ตัวอย่างการเขียนโน้มน้าวใจ เชิญชวน โฆษณา

บริการสื่อความรู้ออนไลน์ Vlearn นี้ เป็นบริการของบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (“บริษัทฯ”) สำหรับผู้ใช้บริการซึ่งลงทะเบียนสำเร็จผ่านช่องทางที่บริษัทฯ กำหนด โดยมีข้อกำหนดและเงื่อนไขดังนี้

Show

1. สื่อความรู้ออนไลน์ Vlearn ที่ผู้ใช้บริการสามารถรับชมได้นั้น เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทฯ และ/หรือ ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ตัวแทนของเจ้าของ หรือบุคคลใดตามที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทฯ ไม่อนุญาตให้มีการทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ ไม่ว่ากรณีใดๆ

2. บริการนี้มีไว้สำหรับรับชมส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่สามารถนำไปเผยแพร่ หรือเปิดเผยต่อสาธารณะได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากบริษัทฯ เป็นลายลักษณ์อักษรหรือแบ่งปัน(Share) ตามช่องทางที่บริษัทฯ อนุญาต

3. ผู้ใช้บริการสามารถรับชมสื่อการเรียนออนไลน์ Vlearn ผ่านเว็บไซต์ https://www.vlearn.world/ ซึ่งสามารถลงทะเบียนและเข้าชมได้ทันทีสำหรับสื่อความรู้ฟรี และสามารถซื้อคอร์สต่างๆ เพิ่มเติมของบริการ VCourse

4. การสมัครสมาชิก

4.1 ผู้ใช้บริการประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล จำเป็นต้องสมัครสมาชิกผ่านช่องทางที่บริษัทฯกำหนด ด้วย Email address (Username) และ รหัสผ่าน (Password) พร้อมกับยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขบริการของบริษัทฯ

4.2 ผู้ใช้บริการจะต้องกรอกข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยืนยันความเป็นผู้ใช้บริการและสามารถสมัครสมาชิกได้เพียง 1 Email address (Username) ต่อ 1 สมาชิกเท่านั้น

4.3 บริษัทฯ มีสิทธิยกเลิกหรือจำกัดความเป็นสมาชิกได้ หากปรากฏว่าผู้ใช้บริการผิดเงื่อนไขการใช้บริการหรือนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจทำให้บริษัทฯได้รับความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใด รวมถึงการกระทำอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย

4.4 ความเป็นสมาชิกจะมีผลอยู่ตลอดไปจนกว่าจะมีการบอกเลิกการเป็นสมาชิก หรือบริษัทยกเลิกการเป็นสมาชิกอันเนื่องจากสมาชิกปฏิบัติผิดข้อกำหนดหรือเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง หรือไม่ทำการแก้ไขภายในระยะเวลาที่บริษัทได้แจ้งให้ทราบ หรือกระทำผิดกฎหมายใด ๆ รวมถึงกรณีที่บริษัทยุติการให้บริการ

4.5 ผู้ใช้บริการจะต้องรักษาบัญชีผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) ไว้เป็นความลับเฉพาะตน และจะไม่ยินยอมให้บุคคลใดนำบัญชีผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) ไปใช้ ไม่ว่าจะโดยความประมาทเลินเล่อ หรือโดยเจตนา หรือโอนสิทธิ หรือโดยประการใด ๆ เป็นอันขาด อย่างไรก็ดี การที่ผู้ใช้บริการยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) ของผู้ใช้บริการนั้น ผู้ใช้บริการต้องรับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับบริษัทฯ และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องแต่เพียงผู้เดียว

5. บริษัทฯ เป็นเพียงเจ้าของลิขสิทธิ์ และ/หรือ ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ตัวแทนของเจ้าของ หรือบุคคลใดตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น มิได้เป็นผู้รับรองความถูกต้องของเนื้อหาแต่อย่างใด

6. บริษัทฯ มีสิทธิเปลี่ยนแปลงเนื้อหา ข้อกำหนดและเงื่อนไขของบริการ ตามความเหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า

7. หากบริษัทฯ ตรวจสอบพบว่ามีการนำบริการไปใช้โดยไม่สุจริต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือนำบริการไปใช้ในทางที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ แก่บริษัทฯ หรือ ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการใช้บริการ บริษัทฯมีสิทธิระงับการใช้บริการได้ทันที

8. การให้ความยินยอมและคำรับรองของผู้ใช้บริการ

ผู้ใช้บริการรับทราบว่ายินยอมให้ผู้ให้บริการ เก็บรวบรวม ประมวลผล ใช้ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เพื่อประโยชน์ในการให้บริการ หรือเพื่อปรับปรุงการให้บริการ และเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือเพื่อวัตถุประสงค์การวิจัยตลาดและการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย หรือเพื่อวิเคราะห์และนำเสนอบริการหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ของผู้ให้บริการ และ/หรือบุคคลที่เป็นผู้จำหน่าย เป็นตัวแทน หรือมีความเกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการ และ/หรือของพันธมิตรทางธุรกิจของผู้ให้บริการ และ/หรือ บริษัทในกลุ่มทรู หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่ใช้บังคับใช้กับผู้ให้บริการทั้งขณะนี้และในภายภาคหน้า โดยผู้ให้บริการสามารถส่ง โอน และ/หรือเปิดเผยข้อมูลข้างต้นให้แก่บริษัทในกลุ่มของผู้ให้บริการ พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ประมวลผลข้อมูล หรือหน่วยงาน/องค์กร/นิติบุคคลหรือบุคคลใดๆ ที่มีสัญญา ข้อตกลง หรือนิติสัมพันธ์ กับผู้ให้บริการหรือมีความสัมพันธ์ด้วยทั้งในประเทศและต่างประเทศ

9. ผู้ใช้บริการยินยอมให้บริษัทฯเชื่อมโยงข้อมูลที่ให้ไว้กับทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนวีเลิร์นเข้ากับบัญชีผู้ใช้ (Username) ที่ลงทะเบียนไว้

10. ผู้ใช้บริการตกลงจะไม่กระทำการหรือร่วมกับบุคคลอื่นกระทำการใด ๆ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในการใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของบริการวีเลิร์นที่ผิดวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ หรือผิดกฎหมาย หรือขัดกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี หรือก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ กับบุคคล และ/หรือผู้ใช้บริการรายอื่น

11. การใช้บริการ Vlearn ไม่ว่าด้วยอุปกรณ์ใด หรือเวลาใด ผู้ใช้บริการรับทราบและตกลงว่าจะปฏิบัติตามข้อกําหนดและเงื่อนไขการใช้ทุกประการ รวมทั้งเงื่อนไขอื่น ๆ ที่บริษัทฯจะได้กำหนดให้มีขึ้นเพิ่มเติมภายหลังตามที่บริษัทเห็นสมควร หรือเพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย

12. บริษัทฯ มีสิทธิเปลี่ยนแปลงบริการหรือระงับบริการได้ตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า

13. ผู้ใช้บริการตกลงใช้นามจริงหรือนามแฝง ที่เหมาะสม สุภาพ โดยห้ามใช้คำหยาบ ดูถูก เสียดสี สร้างความแตกแยก ยั่วยุ ส่อไปในทางลามกอนาจาร ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แสดงถึงการหมิ่นต่อพระบรมเดชานุภาพแห่งสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ หรือแอบอ้าง อ้างอิง พาดพิงถึงบุคคลหนึ่งคนใด สมาชิกที่ปฏิบัติผิดเงื่อนไข จะต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นเองโดยตรงทั้งสิ้น และตกลงยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทฯ หากการฝ่าฝืนดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทฯ

14. บริษัทฯไม่ต้องรับผิดชอบและชดใช้ค่าเสียหายใด ๆ อันเกิดขึ้นหรือเกี่ยวเนื่องกับการใช้บริการวีเลิร์นแก่ผู้ใช้บริการหรือบุคคลอื่นใด ไม่ว่าในกรณีใด ๆ หากบริษัทฯไม่สามารถให้บริการบางส่วนหรือทั้งหมด อันเนื่องจากระบบหรืออุปกรณ์ใด ๆ ของผู้ใช้บริการชำรุดหรือขัดข้อง หรือระบบโทรศัพท์ หรือระบบสื่อสารโทรคมนาคมขัดข้องหรือเหตุใด ๆ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัทฯ

15. พบปัญหาการเข้าชมสื่อความรู้ออนไลน์ Vlearn หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ 02-700-8044 หรือ 064-132-2929  (จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.)

Education > มัธยมต้น > ภาษาไทย

อยากโน้มน้าวใจให้เก่งทำไงดี

2292 views | 31/12/2021

ตัวอย่างการเขียนโน้มน้าวใจ เชิญชวน โฆษณา

ตัวอย่างการเขียนโน้มน้าวใจ เชิญชวน โฆษณา

ตัวอย่างการเขียนโน้มน้าวใจ เชิญชวน โฆษณา

Copy link to clipboard

ตัวอย่างการเขียนโน้มน้าวใจ เชิญชวน โฆษณา

Arrietty .

Content Creator

ตัวอย่างการเขียนโน้มน้าวใจ เชิญชวน โฆษณา


ไม่ว่าจะกับพ่อแม่ ครู กลุ่มเพื่อนในแก๊งค์ เพื่อนในโลกโซเชียล การพูดคุยถกเถียง ชักชวนแลกเปลี่ยนความคิด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมรอบตัวเป็นประจำ แต่กับน้อง ๆ บางคนอาจมีข้อสงสัยว่า พูดอะไรทำไมชอบโดนขัด เหตุผลที่ให้ไป ทำไมถึงไม่ค่อยมีใครฟัง หรือบางครั้งเป็นเพราะเรายังพูดไม่ถูก ให้เหตุผลไม่ดีพอ วันนี้เรามีศิลปะการพูดที่เรียกว่าการโน้มน้าวใจมาฝากกัน


การโน้มน้าวใจ เป็น ศิลปะการพูด เทคนิคการพูดเพื่อให้ผู้อื่นให้รับฟัง เข้าใจ ยอมรับในมุมมองความคิดของเรา บางครั้งผู้ฟังอาจคล้อยตาม หรือยอมเปลี่ยนความคิดและเปลี่ยนการกระทำไปตามทิศทางที่ผู้พูดโน้มน้าวต้องการได้ การพูดโน้มน้าวใจเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนเพื่อให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ ภาษาที่ใช้ต้องชัดเจนและสร้างสรรค์ สอดแทรกอารมณ์ขันในเนื้อหาเพิ่มความน่าสนใจ พร้อมทั้งมีภาษากายที่ดีบ่งบอกความมั่นใจและการยกตัวอย่างเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มความน่าเชื่อถือ ถ้าอยากพูดเก่ง โน้มน้าวใจเพื่อนเก่ง ลองเรียนรู้กลวิธีนี้กันดู


สร้างความน่าเชื่อถือให้ตัวเองก่อน


ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในการพูดโน้มน้าวผู้คน เพื่อให้มั่นใจในตัวผู้พูดและสิ่งที่สื่อสารออกไป ทั้งความน่าเชื่อถือ คำพูดที่ดูจริงใจและเป็นข้อเท็จจริง จะมีเทคนิคอะไรบ้าง ไปดูกันจ้า 


  • ค้นหาความรู้ในเรื่องที่จะพูดให้เป๊ะ ให้ตัวเราเข้าใจอย่างถ่องแท้แม่นยำ มีเหตุผลและมีรายละเอียดชัดเจน มีหลักฐานสนับสนุนข้อมูลที่แสดงความน่าเชื่อถือ 
  • วางเป้าหมายในการพูดให้ชัด วิเคราะห์ระดับของคนฟังทุกครั้ง ว่าควรเลือกถ้อยคำอย่างไร เชิญชวนแบบไหน เสนอแนะอย่างไร เพื่อให้เราสื่อสารได้ตรงจุดตรงใจที่สุด 
  • รับผิดชอบสิ่งที่พูดออกไป มีคุณธรรมจริยธรรมในการพูด เล่าเหตุการณ์หรือประสบการณ์จริง ใช้วิธีการเปรียบเทียบและทางเลือกทั้งข้อดีและข้อเสียให้ผู้ฟังใช้วิจารณญาณและเลือกที่จะคล้อยตามโดยสมัครใจ 
  • แอบสร้างอารมณ์ขันเล็กน้อยขณะพูด เพื่อสร้างความบันเทิงนิด ๆ หน่อย ๆ จะช่วยให้สร้างบรรยากาศให้ดีและไม่จริงจังจนเกินไป


ตัวอย่างการเขียนโน้มน้าวใจ เชิญชวน โฆษณา


การใช้ภาษาให้เหมาะสม 

   สำหรับภาษาที่ใช้ขึ้นอยู่กับประเภทของผู้ฟังเป็นหลัก เช่น ภาษาทางการ ภาษากลาง ๆ ถ้อยคำที่สร้างบรรยากาศเป็นกันเองโดยใช้คำสุภาพให้เกียรติผู้ฟัง เลือกใช้คำพูดให้เหมาะสมน่าฟัง ใช้คำสร้างพลังบวก ระมัดระวังคำที่เป็นภาพลบ เช่น ใช้คำว่าไม่ค่อยมีฐานะแทนคำว่ายากจน ใช้คำว่า ไม่ควรทำ แทนคำว่าอย่าหรือห้ามทำ การพูดโน้มน้าวควรแสดงความปรารถนาดีต่อผู้ฟัง ไม่พูดประชดประชันหรือเหน็บแนม ไม่บังคับข่มขู่ ไม่พูดโจมตีผู้อื่น และต้องคำนึงถึงกาลเทศะเป็นสำคัญ


ฝึกบ่อย ๆ ค่อย ๆ ชิน

การพูดเพื่อโน้มน้าวใจคนเป็นทักษะการพูดที่ทุกคนควรฝึกฝนเป็นประจำ ฝึกควบคุมสติอารมณ์ทำให้ไม่ประหม่า ประเมินผลและปรับปรุงการพูดของตนเองอย่างสม่ำเสมอ คัดเลือกถ้อยคำที่มีจุดประสงค์ชัดเจน มีทัศนคติและเจตนาที่ดี แสดงความจริงใจต่อผู้ฟัง มีเหตุผลสนับสนุนให้ผู้ฟังรู้สึกคล้อยตาม เกิดการเปลี่ยนแปลงความคิดและการกระทำตามอย่างที่ผู้พูดโน้มน้าวต้องการ


ในบางโอกาส หากน้อง ๆ ต้องพูดหน้าชั้นเรียนหรือต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก อีกสิ่งสำคัญคือการฝึกสำเนียงการพูด เสียงดังฟังชัดและคำควบกล้ำถูกต้องชัดเจน ลีลาการพูดน่าฟัง และต้องมีปฏิภาณไหวพริบดีและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ด้วย


   นอกเหนือจากการโน้มน้าวใจด้วยคำพูดแล้ว สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือภาษากายและโทนเสียงพูดที่มีพลัง แสดงออกถึงความมั่นใจ ลองฝึกปรับวิธีการพูดให้คล่องแคล่ว มีการเน้นคำหนักคำเบา พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร ใบหน้ายิ้มแย้ม ทำให้คำพูดไม่น่าเบื่อ การแสดงความมั่นใจส่งอิทธิพลกระตุ้นความรู้สึกของผู้ฟังให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวผู้พูด ทำให้ การพูดโน้มน้าวใจ ได้ผลดี ยิ่งฝึกฝนบ่อย ๆ ให้การพูดเป็นธรรมชาติ ถ้อยคำชัดเจนและตรงตามจุดประสงค์ ทำให้น่าเชื่อถือและโน้มน้าวใจเพื่อน ๆ หรือผู้ฟังให้คิดเห็นคล้อยตามและเต็มใจเปลี่ยนความคิดมาทำตามความต้องการของเราในที่สุด


นอกจากการพูดโน้มน้าวใจในชีวิตประจำวันแล้ว ยังมีศิลปะการโน้มน้าวใจอื่น ๆ แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก ดังนี้


1.การโฆษณาสินค้า เป็นกลวิธีการพูดโน้มน้าวผู้ฟังประเภทหนึ่งที่มีเป้าหมายจูงใจให้เกิดพฤติกรรมการซื้อ โดยเลือกถ้อยคำอย่างพิถีพิถันทำให้สินค้าน่าสนใจ หากซื้อหาไว้ใช้งานแล้วจะเป็นประโยชน์คุ้มค่า ถือเป็นวิธีการพูดโน้มน้าวที่ได้ผลดีอีกวิธีหนึ่ง ทักษะ การพูดโน้มน้าวใจ ให้ผู้ซื้อเห็นความสำคัญของสินค้าหรือบริการจะกระตุ้นให้ปิดการขายง่ายขึ้น ลักษณะของการโน้มน้าวเพื่อโฆษณาสินค้า เช่น


  • การเขียนคำโฆษณาจะเลือกใช้ถ้อยคำกระชับ รูปประโยคสั้น สื่อความหมายชัดเจน โดยมากคำโฆษณามีความแปลกใหม่น่าสนใจ มีเสียงสัมผัสที่ฟังแล้วสะดุดหู ได้ยินแล้วจดจำได้ง่าย
  • เนื้อหาของโฆษณาบอกถึงคุณสมบัติ ประโยชน์ และคุณภาพของสินค้า โดยใช้เหตุผลจริงแต่โฆษณาเกินจริงเพื่อสร้างเรื่องราวน่าสนใจ มีเป้าหมายที่จะชักจูงให้ผู้บริโภคเกิดทัศนคติที่ดีและชื่นชอบในตัวสินค้าและบริการที่เสนอขาย
  • คำโฆษณามุ่งจับจุดความต้องการด้านจิตวิทยาของกลุ่มเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวใจให้ผู้ฟังคิดเห็นคล้อยตามได้ง่าย ทำให้มีการซื้อหรือใช้สินค้าและบริการ เช่น การชักนำให้ทำประกันชีวิตเพราะเห็นถึงสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ 
  • การโฆษณาแบบถี่ ๆ ทางสื่อประเภทต่าง ๆ ภายในช่วงระยะสั้นทำให้ผู้ฟังจดจำได้ดีขึ้น


ตัวอย่างการเขียนโน้มน้าวใจ เชิญชวน โฆษณา


2.โฆษณาชวนเชื่อ เป็น เทคนิคการพูด ที่โน้มน้าวใจผู้ฟังให้เปลี่ยนความเชื่อและการกระทำเกิดผลตอบรับตามที่ผู้พูดต้องการ กลวิธีการพูดถึงเน้นถึงผลลัพธ์เป็นหลักโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องและเหตุผล โดยรวมแล้วแบ่งการโฆษณาชวนเชื่อออกเป็น 2 รูปแบบ คือเป้าหมายเพื่อการค้าหรือทางการเมือง ตัวอย่างลักษณะของการโฆษณาชวนเชื่อ คือ 


  • การใช้ถ้อยคำหรูหราเพื่อเร้าอารมณ์ความรู้สึกอย่างแรงกล้า ทำให้ผู้ฟังเกิดความเชื่อถือ เลื่อมใสศรัทธาต่อผู้พูด ทำให้มีความคิดเห็นคล้อยตามได้ง่ายโดยไม่ได้คำนึงถึงเหตุผล ข้อเท็จจริง หรือตรวจสอบความถูกต้องก่อน รวมถึงชี้ให้เห็นแต่ด้านที่เป็นประโยชน์ ไม่พูดถึงข้อเสียหรือข้อบกพร่องให้รู้
  • ใช้ในกรณีการปลุกระดม เช่น ปลุกระดมให้รักชาติ ปลุกใจให้ใช้สินค้าไทย โดยกล่าวอ้างบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิหรือสถาบันอันทรงเกียรติที่คนส่วนใหญ่เคารพนับถืออย่างสูงเพื่อให้เกิดทัศนคติด้านบวก เพื่อพูดโน้มน้าวผู้ฟังให้เกิดความนิยม เชื่อถือ คล้อยตามและยินดีทำตามหลักการ อุดมการณ์ หรือนโยบายนั้นได้ง่าย
  • กลวิธีการพูดชวนเชื่อโดยทำตัวกลมกลืนไปกับชาวบ้านเหมือนเป็นพวกเดียวกัน ทำให้เกิดความเชื่อใจ วิเคราะห์ผู้ฟังว่ามีการสนทนากันอย่างไรและเลือกแนวทางการพูดอย่างเดียวกัน เหมือนพูดจาภาษาเดียวกันทำให้ผู้ฟังสนใจ เกิดความเป็นกันเองและรู้สึกคล้อยตามและปฏิบัติตามได้ง่าย
  • การโฆษณาชวนเชื่อที่กล่าวอ้างคนส่วนใหญ่ เป็นอีกวิธีที่ชักจูงใจให้ทำตามเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตเหมือนกับคนส่วนใหญ่ ไม่มีพฤติกรรมผิดแปลกจากธรรมเนียมปฏิบัติของคนทั่วไป


ตัวอย่างการเขียนโน้มน้าวใจ เชิญชวน โฆษณา


3. คำเชิญชวน เป็นการเสนอแนะให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยโน้มน้าวให้เห็นประโยชน์ของส่วนรวม ไม่เพียงใช้ ศิลปะการพูด เท่านั้น แต่ยังมีวิธีการอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแจกแผ่นปลิว การปิดประกาศ หรือการเผยแพร่ทางสื่อต่าง ๆ เพิ่มความน่าสนใจและเสริมความน่าเชื่อถือ เช่น เชิญชวนให้เลิกสูบบุหรี่, เชิญชวนทำบุญปล่อยโคและกระบือ ลักษณะของการพูดประเภทนี้ เช่น 


  • การพูดเชิญชวนเป็นการชี้ให้เห็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ถ้อยคำต้องบอกวัตถุประสงค์ชัดเจนว่าต้องการให้ทำอย่างไรและมีข้อดีอย่างไรเพื่อให้เกิดการยอมรับและคล้อยตามได้ง่าย
  • ถ้อยคำที่ใช้เป็นการเสนอแนะ ขอร้อง วิงวอน หรือเร้าใจให้เกิดความรู้สึกและอารมณ์ร่วมกัน ไม่คุกคามขู่เข็ญ กล่าวตำหนิติเตียนหรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นตรง ๆ เทคนิคการพูด ควรมีจังหวะผ่อนเสียงเน้นเสียงน่าสนใจ เสียงพูดนุ่มนวล ฟังดูทรงพลังแต่ไม่แข็งกระด้าง ไม่พูดในลักษณะของการใช้อำนาจหรือออกคำสั่ง หากมีอารมณ์ขันฟังแล้วไม่น่าเบื่อจะพูดโน้มน้าวใจได้ดีขึ้น
  • การพูดเชิญชวนควรแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือ มีเหตุผลหนักแน่น ยึดหลักข้อเท็จจริงโดยแสดงให้เห็นทางเลือกทั้งด้านดีและด้านเสีย ไม่หลอกลวงหรือบิดเบือนความจริงและความถูกต้อง


น้องคนไหนสนใจ ก็ลองนำเทคนิคไปใช้ดู เพื่อฝึกฝนศิลปะการพูดโน้มน้าวใจไปด้วย ไม่แน่ว่า ทักษะนี้อาจจะจำเป็นและช่วยให้น้อง ๆ ประสบความสำเร็จอย่างที่หวังไว้ในหลายๆ ด้านก็ได้นะ