เช่น ส่วนงานที่เชี่ยวชาญของตัวเอง ถ้าให้รายละเอียด (และพูดให้เข้าใจง่ายเหมาะกับคนที่อยู่ต่างสายกะเรา) คนก็จะจำได้มากขึ้น Show
หรือพวกกิจกรรมคลายเครียด ถ้าให้เหตุผลหน่อยว่าทำไมทำแบบนั้น ก็จะจดจำง่าย 2.ให้ความสำคัญกับคำพูดของคนก่อนหน้า เช่น ถ้าคนที่แนะนำตัวก่อนเราพูดถึงกิจกรรมแบบนี้ไปแล้ว เราก็เสริมว่า ของเราก็เหมือน.... เลย การอ้างอิงจะทำให้ทุกคนจำเราง่ายขึ้น และยังแสดงให้เห็นด้วยว่าเราสนใจฟังคนอื่นนะ 3.พูดชัดๆ โดยเฉพาะชื่อ เพราะชื่อคนไทยฟังยากสำหรับคนญี่ปุ่น ถ้ามีอะไรอ้างอิงได้ เช่น มาจากภาษาอังกฤษ..... หรือ ชื่อเราแปลว่า...... ก็จะช่วยได้เยอะค่ะ โดยรวมแล้วก็คือเราต้อง "ใส่ใจคนฟัง" นั่นเองค่ะ!! +++++++ ต่อไปนี้เป็นความรู้สึกของเราต่อการแนะนำตัว และปัญหาที่เราพบตั้งแต่เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นครั้งเยาว์วัย เหตุใดเรียนญี่ปุ่น 6 ปีแล้วยังแนะนำตัวสไตล์初級 +++++++ ในความเป็นจริง เรียนภาษาญี่ปุ่นมา 6 ปี การแนะนำตัวเป็นอะไรที่เจอบ่อยมาก แต่ก็เกลียดมาก ประหม่ามาก ยิ่งกว่าจับฉลากหัวข้อแล้วให้ออกไปสปีชสด เพราะมันคือการพรีเซ้นท์ตัวเองไงล่ะ นอกจากจะต้องมั่นใจในสกิลภาษาแล้วยังต้องมั่นใจในตัวเองด้วย แล้วไงล่ะ ปัญหาอยู่ตรงไหน?? ---ในส่วนสกิลภาษา--- เราคิดว่าก่อนที่จะพูด หรือเขียนอะไรได้สมูธสวยงามราวNative สิ่งจำเป็นคือประสบการณ์ ยิ่งฟังยิ่งอ่านมากแค่ไหน ก็ยิ่งใช้ได้ดี มีสกิลการพลิกแพลงและคลังศัพท์ + ลดความประหม่า ... แล้วไอ้แนะนำตัวเนี่ย เราจะได้ฟังมัน อ่านมัน ที่ไหนเหรอ???? ... ละคร? นิยาย? เพลง? หนังสือพิมพ์? โน้วววว พอลองคิดดูดีๆแล้วเราแทบไม่ได้เห็นมันเลยนี่นา จะมีก็นิดๆหน่อยๆในรายการวาไรตี้ ....ซึ่งใครจะไปสนใจ =___= (อย่างน้อยก็เรา 5555 มาถึงตั้งหน้าฟังมุขตลกกับจ้องหน้าดารา) มันเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในคอนเวอร์เซชั่นนับล้านของภาษาญี่ปุ่น กว่าจะได้ input อีกทีก็....อาจารย์สั่ง เอ้าาา นิสิตแนะนำตัวจ้า จากนั้นมนุษย์ผู้โชคร้ายก่อนหน้าเรา 2-3 คนก็จะทยอยแนะนำตัว ส่วนเราที่ประหม่าสุดชีวิต ก็ฟังว่าเค้าใช้ประโยคอะไรบ้าง และดัดแปลงเข้ากับตัวเองภายใน 5 วิ ...ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก... ซึ่งแน่นอนไม่เคยทำได้ถูกใจตัวเอง 55555555555 #เลข5มีน้ำตาซ่อนอยู่ ---ในส่วนความมั่นใจ--- การแนะนำตัวต้องพูดชื่อช้าๆชัดๆ ต้องอ้างอิงคนก่อนหน้าเพื่อความน่าสนใจ และเฟรนด์ลี่ ถ้าเป็นไปได้ควรมีงานอดิเรกที่ดึงดูด... นี่คือสิ่งที่ใครๆสอนเรามาตั้งแต่เริ่มเรียน และเราก็รับรู้ผลของมันได้จากการเฝ้าดูคนอื่นแนะนำตัว คนที่แนะนำตัวอย่างมั่นใจ นอกจากจะดูเข้าหาง่ายยังดูเก่งด้วย สามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นได้อย่างอิสระ อยากพูดอะไรก็พูด จะว่ายังไงดี เราว่าสกิลภาษากับความมั่นใจมันเกี่ยวเนื่องกัน (ถ้ามั่นหน้าด้วย +อีก 10 คะแนน) แพทเทิร์น 1. เก่งภาษา --> มั่นใจ --> เก่งภาษายิ่งขึ้นผ่านการใช้ หรือความจริงแล้วความมั่นใจจะมาก่อน?? แพทเทิร์น 2. มั่นใจ-->ถูกผิดช่างมันขอพูดก่อน-->เรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเองและเก่งขึ้น ซึ่งมันเป็นไปได้ทั้งสองทางแล้วแต่คน เพื่อนที่เป็น Extrovert มักทำได้ดีในสนามรบ自己紹介 ส่วนเราผู้ขี้อายก็อึนๆ กันต่อไป แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ยังไงดีล่ะ?? เพราะ自己紹介คือการเป็นตัวของตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเอง ถ้าเราเป็นIntrovert แพทเทิร์น 1 และ 2 ข้างบนไม่มีอะไรดีกว่ากัน แต่แค่เราเป็น 1 เราเลยรู้สึกว่า 2 มันมีสเน่ห์ มันเท่ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราไม่มีไง (ณ จุดนี้รู้สึกภาษาไทยตัวเอง断定หนักมาก อยากใส่ คิดว่า.... เราว่า.... ไม่ใช่เหรอ... ลงไปตามความเคยชิน 5555 แต่เดี๋ยวยาว) งั้นเราเดินตามแพทเทิร์น 1 สร้างความมั่นใจให้ตัวเองก่อนลงสนาม 1.จดจำคำพูดของเพื่อนๆในการแนะนำตัว (ไม่ใช่ฟังผ่านๆด้วยความประหม่าเหมือนทุกวันนี้555) 2.ถ้ามีโอกาสฟังของคนญี่ปุ่นก็ฟังอย่างตั้งใจ 3.ฝึกด้วยตนเองหน้ากระจก หรือกับหนูตะเภาที่บ้าน 4.อย่ากดดันตัวเอง เราต้องอีซี่ๆ ประมาณนี้ที่คิดออกค่ะ.... แง บล็อกยาวเกินไป OTL ใกล้จะจบแล้วค่ะๆ ทิ้งท้ายไว้ด้วย自己紹介ฉบับ "แก้ไขอย่างใจเย็น" แล้ว 皆さん。初めまして、8です。ニックネームはミント、英語のM-I-N-Tのミントです。日本語の勉強を始めて6年になりました。これからも頑張って続けたいと思っています。 今は日本語の文法について研究しています。タイ人の学生たちにとってどんなものが難しいかを考え、彼らの勉強がもっと楽で楽しくなるように、研究を進めています。将来は日本語教師になりたいです。今のタイでは、日本文化に興味を持ったり、仕事のためだったり日本語を勉強している学生がとても多くて、彼らの勉強がスムーズに行けるようにサポートしていきたいと思っています。 ทุกวันนี้ หลายๆ คนอาจจะเจอสถานการณ์ที่ทำให้ต้องทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน ชมรม หรือแม้กระทั่งวันแรกของการทำงาน ซึ่งก็จำเป็นต้องใช้รูปแบบการแนะนำตัวที่เหมาะสมสำหรับแต่ละสถานการณ์ด้วย และโดยส่วนใหญ่ก็มักจะต้องเน้นเรื่องการให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับตัวเอง เพื่อที่จะให้คนอื่นพอเห็นภาพว่าคุณเป็นใคร แต่หากเป็นการแนะนำตัวตอนสมัครงานก็จะมีเดิมพันสูงกว่าสถานการณ์อื่นเล็กน้อย เนื่องจากต้องเน้นทั้งการอธิบายให้ฝ่ายนายจ้างได้รู้ว่าคุณเป็นใคร มาจากไหน พร้อมกับใช้โอกาสนี้ในการกำหนดแนวทางสำหรับบทสนทนาที่เหลือ และสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายระหว่างตัวคุณกับผู้สัมภาษณ์ ถึงแม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่นาทีในช่วงต้นๆ แต่การแนะนำตัวนี้จะเป็นตัวตัดสินความประทับใจที่ผู้สัมภาษณ์มีต่อคุณ และอาจส่งผลต่อผลของการสัมภาษณ์ได้เลยทีเดียว ข้อมูลที่ควรอยู่ในการแนะนำตัวของคุณการแนะนำตัวถือเป็นด่านแรกของการสัมภาษณ์งานซึ่งปกติมักจะใช้เวลาสั้นๆ เพียง 1 – 2 นาทีเท่านั้น เราจึงอยากแนะนำให้เลือกข้อมูลอย่างรอบคอบ โดยเน้นเฉพาะข้อมูลที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อที่จะได้แนะนำตัวให้จบภายในระยะเวลาที่เหมาะสม องค์ประกอบสำคัญ:
นอกจากนี้ อย่าลืมสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง “การแนะนำตัว” (Jikoshokai) และ “การนำเสนอความสามารถของตนเอง” (Jiko PR) ด้วย การแนะนำตัว เป็นการบอกข้อมูลพื้นฐานซึ่งจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวคุณได้ ในขณะที่การนำเสนอความสามารถนั้นเป็นการบอกภาพรวมของจุดแข็งและทักษะของคุณที่พิสูจน์ให้เห็นว่าคุณเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ เมื่อแนะนำตัวเสร็จแล้ว ผู้สัมภาษณ์บางคนอาจขอให้คุณนำเสนอความสามารถของตนเองเพิ่มเติมด้วย และนี่ก็คือช่วงเวลาที่คุณสามารถนำเสนอจุดแข็งของตัวเองได้อย่างสบายใจ เคล็ดลับเล็กๆ ที่จะทำให้การแนะนำตัวของคุณน่าประทับใจยิ่งขึ้น1. อย่าลืมประโยคทักทายก่อนและหลังแนะนำตัวก่อนจะเริ่มแนะนำตัวเอง คุณควรเกริ่นด้วยคำทักทายหรือวลีที่แสดงถึงความรู้สึกขอบคุณ ดังนั้น แทนที่จะพูดออกไปในทันทีว่า “ฉันชื่อ …. ” คุณสามารถเริ่มต้นด้วยถ้อยคำง่ายๆ อย่าง 本日お時間をいただきありがとうございます (ขอบคุณสำหรับเวลาของคุณในวันนี้) ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนที่ถ่อมตัวและสุภาพ จากนั้น เมื่อจบการแนะนำตัวแล้ว ก็สามารถลงท้ายด้วยคำว่า 本日は宜しくお願いします เพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณแนะนำตัวเสร็จแล้ว อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนสุภาพและมีความเป็นมืออาชีพด้วย 2. ระบุชื่อของคุณให้ชัดเจน โดยเฉพาะเวลาที่คุณไม่มีชื่อภาษาญี่ปุ่นชื่อในภาษาต่างประเทศมักจะยาวและออกเสียงยากสำหรับคนญี่ปุ่น ดังนั้น หลังจากที่คุณบอกชื่อเต็มไปแล้ว ก็ควรพูดว่า ○○をお呼びください (“กรุณาเรียกผม/ดิฉันว่า …”) เสมอ เพื่อให้ผู้สัมภาษณ์สามารถเรียกคุณได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังจะช่วยให้บรรยากาศดูเป็นกันเองมากยิ่งขึ้นและลดช่องว่างระหว่างตัวคุณกับผู้สัมภาษณ์ได้อีกด้วย 3. เชื่อมโยงความสนใจหรืองานอดิเรกเข้ากับสิ่งที่คุณทำแทนที่จะพูดออกไปเฉยๆเมื่อพูดถึงสิ่งที่คุณสนใจ เราขอแนะนำให้คุณเชื่อมโยงงานอดิเรกของคุณเข้ากับกิจกรรมที่คุณทำอยู่ ดังนั้น แทนที่จะพูดออกไปตรงๆ ทื่อๆ ว่า “ฉันชอบเล่นกีฬา” หรือ “ฉันชอบเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์” คุณก็อาจจะพดว่า “ฉันชอบเล่นกีฬาและเพิ่งเข้าร่วมชมรมแบดมินตันที่อยู่ใกล้ๆ กับที่พักของฉัน” หรือ “ฉันมีความสนใจในคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เด็ก เลยเป็นเหตุผลที่ฉันเลือกเรียนการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย” การอ้างอิงเรื่องราวหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานอดิเรกของคุณ จะช่วยให้คุณถ่ายทอดเรื่องราวของสิ่งที่สนใจให้กับผู้สัมภาษณ์ได้ และยังช่วยให้พวกเขามีเนื้อหาในการต่อบทสนทนากับคุณได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย ควรใส่ความสนใจส่วนตัวหรืองานอดิเรกลงไปในการแนะนำตัวไหม?หลายคนๆ อาจไม่แน่ใจว่าควรจะใส่ความสนใจส่วนตัวหรืองานอดิเรกลงไปในการแนะนำตัวด้วยไหม ซึ่งเรื่องนั้นก็ขึ้นอยู่กับประเภทของงานที่คุณสมัครและบุคลิกภาพของคุณ หากคุณมีความสนใจที่เกี่ยวข้องกับงานที่สมัคร เช่น คุณเป็นคนรักการอ่านและกำลังเข้าสัมภาษณ์งานตำแหน่งบรรณาธิการในสำนักพิมพ์ คุณก็ควรพูดถึงความสนใจของตนเองเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้สัมภาษณ์ นอกจากนี้ หากคุณมีความสนใจด้านอื่นๆ ที่คิดว่าสามารถใช้สร้างความประทับใจ หรือสร้างบทสนทนาเชิงบวกระหว่างคุณกับผู้สัมภาษณ์ได้ก็ควรเสริมเข้าไปในการแนะนำตัวด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้คุณหลีกเลี่ยงการพูดถึงงานอดิเรกที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวงาน เรื่องทั่วไปที่ไม่สามารถเชื่อมโยงกับการกระทำของคุณได้ รวมถึงเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ในการต่อบทสนทนากับผู้สัมภาษณ์ 4. สามารถแทรกเหตุผลในการสมัครงานเข้าไปในการแนะนำตัวได้โดยปกติแล้ว ผู้สัมภาษณ์จะถามถึงเหตุผลการสมัครของคุณในระหว่างการสัมภาษณ์ แต่ก็มีบางกรณีที่คุณสามารถเพิ่มเนื้อหาส่วนนี้ลงไปในการแนะนำตัวอย่างเป็นธรรมชาติได้ เช่น ” ฉันเรียนเอกการออกแบบเว็บไซต์ที่วิทยาลัยมา จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันมองหางานในด้านนี้ ฉันสามารถใช้ทักษะและความรู้ของฉันในการออกแบบเว็บไซต์ที่น่าสนใจได้” เป็นต้น แต่จำไว้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องลงลึกถึงเหตุผลในการสมัครงานที่นี่ เพราะผู้สัมภาษณ์มักจะถามคำถามนี้ในภายหลังอยู่แล้ว อีกทั้งการพูดถึงรายละเอียดสำคัญตอนแนะนำตัวอย่างชาญฉลาดยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าคุณจะเป็นพนักงานที่ตั้งใจทำงาน มีความรู้ และกระตือรือร้นในอนาคตด้วย 5. นำเสนอประสบการณ์ที่ตรงกับงานที่คุณสมัครเท่านั้นการแนะนำตัวนั้นถือเป็นโอกาสที่จะทำให้ผู้สัมภาษณ์ได้รู้จักคุณ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องบอกเล่าประสบการณ์ทั้งหมดของคุณออกไป และอันที่จริงแล้ว คุณก็ไม่ควร ระบุทุกอย่างที่คุณเคยทำในอาชีพการงานของคุณลงไปด้วย เราขอให้คุณเลือกเฉพาะข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่สุดซึ่งผู้สัมภาษณ์จำเป็นจะต้องรู้และต้องการรู้เกี่ยวกับตัวคุณแทน หากคุณเป็นคนที่ทำงานมาหลายปีและมีประสบการณ์ในหลายๆ ด้าน ก็ขอให้คุณแนะนำเฉพาะประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานปัจจุบันที่คุณสมัครเท่านั้น เพราะการพูดเกี่ยวกับงานที่คุณเคยทำทั้งหมดไม่ได้ช่วยสร้างความประทับใจให้กับผู้สัมภาษณ์เลย มันเพียงแต่จะทำให้การแนะนำตัวของคุณยาวขึ้นและดูไร้ความน่าสนใจเท่านั้นเอง หากคุณเพิ่งสำเร็จการศึกษาและยังมีประสบการณ์ไม่มากนัก ก็สามารถมุ่งความสนใจไปที่งานอดิเรกและกิจกรรมที่คุณเข้าร่วมตอนเป็นนักศึกษาแทนได้ เพื่อแสดงให้ผู้สัมภาษณ์ได้เห็นว่าคุณมีคุณสมบัติและความสนใจบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับงาน ตัวอย่างเช่น หากคุณไปสัมภาษณ์งานในบริษัทเขียนโปรแกรมเกม ก็ควรพูดเกี่ยวกับความสนใจในการเล่นเกมและโปรเจกต์การเขียนโค้ดที่คุณได้ทำในสมัยเรียน หรือหากคุณสมัครงานที่ต้องการคนที่มีความคล่องแคล่วและกระตือรือร้นก็สามารถพูดคุยเกี่ยวกับกิจกรรมอาสาสมัครหรือประสบการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมกับผู้อื่นได้ เป็นต้น 6. ใส่ใจกับบุคลิกและภาษากายที่แสดงออกมาแน่นอนว่าเนื้อหาของการแนะนำตัวและวิธีที่คุณถ่ายทอดออกมาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่ในขณะเดียวกัน ท่านั่งและการแสดงออกทางสีหน้าของคุณก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้น อย่าลืมทำสิ่งต่อไปนี้ในขณะที่คุณกำลังสัมภาษณ์ด้วย: สบตาผู้สัมภาษณ์: การสบตามีความสำคัญพอๆ กับการสื่อสารด้วยวาจา การสบตาในขณะที่คุณกำลังพูดจะแสดงให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าคุณกำลังพูดอย่างจริงจังและมีส่วนร่วมในการสัมภาษณ์อย่างเต็มที่ เพราะในการทำงานจริง ทุกคนจะต้องมีปฏิสัมพันธ์และการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานในระดับหนึ่ง ดังนั้น การแสดงให้เห็นว่าคุณมีความเป็นตัวของตัวเองและเป็นนักสื่อสารที่ดีจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก รอยยิ้ม: พยายามรักษาสีหน้าของคุณให้ดูนุ่มนวลและยิ้มแย้มเข้าไว้ เพื่อลดระยะห่างระหว่างคุณกับผู้สัมภาษณ์ และเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีในการสัมภาษณ์ด้วย นั่งตัวตรงและผ่อนคลาย: ห้ามถูมือไปมาหรือนั่งพิงพนักเก้าอี้ระหว่างสัมภาษณ์งานเด็ดขาด พยายามนั่งหลังตรงแต่ไม่ต้องเกร็ง และรักษาท่าทางที่ผ่อนคลายแต่ตื่นตัวเข้าไว้ นี่จะแสดงถึงความมั่นใจและความเป็นมืออาชีพของคุณได้ 7. เรียนรู้จากตัวอย่างการแนะนำตัวในภาษาญี่ปุ่นตัวอย่างการแนะนำตัวเองสำหรับบัณฑิตจบใหม่本日は貴重なお時間をいただき、ありがとうございます。 ○○大学○○学部4年の△△と申します。 大学時代は、フットサルサークルの活動に力を入れました。サークルでは代表を務め、日々の練習・試合の運営から、新入生の勧誘など、幅広い活動に取り組みました。大人数の組織をまとめ上げる経験にやりがいを感じてきたので、そういった長所を活かせる仕事を志しています。 本日は宜しくお願いします。 ขอขอบคุณที่สละเวลาอันมีค่ากับการสัมภาษณ์ดิฉัน/ผมในวันนี้ ดิฉัน/ผมชื่อ ○○ เป็นนักศึกษาปี 4 จากมหาวิทยาลัย ○○ คณะ ○○ ตอนเป็นนักศึกษา ดิฉัน/ผมได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับชมรมฟุตซอลอย่างเต็มที่ ดิฉัน/ผมมีตำแหน่งเป็นประธานชมรม ซึ่งคอยจัดการระบบต่างๆ เช่น การฝึกประจำวัน การจัดการแข่งขัน และการหาสมาชิกใหม่ ประสบการณ์ในการจัดระบบให้คนกลุ่มใหญ่ทำให้ดิฉัน/ผมรู้ว่าตัวเองว่าต้องการหางานที่จะสามารถนำทักษะเหล่านี้ไปใช้ได้ ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับเวลาของคุณในวันนี้ 本日は貴重なお時間をいただき、ありがとうございます。 ○○大学○○学部4年の△△と申します。 私は大学時代、どこの企業でも活躍できる力をつけたいと思い、ベンチャー企業での営業インターンに取り組んでいました。インターンとして学んだ営業の力や、学生リーダーとしてチームを率いた経験を活かし、御社で活躍したいと思っています。 本日は宜しくお願いします。 ขอขอบคุณที่สละเวลาอันมีค่ากับการสัมภาษณ์ดิฉัน/ผมในวันนี้ ดิฉัน/ผมชื่อ ○○ เป็นนักศึกษาปี 4 จากมหาวิทยาลัย ○○ คณะ ○○ ตอนเป็นนักศึกษา ดิฉัน/ผมต้องการพัฒนาทักษะที่จะเป็นประโยชน์กับบริษัททุกประเภท ดังนั้น ดิฉัน/ผมจึงไปฝึกงานตำแหน่งพนักงานขายในบริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่ ดิฉัน/ผมหวังว่าทักษะการขายที่ฉันได้รับจากการฝึกงานและประสบการณ์การเป็นผู้นำที่ดิฉัน/ผมฝึกฝนในตอนเป็นนักศึกษาจะช่วยให้ดิฉัน/ผมได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาบริษัทนี้ในอนาคต ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับเวลาของคุณในวันนี้ ตัวอย่างการแนะนำตัวสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานอย่างมืออาชีพ本日は貴重なお時間をいただき、ありがとうございます。 ○○と申します。○○大学を卒業後、△△システム開発会社でウェブシステム開発を4年間担当していて、金融系のシステム開発をしていました。人員増員の顧客への提案と実績が認められ、小集団をまとめるリーダーになりました。リーダーの仕事は設計書、コーディングのレビュー 進捗管理などです。私は以前より組み込み系開発に興味を持っていました。このたび御社が組み込み系開発のリーダー職を募集されているのを知り、応募させてもらいました。リーダーの経験は1年間でありますが、これまでの開発経験を活かし、利益を上げるために働きたいと考えています。 どうぞよろしくお願い致します。 ขอขอบคุณที่สละเวลาอันมีค่ากับการสัมภาษณ์ดิฉัน/ผมในวันนี้ ดิฉัน/ผมชื่อ ○○ หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ○○ ดิฉัน/ผมก็ได้ทำงานในบริษัทพัฒนาระบบชื่อ △△ เพื่อทำการพัฒนาระบบสำหรับระบบการเงินเป็นเวลา 4 ปี ดิฉัน/ผมได้รับการยอมรับในความสำเร็จจากการเพิ่มจำนวนลูกค้าและได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้ากลุ่มย่อย หน้าที่หลักของดิฉัน/ผมในฐานะหัวหน้าทีมคือการสร้างข้อกำหนดในการออกแบบ (Design Specification) การตรวจดูโค้ด (Code Review) และบริหารจัดการความก้าวหน้าของทีม ดิฉัน/ผมมีความสนใจในการพัฒนาระบบสมองกลฝังตัว (Embedded System Development) ดังนั้น เมื่อดิฉัน/ผมได้ยินว่าบริษัทของคุณกำลังรับสมัครหัวหน้าทีมในการพัฒนาระบบฝังตัวจึงได้ทำการยื่นขอสมัครทันที ถึงแม้ว่าจะมีประสบการณ์ในฐานะหัวหน้าทีมเพียง 1 ปี แต่ดิฉัน/ผมก็เชื่อว่าจะสามารถทำงานนี้ได้อย่างเต็มที่ และจะพยายามใช้ทักษะทั้งหมดที่มีเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับเวลาของคุณในวันนี้ ยิ่งฝึกยิ่งคล่อง!ในบทความนี้ เราได้แนะนำเคล็ดลับบางส่วนที่จะทำให้คุณสามารถแนะนำตัวเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ดีและน่าประทับใจยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เพียงอ่านบทความอย่างเดียวคงไม่พอ ดังนั้น อย่าลืมฝึกพูดให้คล่องปาก และฝึกฝนซ้ำๆ ก่อนการสัมภาษณ์แต่ละครั้งเพื่อที่คุณจะได้ไม่กังวลว่าจะลืมบทพูดด้วย สุดท้ายนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการสัมภาษณ์ก็คือ การแสดงความจริงใจต่อผู้สัมภาษณ์และความพยายามในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทุกโอกาส เราขอให้คุณโชคดีและสนุกไปกับการหางานในญี่ปุ่น! Title photo credit: PIXTA หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊กได้เลย ! |