เซรั่ม (Serum) หรือซีรัม คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเมโลกุลในเนื้อผลิตภัณฑ์ขนาดเล็ก ทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์เซรั่มมีลักษณะที่บางเบากว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าชนิดอื่น ๆ อย่างเนื้อเจล เนื้อครีม โดยเนื้อของเซรั่มจะมีความเหลวตั้งแต่เหลวเป็นน้ำไปจนถึงเนื้อที่ข้นขึ้นมากึ่งเหลว ส่วนสี และความใส - ขุ่นของเซรั่มนั้นจะแตกต่างกันไปตามส่วนผสมที่บรรจุในเซรั่มแตกต่างกันไป Show
แต่คุณสมบัติที่โดดเด่นของเซรั่มที่แตกต่างไปจากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ คือ จะมีความเข้มข้นของสารบำรุงที่เรียกว่า สารออกฤทธิ์สำคัญ (Active Ingredients) สูงกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงเนื้ออื่น ๆ ทำให้เซรั่ม/ซีรั่ม เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงที่ช่วยในการบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลากหลายตามส่วนผสมในเซรั่ม ทั้งแก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ขาดความชุ่มชื้น ช่วยในการควบคุมปัญหา ไปจนถึงเมื่อสิวหายแล้วทิ้งร่องรอยไว้ลดเลือนรอยสิว ด้วยความเข้มข้นที่สูงทำให้ในการใช้เซรั่ม/ซีรัมสามารถใช้ได้ในปริมาณเพียงแค่เล็กน้อย แต่คงคุณภาพได้ดีได้ไม่แพ้ผลิตภัณฑ์เนื้อครีม อีกทั้งขนาดโมเลกุลที่เล็กในเนื้อเซรั่มทำให้สามารถซึมซาบเข้าสู่เซลล์ผิวในระดับโครงสร้างผิวได้อย่างรวดเร็ว และล้ำลึก ประโยชน์ของเซรั่มทำไมเราจึงควรใช้เซรั่ม? ประโยชน์ของเซรั่มคืออะไร? วันนี้ Bioderma จะพามาดูคำตอบกัน เชื่อว่าทุกคนจะเห็นถึงความสำคัญของขั้นตอนการบำรุงผิวด้วยเซรั่มขึ้นมาแน่นอน ประโยชน์ของเซรั่ม/ซีรัม คือ มีสรรพคุณที่ช่วยในการบำรุงผิวเป็นหลัก สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวอื่น ๆ ได้อีกด้วย และเซรั่มยังมีเนื้อผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น ส่งเสริมให้การบำรุงดีขึ้น ดังนี้
ด้วยส่วนผสมที่หลากหลายในตัวเซรั่ม ทำให้เซรั่มสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้หลากหลายจุด ตามแต่ความต้องการของผู้ใช้งาน งั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าเซรั่มต้องอุดมไปด้วยสารสกัดชนิดใดบ้าง จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาผิวตามจุดนั้น ๆ ได้อย่างตรงจุด 1. เซรั่มช่วยลดริ้วรอย (Anti-Aging Serums)เซรั่มที่มีหน้าที่ในการช่วยลดเลือนริ้วรอย ควรมีส่วนผสมที่เต็มไปด้วย อนุพันธ์ของวิตามิน เอ หรือเรตินอล (Retinol) และบาคูชิออล (Bakuchiol) สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวที่หย่อนคล้อย แน่นฟูขึ้นมาอีกครั้ง เติมเต็มร่องริ้วรอยต่าง ๆ ให้กลับมาดูอิ่มฟูอีกครั้ง อย่างไรก็ตามการใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของเรตินอล และบาคูชิออล ไปจนถึงเซรั่มที่มีส่วนผสมชนิดอื่นๆ ควรทาครีมกันแดดทุกครั้ง ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือต้องออกไปทำกิจกรรมข้างนอก 2. เซรั่มแอนติออกซิแดนซ์ (Antioxidant Serums)เซรั่มที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) อย่าง วิตามิน อี วิตามิน ซี ก็จะช่วยลดตัวการทำร้ายผิวให้ร่วงโรยลงไปจากอนุมูลอิสระ เพราะสารอนูมูลอิสระ (Free Radical) คือ โมเลกุลที่ไม่เสถียร อันเนื่องมาจากการขาดอิเล็กตรอน ทำให้โมเลกุลเหล่านี้ไปแย่งจับโมเลกุลเซลล์ในร่างกายที่มีอิเล็กตรอนอยู่เป็นคู่ ๆ จนทำให้เซลล์โมเลกุลในร่างกายไม่เสถียร ขาดความเสถียร ส่งผลให้เซลล์ร่างกายเสียหายได้ 3. เซรั่มช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น (Hydrating Serums)สำหรับผู้ที่มีผิวลอก แห้งเป็นขุย ต้องการความชุ่มชื้น ควรมองหาเซรั่มที่อุดมไปด้วยไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ในการช่วยกักเก็บน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เพราะสารสกัดตัวดังกล่าว มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้มากถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวสาร ถึงแม้สารตัวดังกล่าวร่างกายจะสามารถผลิตได้เองตามธรรมชาติ ตามเนื้อเยื่อ และน้ำหล่อลื่นไขข้อต่าง ๆ แต่เมื่ออายุที่ค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น ทำให้ร่างกายผลิตไฮยาลูรอนลดลงเช่นกัน ผิวจึงดูไม่เต่งตึง อิ่มน้ำเหมือนเก่า การใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหาดูกลับมาสดชื่น อิ่มน้ำขึ้น และยังช่วยลดริ้วรอยตื้นๆ เล็กๆ ให้จางลง 4. เซรั่มลดจุดด่างดำ ปรับสีผิวผู้ที่มีปัญหาจุดด่างดำ ฝ้า กระ รอยสิวบนใบหน้า ต้องการที่จะลดเลือนรอยหมองคล้ำเหล่านี้ให้หายไป แนะนำให้ดูผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) และ AHA หรือ กรดอัลฟ่าไฮดรอกซี (Hydroxy Acid) บรรจุอยู่ในเซรั่ม เพราะไนอะซินาไมด์ เป็นวิตามิน บี 3 รูปแบบหนึ่งที่ร่างกายและผิวพรรณของเราต้องการ แต่ไม่สามารถผลิตเองได้ โดยสารตัวดังกล่าวเมื่ออยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นครีม เป็นเซรั่มก็จะช่วยเพิ่มเกราะป้องกันให้กับผิว เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ส่วนกรด AHA เป็นกรดที่ได้มาจากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวในธรรมชาติ มีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิว เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว และยังช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดรอยฝ้าแดด และรอยจุดด่างดำให้ดูจางลง 5. เซรั่มช่วยให้ผิวกระจ่างใส (Brightening Serums)หากพูดถึงหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้ผิวกระจ่างใส ก็คงจะหนีไม่พ้นเซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามิน ซี ประกอบอยู่ เพราะเป็นเซรั่มที่ช่วยขจัดปัญหาผิวคล้ำ เผยผิวขาวใสออกมาได้ วิตามิน ซี เป็นวิตามินที่พบได้ในธรรมชาติทั้งผัก ผลไม้ โดยคุณสมบัติหลักของวิตามินซีต่อผิวนั้น จะช่วยบำรุงให้ผิวพรรณขาวใส่เปล่งปลั่ง เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวเต่งตึง และช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ผิว ชะลอการเกิดริ้วรอยอีกด้วย 6. เซรั่มผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating Serum)หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกผิวหน้าหมองคล้ำ โทรมไม่แจ่มใส การใช้เซรั่มเพื่อผลัดเซลล์ผิวนั้น เป็นอีกทางออกหนึ่งที่จะช่วยขจัดปัญหานี้ให้คุณได้ โดยควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เซรั่มที่มีส่วนผสมของกรดไกโคลิค (Glycolic Acid) เพราะกรดไกโคลิค (Glycolic Acid) ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นครีม เป็นเซรั่มนั้นจะมีสรรพคุณโดดเด่นในด้านการผลัดเซลล์ผิว ให้เซลล์ผิวเก่าหลุดออก ไม่ให้อุดตันในรูขุมขน และยังช่วยขจัดสิ่งสกปรกต่าง ๆ ในรูขุมขนอีกด้วย พร้อมเปิดผิวให้แลดูกระจ่างใส นอกจากการผลัดเซลล์ผิวจะทำให้ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้นแล้ว ยังทำให้ผิวเรียนเนียน อีกทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นโครงสร้างผิว ลดการเสื่อมของคอลลาเจนในผิวได้ ทำให้ผิวยืดหยุ่น กระชับ เผยผิวแลดูอ่อนเยาว์ 7. เซรั่มยกกระชับ (Firming Serums)หากรู้สึกว่าหน้าหย่อนคล้อย ไม่แน่นเหมือนเดิมแล้ว แนะนำให้ใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมที่ช่วยทำให้โครงสร้างภายในผิวแข็งแรง และควรเป็นเซรั่มที่มีองค์ประกอบสำคัญในการกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างตัวของคอลลาเจนในชั้นผิว เพื่อให้ผิวเต่งตึง ยกกระชับ ไม่หย่อนคล้อย ส่วนประกอบที่สำคัญที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีในเซรั่มยกกระชับ ก็คือ อนุพันธ์วิตามิน เอ หรือ เรตินอยด์ ที่มีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่าออก พร้อมกับกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ และยังเสริมให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน 8. เซรั่มช่วยกระชับรูขุมขน (Pore Tightening Serum)ปัญหาหนักใจอย่างปัญหารูขุมขนกว้าง สามารถบรรเทาลงไปได้ด้วย การใช้เซรั่มที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว จะช่วยให้รูขุมขนของผิวนั้นกระชับขึ้นได้ เพราะความอิ่มน้ำของผิว ทำให้รูขุมขนฟูขึ้น ด้วยเซรั่มที่อุดมด้วยไฮยาลูรอน และวิตามิน บี3 คู่สารสกัดที่จะทำให้ผิวคุณอิ่มน้ำ รูขุมขนฟูและดูกระชับขึ้นมาอีกครั้ง เพราะคุณสมบัติเด่นของกรดไฮยาลูรอนที่ช่วยอุ้มน้ำในผิว กักเก็บน้ำไว้ และวิตามิน บี 3 ก็มีฤทธิ์ในการรักษาน้ำให้ชั้นผิวด้วยเช่นกัน 9. เซรั่มช่วยป้องกันสิว (Anti-Acne Serum)ปัญหาผิวยอดฮิตก็คงจะหนีไม่พ้น ปัญหาสิวที่เข้ามาทำร้ายผิวนั่นเอง หากจะพูดถึงสารสกัดที่ช่วยลดสิวได้ดี แร่ธาตุสังกะสี (Zinc) คงจะอยู่ในลิสต์อันดับต้น ๆ ที่คนเลือกใช้เป็นส่วนประกอบในเซรั่มลดสิว เพราะแร่ธาตุสังกะสีที่เป็นส่วนประกอบในเซรั่มนั้นมีฤทธิ์ในการป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบของผิว และยังช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมน ลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ใครสนใจเคล็ดลับรักษาสิว สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ : รู้จัก “สิว” แบบเจาะลึก! รู้สาเหตุหลักของการเกิดสิว พร้อมบอกวิธีรักษาสิวที่ต้นตอ 10. เซรั่มช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟู (Renewing Serum)อีกตัวช่วยหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวให้กลับมาแลดูสุขภาพดี คือการใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามิน บี 5 ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ วิตามินบี 5 ทำหน้าที่เป็นสารกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ปกป้องไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นไป และยังทำให้ผิวเนียนนุ่ม เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการพัฒนาการทำงานของเซลล์ผิว ต้านสารอนุมูลอิสระ การใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินบี 5 จึงทำให้เกิดเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ชะลอริ้วรอย เผยผิวใหม่ที่แลดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น เซรั่ม และ ครีมบำรุงผิวหน้า แตกต่างกันอย่างไรเซรั่ม และครีมบำรุงผิวหน้า แตกต่างกันอย่างไร หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าแล้วเราควรเลือกผลิตภัณฑ์ตัวไหนในการบำรุงผิวกัน สามารถเลือกใช้แค่ตัวใดตัวหนึ่งได้หรือไม่ หรือจำเป็นต้องใช้ทั้งเซรั่ม ทั้งครีมบำรุงผิวหน้าควบคู่กันไปเลยหรือไม่ Bioderma จึงอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้เห็นถึงคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปของเซรั่ม และครีมบำรุงผิวหน้าก่อน จึงจะได้เข้าใจและสามารถพิจารณาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสม เซรั่ม (Serum)เริ่มต้นกันที่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว “เซรั่ม (Serum)” มีความโดดเด่นที่เนื้อสัมผัสเป็นน้ำ หรือกึ่งน้ำ ทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้หลาย ๆ คน เพราะเมื่อทาลงไปบนผิวแล้วไม่รู้สึกหนักหน้า แต่กลับมอบความสบายให้กับผิวแทน นอกจากนี้เซรั่มยังมีสรรพคุณที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย คุณสมบัติที่โดดเด่นของเซรั่ม มีดังนี้
แต่ด้วยส่วนผสมในเซรั่มที่เข้มข้น ทำให้ง่ายต่อการที่ผิวจะระคายเคือง หรือแพ้ต่อผลิตภัณฑ์ได้ จึงแนะนำว่าก่อนใช้ควรทดสอบก่อน โดยการลองทาเนื้อเซรั่มในบริเวณใต้ท้องแขน เพราะเป็นบริเวณที่ผิวบอบบาง หากทาทิ้งเอาไว้แล้วเกิดอาการระคายเคือง หรือผื่นแดงขึ้น นั่นหมายความว่าอาจจะแพ้ตัวเซรั่มดังกล่าวได้ ครีมบำรุงผิวหน้า (Cream)มาถึงผลิตภัณฑ์อีกประเภทหนึ่งที่เป็นที่นิยมมาตลอดอย่าง ครีมบำรุงผิวหน้า (Cream) คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีส่วนประกอบของน้ำและน้ำมัน ผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรมรวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นเนื้อครีมข้น เนื้อสัมผัสหนาแน่นกว่าเซรั่ม สีมีลักษณะค่อนข้างขุ่น แต่สีอาจจะแตกต่างกันไปตามส่วนผสมในตัวครีม คุณสมบัติของครีมบำรุงผิวที่น่าสนใจ มีดังนี้
แม้ครีมบำรุงจะมีความหนักหน้ากว่าเซรั่ม แต่ทุกคนจำเป็นต้องทาครีมบำรุงเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ถึงแม้บางครั้งผู้ที่มีผิวมันอาจจะคิดว่าผิวหน้านั้นมีน้ำมันมากแล้วก็ตาม แต่แท้จริงแล้วผิวมันก็สามารถขาดน้ำ สูญเสียความชุ่มชื้นในผิวได้ ทำให้ผิวยิ่งผลิตน้ำมันออกมาบนผิวมาก เพื่อทดแทนความชุ่มชื้นที่สูญเสียไป และเป็นตัวช่วยปิดผิวไม่ให้เซรั่มที่ทาไปแล้ว หรือน้ำในผิวสูญเสียออกไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจจะต้องเลือกครีมบำรุงที่เหมาะกับสภาพผิว ในผู้ที่มีผิวมันอาจจะมองหาเนื้อครีมบำรุงที่มีความบางเบาลงมาจากครีมบำรุงทั่ว ๆ ไป หลังจากที่ทราบถึงข้อดีของครีมบำรุงแล้ว จะเห็นได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่สำคัญ และขาดไม่ได้เลยอีกตัวหนึ่ง เพราะมีหน้าที่การใช้ง่ายที่แตกต่างไปจากเซรั่ม แต่ด้วยครีมบำรุงผิวนั้นมีเนื้อครีมที่หนัก ทำให้จำเป็นต้องระวังการอุดตันของผิวเกิดขึ้น และนำมาซึ่งปัญหาสิวต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวผด เป็นต้น วิธีการเลือกเซรั่มให้เหมาะกับสภาพผิวหลักการในการเลือกใช้เซรั่ม/ซีรั่ม (Serum) นั้น จุดสำคัญเลยคือการเลือกเซรั่มให้เหมาะกับสภาพผิวของเรา เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน และไม่ส่งผลเสียต่อผิวแทน โดยเราสามารถแบ่งลักษณะเซรั่มตามลักษณะผิวได้ ดังนี้
|