อบต.ชลคราม 52 1 ม.4 ต.ชลคราม อ.ดอนส ก จ.ส ราษฯ 84160

คำพิพากษาศาลฎีกาฯ รองนายก อบต.ชลคราม อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี จงใจยื่นบัญชิทรัพย์สินและหนี้สินิเท็จ 2 ครั้ง ไม่แสดงรายการเงินฝากธนาคาร 3 บัญชี ให้พ้นตำแหน่งทันที นับจากวันสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ต้องห้ามการเมือง 5 ปี จําคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท รอลงโทษ 1 ปี

อบต.ชลคราม 52 1 ม.4 ต.ชลคราม อ.ดอนส ก จ.ส ราษฯ 84160

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า วันที่ 14 ก.ค. 2563 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษา คดีการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้องราย นางพรทิพย์ หีตเพ็ง รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบล (อบต.) ชลคราม อําเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือ ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่ง ทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นกรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายก อบต.ชลคราม ครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตําแหน่ง ครั้งที่ 2 โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สิน ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 3 บัญชี ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่งรองนายก อบต. ชลคราม นับแต่วันที่ 22 มกราคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีคําสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ และ ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้า ปีนับแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย จําคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจําคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี รายละเอียดดังนี้

ผู้ร้องยื่นคําร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือ ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่ง ทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลชลคราม อําเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตําแหน่ง ครั้งที่ 2 ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่ง รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลชลครามที่ดํารงอยู่ในปัจจุบัน และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ของผู้ถูกกล่าวหา กับลงโทษฐานเป็นผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควร แจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลชลคราม ครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับ ตําแหน่ง ครั้งที่ 2 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114, 167, 188 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ

พิเคราะห์คําร้อง เอกสารประกอบคําร้อง และคําให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว คดีวินิจฉัยได้โดยไม่จําต้องเรียกพยานมาไต่สวน ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบล (อบต.)ชลคราม อําเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2552 พ้นจากตําแหน่งวันที่ 6 กันยายน 2556 และได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งครั้งที่ 2 วันที่ 2 ธันวาคม 2556 และยังคงดํารงตําแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบัน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีคําสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ 22 มกราคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่ศาลรับคําร้องไว้พิจารณา ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายก อบต.ชลคราม ครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตําแหน่ง ครั้งที่ 2 โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สิน ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 3 บัญชี

ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณี พ้นจากตําแหน่ง ครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตําแหน่ง ครั้งที่ 2 ในการดํารงตําแหน่งรองนายกองค์การ บริหารส่วนตําบลชลคราม หรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 โดยยกเลิก พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แต่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทําความผิดยังคงบัญญัติให้การกระทําตามคําร้อง เป็นความผิดอยู่และมีระวางโทษเท่าเดิม จึงต้องใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทําผิดบังคับแก่คดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาดํารง ตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบล จึงเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้องภายในสามสิบวันนับแต่วันเข้ารับตําแหน่ง วันพ้นจากตําแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่ง ครั้งที่ 1 และเข้ารับตําแหน่งครั้งที่ 2 ในการดํารงตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลชลครามด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สิน คือ เงินฝากธนาคาร 3 บัญชี ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินเป็นหน้าที่สําคัญของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติ อันเป็นมาตรการในการ ตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองเพื่อให้เกิดการตรวจสอบผู้ใช้อํานาจรัฐ จึงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตําแหน่งครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตําแหน่ง ครั้งที่ 2 ในการดํารงตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลชลคราม เมื่อผู้ถูกกล่าวหายังคง ดํารงตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลชลคราม จึงต้องพ้นจากตําแหน่งที่ดํารงอยู่ในปัจจุบัน และห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมือง เป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง เมื่อศาลได้มีคําสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้แล้ว ผู้ถูกกล่าวหาจึง ต้องพ้นจากตําแหน่งนับแต่วันที่ศาลมีคําสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 17 วรรคสอง และการกระทําของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิด ข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตําแหน่ง ครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตําแหน่ง ครั้งที่ 2 ในการดํารงตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลชลคราม ตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย

พิพากษาว่า นางสาวพรทิพย์ หีตเพ็ง ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือ ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตําแหน่ง ครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตําแหน่ง ครั้งที่ 2 ในการดํารงตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลชลคราม อําเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบล ชลครามนับแต่วันที่ 22 มกราคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่ง ทางการเมืองมีคําสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 17 วรรคสอง และ ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้า ปีนับแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตําแหน่ง ครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตําแหน่ง ครั้งที่ 2 การกระทําของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จําคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจําคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 (คดีหมายเลขแดงที่ อม.9 /2563 วันที่ 14 ก.ค.2563)

อบต.ชลคราม 52 1 ม.4 ต.ชลคราม อ.ดอนส ก จ.ส ราษฯ 84160

อ่านข่าวอื่นๆ

ซุกเงินฝาก 4 บัญชี!ศาลฎีกาฯ คุก 1 เดือนรองนายกเทศมนตรี ต.สวนผึ้ง ราชบุรี -รอลงโทษ 1 ปี

ซุกเงินฝาก 1 บัญชี ป.ป.ช.!ศาลฎีกาฯคุก 1 เดือน รองนายก อบต.ท่าไม้ นครสวรรค์ -รอลงโทษ

ไม่แจ้งที่ดินเมีย 1 แปลง ป.ป.ช.!ศาลจำคุก 1 เดือน นายก อบต.วังหมัน จ.ตาก-รอลงโทษ 1 ปี

ไม่แสดงทรัพย์สินเมีย!ศาลให้นายก อบต.บากเรือ ยโสธร พ้นตำแหน่ง คุก 1 ด. -รอลงโทษ

เปิดบช.รับค่านายหน้า 1 ล. ทิ้งหลงลืม! ศาลยกคำร้อง นายกเทศฯ จ.ชัยนาท ไม่แจ้ง ป.ป.ช.

คุก 1 เดือน รอลงโทษ 1 ปี รองนายก อบต.บางตะเคียน จ.สุพรรณฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช.

ขาดอายุความ 5 ปี! ศาลฎีกาฯยกคำร้อง นายก อบจ. มุกดาหาร ยื่นบัญชีฯเท็จ 2 ครั้ง

คุก 1 เดือน-รอลงโทษ! รองนายก อบต. ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช.

กม.ใหม่ไม่กำหนด! ศาลยกคำร้อง นายก อบต.ลาดพัฒนา จ.มหาสารคาม ไม่ยื่นบัญชีพ้น 1 ปี

คุก 1 เดือน-ให้พ้นตำแหน่ง นายก อบต.สำโรง จ.ศรีสะเกษ ซุกเงินฝาก 12 บัญชี-รอลงโทษ

คุก 1 เดือน รองนายก อบต.หนองหญ้าไทร จ.พิจิตร ไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช. -รอลงโทษ

ศาลฎีกาฯคุก 2 เดือน รองนายก อบต.หนองกบ จ.ราชบุรี ยื่นบัญชีฯเท็จ 2 ครั้ง-รอลงโทษ

ซุกหนี้ 2.2.ล้าน! ศาลคุก 1 เดือนรองนายก อบต.แม่ลา อยุธยา ยื่นเท็จ ป.ป.ช.- รอลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาฯ จำคุก 1 เดือน รองนายก อบต. จ.อุบลฯไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาฯคุก 1 เดือน รองนายก อบจ.มุกดาหาร ปกปิดทรัพย์สิน-รอลงโทษ 1 ปี