“เคยคิดมั้ย... ที่เราถูกหักเงินเดือนเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพทุกเดือน เราได้อะไร แล้วจริงๆ ควรหักเท่าไหร่” Show
ยิ่งเก็บเยอะ ยิ่งสบายในยามเกษียณ ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันเราอายุ 30 ปี เงินเดือนอยู่ที่ 30,000 บาทต่อเดือน อัตราการขึ้นเงินเดือน 4% ต่อปี เลือกลงทุนในนโยบายตราสารหนี้ 100% ได้ผลตอบแทน 5.40% ต่อปี
จะหักเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด?หลายคนอาจเคยสงสัยว่า เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ต้องหักกี่เปอร์เซ็นต์ ในการหักเงินสมทบนั้น กฎหมายได้กำหนดให้ลูกจ้างสะสมได้ตั้งแต่ 2-15% ของเงินเดือน และนายจ้างสมทบเข้าเป็นประจำทุกครั้งที่จ่ายเงินเดือนให้อีกในอัตราตั้งแต่ 2-15% ตามข้อบังคับของแต่ละบริษัท เพราะฉะนั้นถ้ามองในแง่ของการลงทุนแล้ว ยิ่งเราสะสมมากเท่าไหร่ เรายิ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น และที่สำคัญเราสามารถนำ “เงินสะสม” ที่เราสะสมในแต่ละปี ไปหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย จะได้รับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพคืนเมื่อไหร่?โดยปกติแล้วสมาชิกกองทุนมีสิทธิได้รับเงินคืนจากกองทุนเมื่อความเป็นสมาชิกสิ้นสุดลง ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ทั้งลาออกจากงาน เกษียณอายุ โอนย้ายกองทุน หรือแม้กระทั่งเสียชีวิต โดยจะได้รับเงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสมทั้งจำนวน ส่วนเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบจะได้รับตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนดไว้ในข้อบังคับกองทุน จะจัดการกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่างไรดี เมื่อลาออกจากงาน?เป็นธรรมดาสำหรับมนุษย์เงินเดือนหน้าใหม่อย่างเราที่เมื่อทำงานมาสักพักหนึ่งแล้ว ก็เริ่มที่จะมองหาความก้าวหน้าในชีวิต รวมถึงการเติบโตในหน้าที่การงานด้วย เพราะฉะนั้นการตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อมองหาความท้าทายใหม่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ก่อนที่จะเปลี่ยนงาน อย่าลืมที่จะรักษาสิทธิต่าง ๆ ที่เราควรได้รับจากที่ทำงานเดิม โดยเฉพาะการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หากบริษัทไหนมีกองทุนนี้ให้กับพนักงาน ไม่อย่างนั้นตัวเราเองนี่แหละที่อาจจะเสียประโยชน์ได้ ซึ่งวันนี้เราได้สรุปมาให้ทุกคนทั้งหมด 3 ทางเลือกด้วยกัน วิธีแรก ฝากไว้กับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของที่ทำงานเดิมได้ โดยจะได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนต่อไป แต่จะไม่มีเงินสมทบ เพื่อรอให้เราพร้อมสำหรับการโอนย้ายไปยังกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของที่ทำงานใหม่ หรือกองทุนรวม RMF ก็ได้ แต่มีค่าธรรมเนียมการคงเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ที่ 500 บาทต่อปี วิธีที่สอง โอนย้ายไปยังกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของที่ทำงานใหม่ หรือกองทุนรวม RMF ทั้งสองกรณีนี้ไม่ต้องเสียภาษีหรือค่าธรรมเนียมใด ๆ แต่ถ้าหากที่ทำงานใหม่ ไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ก็จะต้องนำเงินก้อนนี้ไปไว้ที่กองทุนรวม RMF for PVD แทน ซึ่งตรงนี้ก็ต้องมาศึกษากันว่ามี บลจ. ที่ไหนเปิดรับโอนเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพบ้าง เมื่อโอนย้ายกองทุน PVD เข้า RMF for PVD ก็สามารถสับเปลี่ยนกองทุนได้แต่ต้องเป็นกองทุน RMF for PVD ด้วยกันเท่านั้น วิธีที่สาม นำเงินออกมาลงทุนต่อเอง หรือนำไปใช้จ่ายอย่างอื่น หากมนุษย์เงินเดือนคนไหนลาออกจากงานแล้ว และอยากจะสร้างความท้าทายด้วยการนำเงินไปเริ่มต้นลงทุน หรือนำไปใช้จ่ายในเรื่องที่ต้องการ ก็ต้องมาคำนวณดูว่าเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ได้มาจะยื่นภาษีอย่างไร และเท่าไหร่ ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
สุดท้ายแล้วทางเลือกสำหรับการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเมื่อเราต้องเปลี่ยนงานนั้นก็มีหลากหลายวิธี แตกต่างกันไป และการวางแผนเกษียณผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็มีความสำคัญและมีหลากหลายตัวเลือกให้ตัดสินใจเช่นกัน หากเราจะเลือกวิธีใดก็ควรศึกษาและวางแผนการลงทุน รวมถึงสิทธิประโยชน์ของแต่ละวิธีนั้นให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และเพื่อให้เราสามารถรักษาผลประโยชน์ของเราได้อย่างสูงที่สุด |