คดีปีศาจแห่งเมืองไคเฟิง ebook

โจ้วอ๋องแห่งราชวงศ์ซางไร้ซึ่งเมตตาธรรม จีอู่จึงเข้ายึดครองแทน ภายใต้การสถาปนาเซียน เจียงจื่อหยาสละตำแหน่งความเป็นเทพเซียน เพื่อมาจุติเป็นขุนนางผู้สูงศักดิ์ยังโลกมนุษย์ คุ้มครองปกป้องบุตรสาวบุญธรรมตวนมู่ชุ่ยให้เป็นเทพเซียน เวลาผ่านไปพันปี ในใต้หล้าแห่งราชวงศ์ซ่ง เปาบุ้นจิ้นตุลาการผู้ตัดสินความถูกผิด ตวนมู่ชุ่ยได้ถูกส่งให้มากำเนิดยังโลกมนุษย์ ก่อตั้งสำนักซี่ฮวาหลิว องครักษ์ติดดาบขั้นสี่จั่นเจาได้รับคำสั่งจากเปาเจิ่ง ให้มาดำเนินการสอดประสานกับตวนมู่ชุ่ย ร่วมเป็นร่วมตาย จนความรู้สึกค่อย ๆ ก่อตัวเป็นความรัก

การหวนกลับมาเจอกันของเผิงกวนอิงและหวังฉู่หราน

ชีวิตนี้ไม่เสียดายที่เข้านิกายถัง

สาวน้อยใสซื่อผู้ทำให้หนุ่มรูปงามหวั่นไหวเป็นครั้งแรก

ฮูหยินเจ้าเมืองมาทวงรักอีกแล้วจ้า

ความรักอันแสนหวานและโศกเศร้าระหว่างหยางเชาเยว่กับสวีเจิ้งซี

#ทดลองอ่าน ‘คดีปีศาจแห่งเมืองไคเฟิง' ตอนที่ 1-2 กันไปแล้ว ก่อนที่จะไปอ่านเล่มเต็มที่กำลังจะออกเร็วๆ นี้ เอาตอนที่ 3 ไปเรียกน้ำย่อยกันอีกหนึ่งตอน

Posted by ENTER BOOKS on Thursday, August 29, 2019

    โลกมนุษย์มีกฎหมาย แดนปีศาจมีกฎเกณฑ์...ฤดูกาลไม่เคยหยุดนิ่ง สรรพสิ่งล้วนแปรผัน เจ้าสำนักซี่ฮวาหลิวเปลี่ยนหน้า ความสัมพันธ์แต่เก่าก่อนเปลี่ยนแปลง ทว่าโลกยังคงวุ่นวาย ดีร้ายยังปะปน ศาลไคเฟิงพิพากษาช่วยเหลือผู้คน ความเที่ยงธรรมซื่อตรงไม่เปลี่ยนแปร ยามนี้อำเภอเซวียนผิงเกิดอาเพศ ผู้คนมากมายล้มตายด้วยโรคร้ายจนดูคล้ายฝีมือของปีศาจ จักรพรรดิสั่งตัดขาดความช่วยเหลือ "เปาเจิ่ง" เห็นแก่ผู้ทุกข์ยาก ลอบส่งองครักษ์และที่ปรึกษาเข้าเมือง หวังช่วยรักษาและหาเหตุของโรค ทว่าพวกเขาไม่อาจล่วงรู้ว่า นี่หาใช่เล่ห์กลปีศาจหรือภัยธรรมชาติ หากแต่เป็นฝีมือเทพเซียน!

    โลกมนุษย์มีกฎหมาย แดนปีศาจมีกฎเกณฑ์ ศาลยุติธรรมแห่งเมืองไคเฟิงชื่อเสียงลือเลื่อง น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักมือปราบทั้งสี่ "จางหลง"  "จ้าวหู่"  "หวังเฉา"  "หม่าฮั่น" และน้อยยิ่งนักจะไม่รู้จักที่ปรึกษาผู้สุขุม "กงซุนเช่อ"  "องครักษ์จั่นเจา" และ "ท่านเปา" ผู้เที่ยงธรรม เพียงคำร้องทุกข์ถึงมือพวกเขา ความอยุติธรรมใด ๆ ในใต้หล้าล้วนถูกพิพากษา! ทว่าโลกมนุษย์มิได้มีเพียงมนุษย์ ยังมีคดีความอีกมากมายเกิดจากสิ่งชั่วร้าย และอำนาจลึกลับที่มนุษย์ไม่อาจต้านทานจึงเป็นหน้าที่ "เซียนเทพตวนมู่ชุ่ย" เจ้าสำนักซี่ฮวาหลิว ใช้อำนาจสวรรค์ออกสืบสวนช่วยเหลือผู้คน ทั้งคนทั้งเซียนเทพดำเนินการสอดประสาน ศาลไคเฟิงควบคุมหลักกฎหมายในโลก สำนักซี่ฮวาหลิวปราบปรามภูตผีปีศาจในแดนมนุษย์!

ถ้าจำไม่ผิด วันนี้จางหลงจ้าวหู่รับคำสั่งจากใต้เท้าเปาให้ไปจับกุมไป๋เสวี่ยเซียน ฆาตกรคนสำคัญในคดีฆาตกรรมสองศพ

มานั่งหน้าม่อยคอตกเช่นนี้ คงกลับมาโดยไม่มีผลงานเป็นแน่

ไม่ผิดจากที่คิด จางหลงเหลือบตาขึ้นมาแล้วบ่นอู้อี้ออกมาประโยคหนึ่ง “ว่ากันตามเหตุผลเราไปถึงก่อน คนของสำนักซี่ฮวาหลิวไปถึงช้ากว่าเรา…”

ใช่พวกเจ้าไปถึงก่อน ไปถึงก่อนครู่หนึ่งก็ดี ไปถึงก่อนสามปีห้าปีก็ช่าง ขอเพียงคนของสำนักซี่ฮวาหลิวแค่นเสียงฮึออกมาทางจมูกเบาๆ ต่อให้ไม่ยินยอมไม่สมัครใจเพียงใดก็ต้องมอบตัวผู้ต้องหาให้ถึงมือพวกเขา

จั่นเจาหัวเราะอย่างอับจนปัญญา “เช่นนั้น ถือว่าปิดคดีแล้ว”

“ปิดคดีแล้ว” กงซุนเช่อผงกศีรษะ

สายตาของทุกคนหันไปที่เปาเจิ่ง

เปาเจิ่งผลักหนังสือราชการที่กางอยู่บนโต๊ะไปด้านข้าง “ปิดคดี”

ผ่านไปสองวัน มีประกาศผลการสืบสวนคดีฆาตกรรมสองศพ ตามข่าวที่ศาลไคเฟิงปล่อยออกมา ฆาตกรไป๋เสวี่ยเซียนขัดขืนการจับกุมอย่างโจ่งแจ้ง ทำร้ายเจ้าหน้าที่ศาลไปหลายคน จึงถูกจั่นเจาองครักษ์ติดดาบ*ขั้นสี่สังหารโลหิตสาดกระเซ็นไปเจ็ดก้าว จบชีวิตภายใต้คมกระบี่ในที่นั้น

บทที่ 1

 ตามกฎระเบียบต้องออกตระเวนตรวจตรา

จากถนนสายหนึ่งไปยังถนนอีกสายหนึ่ง ระหว่างทางมีทั้งคนนั่งเอ้อระเหยสบายใจมีทั้งคนเร่งมือทำงาน คนที่นั่งเอ้อระเหยสบายใจเงยหน้าขึ้นมาเห็นสีหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เอ่ยทักทายอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าจั่น”

คนที่เร่งมือทำงานยังคงเร่งมือทำงานไม่รู้เลยว่าคนที่จู่ๆ ยื่นมือเข้ามาช่วยประคองผู้นั้นก็คือองครักษ์จั่นแห่งศาลไคเฟิง

ใครๆ ต่างบอกว่าตระเวนตรวจตราเป็นงานหนัก แต่จั่นเจากลับเห็นว่าไม่มีทางใดจะสบายไปกว่านี้แล้ว

เห็นแต่ประกายดาบเงากระบี่ ผู้คนถูกสังหารล้มตายอย่างฉับพลันมาจนชาชิน จู่ๆ ได้มาเดินทอดน่องเอ้อระเหยอยู่ในตรอกบนถนนที่ทอดยาวในช่วงเวลาที่แสงสายัณห์ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า ถึงสิ่งที่ได้ยินจะเป็นเสียงทะเลาะวิวาทของสามีภรรยา ที่ได้กลิ่นคือข้าวดิบอาหารไหม้ แต่ในใจก็ยังคงรู้สึกอบอุ่นอยู่จางๆ

เรื่องรำคาญใจจุกจิกหยุมหยิมเหล่านี้กลับเป็นสิ่งที่หลายคนชั่วชีวิตก็ยากจะพบพาน

เมื่อเลี้ยวเข้าถนนสายหนึ่ง ตรงช่วงกลางของถนน บริเวณหน้าประตูหอวั่นฮวาเห็นมีผู้คนห้อมล้อมอยู่จำนวนมาก เสียงโต้เถียงกันดังแว่วมา

จั่นเจากับจางหลงและจ้าวหู่ต่างหันมาส่งสายตาให้กันแล้วสาวเท้าเร็วๆ ตรงเข้าไป

คนที่ส่งเสียงเอะอะโวยวายกลับเป็นชายหนุ่มหน้าตาอวบอิ่มนวลเนียนคนหนึ่ง ในมือถือตั๋วแลกเงินอยู่สองใบ เขาข่มกลั้นอารมณ์จนใบหน้าแดงฉาน “ตกลงกันแล้วว่าให้ข้าไถ่ตัวชุ่ยอวี้ในราคาสองพันตำลึง ข้ารวบรวมเงินมาได้แล้ว พวกเจ้ากลับไม่มอบคน เห็นข้ามาพูดจาล้อเล่นกับพวกเจ้าหรือ”

แม่เล้าวัยกลางคนที่ยังคงมีจริตจะก้าน ใบหน้าพอกแป้งไว้จนหนาเตอะ เปิดปากพูดทีแป้งก็ร่วงกราว

“ไม่กล้าปิดบังคุณชายจาง ชุ่ยอวี้ไปจากหอวั่นฮวาแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ”

“เหลวไหล!” คุณชายจางถลึงตา แผดเสียงดังขึ้นแปดระดับ “เจ้าเห็นว่าคุณชายหลี่ให้เงินมากกว่าล่ะสิ จึงแอบส่งตัวชุ่ยอวี้ไปบ้านสกุลหลี่ วันนี้ถ้าเจ้าไม่มอบคน ข้าก็จะรื้อหอวั่นฮวาของเจ้าเสีย!”

สมุนรับใช้ท่าทางดุร้ายกลุ่มหนึ่งที่อยู่ด้านหลังคุณชายจางได้ยินแล้วก็ถลกแขนเสื้อขึ้น เผยสีหน้าท่าทางชั่วช้าสามานย์สุดขีดออกมา

แม่เล้าลำบากใจเป็นที่สุด

คุณชายจางทั้งขู่เข็ญบีบบังคับและหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ต่อไป “ชุ่ยอวี้บอกว่าจะรอข้าอยู่ที่หอวั่นฮวา นางจะจากไปโดยไม่ล่ำลาได้อย่างไร หรือมามา*รับประโยชน์จากคุณชายหลี่แล้วร่วมมือกันหลอกข้า”

แม่เล้ายังคงไม่เปิดปาก

คุณชายจางถลึงตาใส่อีกครั้ง “ทุบทิ้งเดี๋ยวนี้!”

เหล่าสมุนรับใช้ดุร้ายขานรับคำหนึ่งด้วยท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือ ฝูงชนที่ล้อมชมอยู่ส่งเสียงฮือฮา จั่นเจาเห็นว่าน่าจะสมควรแก่เวลาลงมือแล้ว

ทันใดนั้นเสียงแหลมเล็กของแม่เล้าก็กรีดดังขึ้น ดังจนคนหูอื้อ

“เป็นสำนักซี่ฮวาหลิว คนของสำนักซี่ฮวาหลิวเอาตัวชุ่ยอวี้ไป!”

คุณชายจางอ้าปากคล้ายฟังไม่เข้าใจ “เจ้าว่าอะไรนะ”

“เป็นสำนักซี่ฮวาหลิว” แม่เล้าวางท่าเหิมเกริม “แน่จริงก็ไปสำนักซี่ฮวาหลิว ไปหาตวนมู่ชุ่ย อย่ามาโอ้อวดเป็นผู้กล้ากับข้า”

มีเสียงโห่ฮาดังขึ้นมาในฝูงชน

“คิดว่าข้าไม่กล้าหรือ” คุณชายจางตบอกพูด “พวกเจ้ากลัวตวนมู่ชุ่ยผู้นั้น แต่ข้าไม่กลัว”

มีเสียงโห่ฮาดังขึ้นมาในฝูงชนอีกครั้ง จากนั้นคนที่มุงดูก็แยกย้ายกันไป

“พวกเจ้าอย่าเพิ่งไปสิ” คุณชายจางร้อนรน “ข้ากล้าจริงๆ ข้าจะไปทุบบ้านตวนมู่ชุ่ยเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าอย่าเพิ่งไป”

สมุนรับใช้คนหนึ่งไม่อาจทนดูต่อไปได้ เข้ามาดึงๆ แขนเสื้อคุณชายจาง “คุณชาย ได้ยินว่าแม้แต่ศาลไคเฟิงยังต้องอ่อนข้อให้ซี่ฮวาหลิวสามส่วน…มืดค่ำแล้ว ควรกลับกันได้แล้ว”

“กลับไปอะไรกัน” คุณชายจางถลึงตาใส่สมุนผู้นั้น ดวงตาของเขาเดิมก็ไม่โต แต่กลับชอบถลึงตาใส่ผู้อื่นจนหางตาเจ็บ “ข้าจะไปหาตวนมู่ชุ่ย ข้าจะไปต่อว่านางเดี๋ยวนี้”

พูดจบก็หมุนตัวก้าวยาวๆ จากไป เดินไปได้ระยะหนึ่งก็หันกลับมามอง บรรดาลูกสมุนที่สาบานว่าจะจงรักภักดีจนตายกลับไม่มีใครตามมาสักคน

“พวกเจ้าไม่ต้องตามมา” คุณชายจางหาทางลงให้ “ข้าจะไปหาตวนมู่ชุ่ยเอง”

“เขาตายแน่แล้ว” จั่นเจาพลันตบๆ บ่าลูกสมุนคนหนึ่ง

ลูกสมุนผู้นั้นพยักหน้าด้วยท่าทางเศร้าสร้อยดุจสูญเสียบิดามารดา จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองว่าใครกันที่กล้าพูดออกมาตรงๆ เช่นนี้

“จั่น…จั่น…” ลูกสมุนผู้นั้นพูดติดอ่าง

“ข้าชื่อจั่นเจา ไม่ได้ชื่อจั่นจั่น” จั่นเจาตบบ่าเขาอีก “พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไปตามคุณชายที่ไม่รู้จักกลัวตายของพวกเจ้ากลับมา”