฐประชาชนจีน วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยจูเทนโด (School of Medicine, Jutendo University) โตเกียว, ญี่ปุ่น วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว (School of Medicine, University of Tokyo) โตเกียว, ญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยโอกายามะ (Okayama University) โอกายามะ, ญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยคีวชู (Kyushu University) ฟูกูโอกะ, ญี่ปุ่น บัณฑิตวิทยาลัยแพทยศาสตร์และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครโอซากะ (Graduate School of Medicine and Faculty of Medicine, Osaka City University) โอซากะ, ญี่ปุ่น สถาบันนวัตกรรมสังคมแห่งอนาคต มหาวิทยาลัยนาโงยะ (Institute of Innovation for Future Society, Nagoya University) นาโงยะ, ญี่ปุ่น บัณฑิตวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนาโงยะ (Graduate School of Medicine, Nagoya University) นาโงยะ, ญี่ปุ่น คณะและบัณฑิตวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยฮกไกโด (Faculty and Graduate School of Health Sciences, Hokkaido University) ซัปโปโระ, ญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยสุขภาพฟูจิตะ (Fujita Health University) โตโยเอเกะ, ญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยโออิตะ (Oita University) โออิตะ, ญี่ปุ่น วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยจิเคอิ (Jikei University, School of Medicine) โตเกียว, ญี่ปุ่น วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโทไก (Tokai University, School of Medicine) โตเกียว, ญี่ปุ่น วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนางาซากิ (Nagasaki University, School of Medicine) นางาซากิ, ญี่ปุ่น วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์จิไช่ (Jichi Medical University, School of Medicine) ชิมตสึเกะ, ญี่ปุ่น บัณฑิตวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยคินได (Kindai University, Graduate School of Medical Sciences) โอซากะ, ญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์จีน (China Medical University) ไถจง, ไต้หวัน (สาธารณรัฐจีน) วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ไทเป (College of Medicine, Taipei Medical University) ไทเป, ไต้หวัน (สาธารณรัฐจีน) วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เกาสฺยง (Kaohsiung Medical University College of Medicine) เกาสฺยง, ไต้หวัน (สาธารณรัฐจีน) วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติเฉิงกง (College of Medicine, National Cheng Kung University) ไถหนาน, ไต้หวัน (สาธารณรัฐจีน) สถาบันวิจัยพลังงานนิวเคลียร์ (The Institute of Nuclear Energy Research) เถา-ยฺเหวียน, ไต้หวัน (สาธารณรัฐจีน) วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan University College of Medicine) ไทเป, ไต้หวัน (สาธารณรัฐจีน) ศูนย์แพทย์ มหาวิทยาลัยเอรัสมุสรอตเทอร์ดาม (Erasmus University Medical Center) รอตเทอร์ดาม, เนเธอร์แลนด์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ 1 (University of Medicine 1) ย่างกุ้ง, เมียนมา มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ 2 (University of Medicine 2) ย่างกุ้ง, เมียนมา มหาวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ (University of Pharmacy) ย่างกุ้ง, เมียนมา วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา (University of Oklahoma, College of Medicine) โอคลาโฮมาซิตี, สหรัฐอเมริกา มูลนิธิคลีฟแลนด์คลินิก (The Cleveland Clinic Foundation) คลีฟแลนด์, สหรัฐอเมริกา สำนักงานสุขศึกษาโลกแห่งวิทยาลัยแพทยศาสตร์วีล คอร์เนล มหาวิทยาลัยคอร์เนล (Office of Global Health Education of the Weil Cornell Medical College, Cornell University) นิวยอร์กซิตี, สหรัฐอเมริกา วิทยาลัยสาธารณสุขฮาร์วาร์ด (Harvard School of Public Health) บอสตัน, สหรัฐอเมริกา ศูนย์มะเร็งนายแพทย์แอนเดอร์สัน มหาวิทยาลัยเท็กซัส (MD Anderson Cancer Center at University of Texas) ฮิวสตัน, สหรัฐอเมริกา วิทยาลัยแพทยศาสตร์เดวิด เจฟฟิน มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (David Geffen School of Medicine at UCLA) ลอสแอนเจลิส, สหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (University of California, Los Angeles) ลอสแอนเจลิส, สหรัฐอเมริกา โรงพยาบาลเด็กลอสแอนเจลิส (Children's Hospital Los Angeles) ลอสแอนเจลิส, สหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์แมสซาชูเซตส์ (University of Massachusetts Medical School) วุร์สเตอร์, สหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยเซาท์ฟลอริดา (University of South Florida) แทมปา, สหรัฐอเมริกา โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเมดสตาร์ จอร์จทาวน์ (MedStar Georgetown University Hospital) วอชิงตัน ดี.ซี., สหรัฐอเมริกา วิทยาลัยแพทยศาสตร์เค็ก มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย (Keck School of Medicine, University of Southern California) ลอสแอนเจลิส, สหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยเท็กซัส ซานอันโตนิโอ (University of Texas at San Antonio) แซนแอนโทนีโอ, สหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล (University of Liverpool) ลิเวอร์พูล, สหราชอาณาจักร มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ (University of Glasgow) กลาสโกว์, สหราชอาณาจักร มหาวิทยาลัยลีดส์ (University of Leeds) ลีดส์, สหราชอาณาจักร วิทยาลัยแพทยศาสตร์ซิดนีย์ มหาวิทยาลัยซิดนีย์ (Sydney Medical School, University of Sydney) ซิดนีย์, เครือรัฐออสเตรเลียอ้างอิง[แก้]
แพทย์จุฬา รอบ1 รับกี่คนแพทย์จุฬา TCAS66 รอบ 3 Admission. แพทย์จุฬา ใช้คะแนนอะไรบ้าง 67สำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการยื่นคะแนนเข้าคณะแพทยศาสตร์, คณะทันตแพทยศาสตร์, คณะเภสัชศาสตร์ และคณะสัตวแพทยศาสตร์ ปัจจุบันนี้ต้องใช้ข้อสอบส่วนกลาง อย่าง TPAT1 และ A-Level วิชาสามัญ ในการยื่น โดยมีเกณฑ์คะแนนที่ใช้คัดเลือก ดังนี้ TPAT1 30% และ A-Level วิชาสามัญ 70% (คณิต 1 14%, ภาษาอังกฤษ 14%, ฟิสิกส์ + เคมี + ชีวะ 28%, ภาษาไทย ... แพทย์จุฬา มีกี่รุ่นแล้วอยู่คู่กับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาอย่างยาวนาน มีศิษย์เก่าที่จบการศึกษา แพทยศาสตรบัณฑิตไปแล้วทั้งสิ้น 67 รุ่น จำนวนกว่า 8,000 คน และนิสิตปัจจุบัน ซึ่งในปีนี้เป็น แพทย์จุฬา ใช้เกรดไหมสอบเข้าหมอต้องใช้เกรดเท่าไหร่ ? GPAX 3.50 ขึ้นไป: แพทย์ จุฬาฯ, แพทย์รามาฯ และ แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |